ซูกูนะ ฮิโกนะ เทพร่างแคระแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
โพสท์โดย ห่ะไรนะ
ซูกูนะ บิโกนะ คือ เทพร่างแคระ มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเทพโอคุนินูซู ท่านยังได้ชื่อว่า เป็นเทพแห่งความเมตตาอีกด้วย ซึ่งเทวตำนานกล่าวไว้ว่า
ขณะที่เทพโอคุนินูซิทรงประทับอยู่ที่ระเบียบของพระราชวังริมทะเลพร้อมกับพระชายา (พระธิดาของเทพซูซาโนะโอะที่เทพโอคุนินูซิพาหนี
มาจากแดนโยมิ : ดูในตอนเทพโอคุนินูซุ) ซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่นั้น เทพโอคุนินูซิทรงเห็นอะไรบ้างอย่างซึ่งลอยอยู่มีลักษณะเป็นภาชนะเล็กๆ
พอพระองค์หยิกขึ้นมาก็ปรากฏว่ามีคนแคระตัวจิ๋วอยู่ข้างใน คนแคระนั้นได้กระโดดกัดเข้าที่พระปรางค์(แก้ม)ของพระองค์ ซึ่งทำให้พระองค์ทรงกริ้วมาก
แต่พระชายาทรงเกิดความสงสารจึงทรงขอพระสวามีไว้เลี้ยงดู
พอพระองค์ทรงเสด็จยังเทวสภา เหล่าทวยเทพมักพากันถามถึงแผลที่พระปรางค์ของพระองค์ เทพโอคุนินูซิทรงเล่าไปตามความจริง
จนปรากฏเทพองค์หนึ่งยอมรับว่ากับพระองค์ว่า คนแคระนั้นเป็นบุตรของตนที่ตกจากแดนสวรรค์และได้หายสาบสูญไป ดังนั้นเทพผู้เป็นบิดา
ของคนแคระจึงขอร้องฝากฝังให้เทพโอคุนินูซิทรงรับอุปถัมภ์ดูแล จากนั้น ซูกูนะ บิโกนะ จึงกลายมาเป็นศิษย์เอกของเทพโอคุนินูซู
นับแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อเทพโอคุนินูซิทรงวางแผนให้เทพแคระพระองค์นี้ช่วยงานบริหารบ้านเมืองรวมไปถึงการช่วยรักษาโรคต่างๆอีกด้วย แต่ตามเทวตำนาน
ได้กล่าวมาจนถึงจุดจบของเรื่องว่า เทพซูกูนะ ฮิโกนะได้ทรงหายพระองค์ไปอย่างไร้ร่องรอย และไม่มีการกล่าวถึงพระองค์อีกเลย
โอนิ ยักษ์แห่งแดนอาทิตย์อุทัย
โอนิ คือ ยักษ์ที่มีเขาและมีกระบองเป็นอาวุธ คงคล้ายกับที่เราเคยเห็นในการ์ตูนญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยยังเด็ก หรือ เวลาที่แม่ของโนบิตะโมโห
โนบิตะหน้าก็จะเปลี่ยนเป็นหน้าปีศาจที่มีเขา นั้นคือหน้าตาของยักษ์โอนินั้นเอง
ซึ่งยักษ์โอนิในความเชื่อของญี่ปุ่นนั้นมาพร้อมกับพระพุทธศานาจากประเทศจีน ซึ่งเชื่อกันว่ายักษ์โอนิเป็นตัวสร้างความเตือนร้อน
ให้แก่ชาวบ้าน ดังนั้นพระสงฆ์จำต้องทำพิธีกรรมขับไล่มัน และมีความเชื่อว่ามันจะขโมยวิญญาณของคนที่กำลังจะตายด้วย
ยักษ์โอนิยังปรากฏในตำนานและนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น เช่น นิทานญี่ปุ่นเรื่องโมโมทาโร่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กชายประหลาดที่เกิดจากลูกท้อ
