Dean Corll มนุษย์ลูกอม
โพสท์โดย ห่ะไรนะ
เท็ด บัดดี้ได้รับการจารึกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประเทศอเมริกายุคใหม่
เหยื่อของเขาส่วนมากเป็นผู้หญิงที่ฆ่าเฉพาะผู้หญิงผมยาวๆ เพราะเขามีภูมิหลังที่ผู้หญิงทำร้ายจิตใจเขาอย่างสุดแสนสาหัส
เขาใช้เวลาไม่กี่ปีในการฆาตกรรมต่อเนื่อง ส่งผลทำให้มีผู้หญิงมากกว่า 30 คนต้องจบชีวิตด้วยเงื่อมมือของเขา
ในขณะที่เท็ด บัดดี้เป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดเลวร้ายที่กำหนดเป้าหมายเฉพาะผู้หญิง ดีน โคลล์ก็ถือว่าเป็นฆาตกรที่เลือกเฉพาะ
เด็กผู้ชายวัยรุ่น ภายนอกเขาเหมือนเด็กหนุ่มหน้าตาดี สุภาพแต่จิตใจนั้นราวกับปีศาจร้าย เขามีฉายาว่า “มนุษย์ลูกอม”
เนื่องจากเขาทำอาชีพเป็นคนทำงานในบริษัทลูกอมกิจการครอบครัวในฮุสตัน ระหว่างปี 1965-1968 อีกทั้งเขาเป็นที่รู้จัก
เพื่อนบ้านในท้องถิ่นที่เขามักเป็นคนแจกลูกอมให้แก่เด็กๆ ในท้องถิ่นเสมอ
ดีน โคลล์ (Dean Corll)
ดีน โคลล์ หรือชื่อเต็มคือดีน อาร์โนล โคลล์ (24 ธันวาคม 1939-8 สิงหาคม 1973) เป็นฆาตกรต่อเนื่องชาวอเมริกัน
ที่ได้รับฉายาว่า “มนุษย์ลูกอม” เขาได้สมคบคิดสองหนุ่มเดวิดบูคส์ และเอลเมอ เวน เฮนเลย์ ทำการลักพาตัว ข่มขืน
และฆ่าอย่างน้อย 28 คนระหว่างปี 1970-1973 ในฮูสตัน เท็กซัส และมีใครจับเขาได้ ก่อนที่สุดท้ายจะถูกฆ่า
เมื่อเฮนเลย์ยิงและฆ่าเขาไปเอง และนั่นทำให้ชื่อของเขาได้รับจารึกว่าเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดใน
ประวัติศาสตร์อเมริกา
ดีน โคลล์ เกิดในฟอร์ตเวน รัฐอินเดียน่า ในปี 1939 เป็นลูกคนแรกในครอบครัวที่พ่อเป็นคนเข้มงวด ส่วนแม่เป็นคนให้ท้ายลูก
ทำให้พ่อแม่ของเขาทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนทั้งคู่หย่าขาดกันในปี 1946 หลังจากที่พ่อแม่ของเขาหย่าร้าง เขาและพี่ชาย
กับแม่ได้ย้ายกับไปอยู่ฮูสตัน เท็กซัส เขาสามารถปรับตัวสภาพแวดล้อมใหม่นี่ได้อย่างรวดเร็ว เขามีเกรดเฉลี่ยที่ดีเยี่ยม
ได้รับคำชมจากครูผู้สอนบ่อยๆ ว่าเขาเป็นคนสุขภาพและมีมารยาทดี สนใจเรื่องเครื่องดนตรี เคยเข้าร่วมวงดนตรีโรงเรียน
ในตำแหน่งเล่นทรอนโบน แต่กระนั้นลึกๆ แล้วเขาเป็นคนขี้อาย และไม่เข้าสังคมคนอื่นๆ เคยเป็นโรคไข้รูมาติกมีอาการ
โรคหัวใจจนถึงสั่งห้ามเข้าโรงเรียนมาแล้ว
ต่อมาเขาถูกเกณฑ์ทหารในปี 1964 สังกัดในกองทัพบกระหว่างนี้เขาเริ่มเกิดความคิดว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ไม่กี่ปีต่อมา