ว่าไปแล้วอารมณ์เคยกับวรรณคดีไทยเรื่องสังข์ทองเลย แต่เพียงว่าพระสังข์กำเนิดจากหอยสังข์ แต่โมโมทาโร่เกิดจากลูกท้อ เป็นต้น
ซึ่งโมโมทาโร่รับอาสาไปปราบยักษ์โอนิ โดยมีสหายผู้กล้าติดตามไปด้วย คือ หมา ลิง และ นก เป็นสหายร่วมทางไปปราบยักษ์โอนิได้สำเร็จ
ซึ่งว่าไปแล้วนิทานญี่ปุ่นเรื่องโมโมทาโร่ก็เป็นนิทานญี่ปุ่นที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นญี่ปุ่นก็ว่าได้
ด้วยยักษ์โอนิมีหลายประเภทซึ่ง ทหารที่มีหัวเป็นม้า(มิซูกิ)และวัว(โกซูกิ) ในนรกซึ่งเป็นบริเวณของพระยายมเอมมา โอก็เป็นยักษ์โอนิ
ประเภทหนึ่งด้วยเช่นกัน แต่คาดว่าทหารหัวม้ากับทหารหัววัวนั้นอาจรับมาจากนรกทางพระพุทธศาสนานิกายมหายาน เพราะชาวจีนเอง
ยังเชื่อว่าในนรกภูมิของตนยังมีทหารหัวม้าและหัววัวร่วมด้วย ซึ่งเรามักพบในภาพยนตร์เกี่ยวกับความเชื่อทางพระพุทธศาสนานิกายมหายาน
เช่น ไซอิ๋ว ตอนที่หงอคงอาละวาดนรกยังมีปรากฏทหารหัวม้าและหัววัวอยู่ร่วมด้วยเสมอ ร่วมถึงภาพยนตร์เรื่องอื่นๆของจีนเวลามีฉากนรก
ก็มักปรากฏทหารหัวม้ากับหัววัวอยู่ด้วยเสมอดังนั้นจึงมองได้ว่าทหารหัวม้าและหัววัวนั้นญี่ปุ่นรับมาจากจีน ซึ่งไม่แน่แปลกอะไรเพราะญี่ปุ่น
รับพระพุทธศาสนามาจากประเทศจีนดังนั้นหากมีอะไรที่เคยคลึงกันคงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกประหลาดอะไรนัก และนายนิรยบาลที่ค่อยลงทัณฑ์
สัตว์นรกหรือวิญญาณบาปในนรกญี่ปุ่นนั้นก็เป็นยักษ์โอนิเช่นกันดังที่มีปรากฏในภาพวาดเกี่ยวกับนรกของญี่ปุ่น
โอนิบางพวกบางตนยังเป็นผู้นำความเจ็บป่วยและเชื้อโรคมาให้ ซึ่งความเชื่อที่ว่ายักษ์ที่ตัวนำพาความหายนะ เช่น โรคภัยไข้เจ็บมา
ก็เป็นความเชื่อที่มาจากศาสนาพราหมณ์ เพราะมีการกล่าวถึงยักษ์สามารถนำพาความหายนะมาสู่มนุษย์ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลนี้เคยอ่านพบ
ที่วัดพระเชตุพน (วัดโพธิ์) ที่กล่าวถึงยักษ์ที่นำพาโรคภัยมาเยือนมนุษย์จากทิศต่างๆ ไว้ที่ระเบียบวัดโพธิ์ สามารถไปอ่านชมได้หากมีความสนใจ
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่ายักษ์โอนินั้นเกิดจากดวงวิญญาณของหญิงสาวซึ่งก่อนตายเคยเต็มไปด้วยความริษยาซึ่งอันนี้เป็นทรรศนะของญี่ปุ่น
เพราะพบสืบค้นแล้วพบว่ายักษ์โอนิก็คือ ยักษ์ประเภทหนึ่งคือ รากษส ซึ่งรากษสเป็นยักษ์ที่จัดได้ว่าเป็นยักษ์ชั้นต่ำ เมื่อเทียบกับ
เทพทวารบาลนีโอที่ได้กล่าวไปแล้วในบทก่อนหน้านี้ ซึ่งเทพทวารบาลนีโอจัดได้ว่าเป็นเทพอสูร คือ ยักษ์ชั้นสูง ซึ่งเป็นยักษ์ที่มีบุญบารมีมาก
แต่ด้วยกรรมจากชาติก่อนเกิดจิตริษยาจึงเท่ากับว่าทำบุญเคียงไปทำทำบาปด้วย จึงทำให้มีวิมานและทิพยสมบัติเหมือนเทวดา
แต่มาเกิดในภพภูมิของอสูรกาย เป็นต้น ซึ่งยักษ์ประเภทนี้จักไม่ทานสิ่งมีชีวิตเป็นอาหารเพราะอิ่มทิพย์ด้วยผลบุญที่สร้างมา
ผิดกับรากษสที่เป็นยักษ์ที่เกิดจากผลบาปจึงจำต้องจับสัตว์และสิ่งมีชีวิตอื่นกินเป็นอาหาร ดังนั้นยักษ์โอนิจึงจัดเป็นยักษ์ตระกูลรากษสนั้นเอง
ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่ายักษ์โอนิมีความเป็นภูติผีปีศาจมากกว่าเทพทวารบาลนีโอซึ่งเป็นเทพอสูร หรือยักษ์ช้้นสูง แต่ด้วยที่จัดเอายักษ์โอนิม
าอยู่ในกลุ่มของเทพเจ้าเพราะว่ายักษ์โอนิบางกลุ่มเป็นยักษ์ที่มีธรรมะ และใฝ่เข้าหาพระพุทธศาสนา ซึ่งมีเรื่องเล่าถึงยักษ์โอนิน้อบร้บเป็น
ข้ารับใช้ของพระพุทธเจ้าโดยกระทำการจุดดวงประทีปถวายเบื้องหน้าพระพุทธรูป ดังนั้นยักษ์โอนิจึงได้รับการสรรเสริญว่าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส
ในพระพุทธศาสนา จึงถูกจัดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จำพวกหนึ่งด้วยเช่นกัน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: Ployza, Tabebuia, Thorsten
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ภาพถ่ายสุดหลอน! แว๊บแรกไม่มีอะไร..แต่พอลองดูอีกที งานนี้ถึงกับผวาขับรถตกสะพาน ขณะใช้ Google Maps นำทาง เสียชีวิต 3 ราย (มีคลิป)ปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้วเหตุกราดยิงเสียชีวิตเพิ่ม 4 ศw ล่าสุดยังตามจับตัวไม่ได้ เผยปมสังหาs (คลิป)อุ้ม ลักขณา เปิดตัวหวานใจคนใหม่สุดปัง โปรไฟล์ดีจนชาวเน็ตแห่กดไลค์ไปอาบน้ำกัน! "เมลาย รัชดา" นัดทริปล่วงหน้ากับแก๊งนักบิด..เริ่ม 9-10 ธ.ค.นี้จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่จอห์นนี่ โซมาลี เผชิญคดีเพิ่มในเกาหลีใต้ อาจถูกกักตัวจนถึงปีหน้าของหวานชื่อชวนสะดุด"บีโกหมอย" ชื่อนี้จริงดิ?ไปเนปาลเจอนักพรตต้องระวังใครเป็นคนคิด ทำไมเมืองไทยถึงสะดวกสบายขนาดนี้ ฝรั่งอึ้ง ไทยแลนด์ครบจบในที่เดียวรวมเลขเด็ด! หวยแม่จำเนียร งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เจค พอล ท้า iShowSpeed ขึ้นสังเวียน พร้อมเงินรางวัลรวมกว่า 20 ล้านดอลลาร์!นายแบบฟิลิปปินส์เดือด! โวยเวทีไทย เบี้ยวจ่ายรางวัล รอมาเป็นปี ไม่มีคำตอบภาพถ่ายสุดหลอน! แว๊บแรกไม่มีอะไร..แต่พอลองดูอีกที งานนี้ถึงกับผวาขับรถตกสะพาน ขณะใช้ Google Maps นำทาง เสียชีวิต 3 ราย (มีคลิป)ประเทศที่สงบสุขมากที่สุดในโลก