เขาถูกปลดประจำการเพราะไม่ชอบชีวิตทหารที่ต้องอยู่อย่างยากลำบาก หลังจากเขาออกมาก็ช่วยมารดาในการดำเนินทำ
ธุรกิจขนมลูกอมเล็กๆ ชื่อร้าน เจ้าชายพีแคน (Pecan Prince) และเขามีความสุขมากในการทำธุรกิจดังกล่าว
พอเวลาทำงานเขาเป็นรองประธานและพนักงานขายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หากถึงเวลาว่าง เขาจะเชิญเด็กในพื้นที่มาบ้าน
เขาเพื่อแจกขนมฟรี จนเขาได้รับชื่อเล่นว่า “มนุษย์ลูกอม” โดยเฉพาะเด็กประถมศึกษาปีที่ 6 เขาจะชอบเป็นพิเศษ
เขารักเด็กมากถึงขั้นสร้างสระว่ายน้ำเล็กๆ หลังบ้านโรงงานลูกอมเพื่อให้เป็นสถานที่ชุมนุมกันของเยาวชนในท้องถิ่น
แต่หลังจากนั้นธุรกิจก็ปิดตัวเพราะแม่ของเขาต้องย้ายไปอยู่โคโลราโดเพื่อทำร้านขนมแห่งใหม่ แต่เขาเลือกที่จะอยู่
เมืองฮูสตันต่อ จึงแยกกับครอบครัวและก็เริ่มเช่าห้องพักและฝึกอบรมเป็นช่างไฟฟ้า
ในช่วงเวลาดังกล่าวผู้ปกครองของดีน ไม่รู้เลยว่าเขามีความเป็นอยู่อย่างไรบ้างแม้จะเห็นสัญญาณความทุกข์ในด้านอารมณ์
ของเขาโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร และปล่อยให้ลูกชายอยู่คนเดียวเพราะเชื่อว่าเขาเลี้ยงดูตนเองได้
โดยหารู้ไม่ว่านี้คือสัญญาณอันตรายที่ส่งผลทำให้ดีนเป็นฆาตกรต่อเนื่องในเวลาต่อมา
ย้อนกลับในปี 1967 ช่วงที่เขาแจกขนมให้เด็กละแวกบ้านนั้นเขาได้รู้จัก เดวิด บรูคส์ ซึ่งตอนนั้นเขายังเป็นเด็กอายุ 12ปี
ชั้นประถมศึกษาปีที่หกและบรูคส์เป็นหนึ่งในเด็กที่เขาชอบเป็นพิเศษ เขาได้คบกับเด็กดังกล่าวจนกลายเป็นสหายที่รู้จัก
ชนิดหวานหยดย้อย เป็นมากยิ่งกว่าเพื่อนรักต่างวัย ชนิดเรียกว่าเขาจะไปไหนก็พาบรูคส์ไปด้วย พอถึงวันว่างเขาก็ชวนบรูคส์ไปเที่ยว
เขาขี่มอเตอร์ไซต์ ส่วนบรูคส์ขี่จักรยาน เวลาบรูคส์ต้องการเงินสดก็ให้เงิน
บรูคส์เคยเป็นเด็กเรียนฉลาดในสมัยประถมเขาได้รับคำชมจากคุณครูอยู่ปล่อย ๆ หากแต่หลังจากเรียนอยู่มัธยมต้นเกรด
ของเขาก็ลดลง ต่อมาครอบครัวของบรูคส์หย่า เขาตัดสินตามแม่ไปเมืองโบมอนต์ ซึ่งห่างออกไป 85 กิโลทางทิซตะวันตก
ของฮูสตัน ในปี 1970 เมื่อเขาอายุ 15 เขาก็ได้รับอนุญาตพักกับโคลล์ได้ตามใจปรารถนา และต่อมาทั้งสองก็เริ่มมี
ความสัมพันธ์ร่วมเพศกัน
ส่วนทางด้านเอลเมอเวน เฮนเลนย์ นั้นโคลล์รู้จักเขาในช่วงเป็นแจกขนมเช่นกัน เขาเกิดเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 1956
เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวลูกสี่ ที่พ่อเป็นพวกชอบดื่มแอลกอฮอล์ และแม่ที่เคร่งศาสนาและเข้มงวดเรื่องการเรียนเด็ก
และนิสัยพ่อแม่ต่างกัน ทำให้ทั้งคู่หย่าร้างในปี 1970
เช่นเดียวกับบรูคส์ เฮนเลนย์เคยเป็นเด็กที่ค่อนข้างฉลาด แต่เมื่อพ่อแม่ของเขาหย่าร้างกัน ทำให้เขาต้องช่วยแม่หาเงินมาใช้
ในครอบครัวในช่วงกลางวันและช่วงเย็นทำให้มีเวลาน้อยมากในการอ่านหนังสือ ส่งผลทำให้ผลการเรียนของเขาถดถอย
อย่างรวดเร็ว และเมื่อเขาอายุ 15 ปีก็ต้องออกจากโรงเรียนมัธยม ต่อมาพยายามที่จะเข้ากองทัพแต่ได้รับการปฏิเสธเพราะการศึกษาต่ำ
เฮนเลนย์เป็นเพื่อนสนิทของบรูคส์ ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน และชอบเล่นอะไรเหลวไหลด้วยกัน และด้วยความใกล้ชิดนี่เอง
ทำให้เพื่อนแนะนำเขาได้รู้จักกับดีน และด้วยพื้นฐานครอบครัวเหมือนกัน ประวัติชีวิตคล้ายๆ นิสัยที่เข้ากันได้
ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสามพัฒนาอย่างรวดเร็ว จากเพื่อนรักกลายมาเป็นรักร่วมเพศในที่สุด
ไม่มีใครรู้ว่าสาเหตุที่โคลล์กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องคืออะไร และไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง จนกระทั้งมารู้หลังจาก
มีการควบคุมตัวเฮนเลนย์ซึ่งตอนนั้นอายุ 14 และบรูคน์อายุ 15 ที่ออกแฉว่าเขามีความสัมพันธ์ทางเพศกับโคลล์ และเป็นผู้สวมรู้ร่วมคิด
ในการช่วยดีนก่อคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง โดยดีนเริ่มฆ่าเหยื่อระหว่างปี 1970-1973 เพียงแค่ 3 ปีเขาสามารถฆ่าเหยื่อ 28 คน
ทั้งหมดเป็นเพศชาย อายุ 13-20 ปีซึ่งส่วนใหญ่เป็นวับรุ่นช่วงกลาง ซึ่งวิธีฆ่านั้นดีนจะจ้างพวกเขาเป็นรายค่าหัว 200 ดอลลาร์ต่อหนึ่งหัว
เพื่อที่ให้พวกเขาล่อเหยื่อที่เป็นชายหนุ่มมาบ้านของเขา ส่วนใหญ่เหยื่อมักเป็นผู้ชายที่มีรายได้ต่ำละแวกใกล้เคียงฮูสตัน
ชักจูงด้วยแอลกอฮอล์และยาเสพติด หรือลักพาตัว โดยใช้รถตู้และบ้านเคลื่อนที่ของเขามาช่วยในการก่อเหตุ
ที่น่าตกใจคือเหยื่อหลายคนยังเป็นเพื่อนวัยเด็กของเฮนเลนย์ทำให้ง่ายต่อการชักชวนเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนกัน
และเมื่อเหยื่อเหล่านี้เขามาในบ้านของดีนจะถูกทรมานข่มขืนและฆาตกรรมเพื่อสนองตัณหาของเขา
คำถามต่อมาคือโคลล์ทรมานเหยื่อของเขายังไงเหรอ คำตอบนี้อยู่ที่การค้นบ้านของดีน หลังจากที่เฮนเลนย์ก่อเหตุฆาตกรรมดีนไปแล้ว
เมื่อตำรวจตรวจค้นก็พบหลักฐานมากมายในบ้านดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนของดีนที่ถูกใช้เป็นสถานที่สนองตัณหาของเขาโดยเฉพาะ
เพราะเต็มไปด้วยอุปกรณ์ที่ใช้ทรมานและฆาตกรรม ไม่ว่าจะเป็น กุญแจมือ เชือก อวัยวะเพศเทียมขนาดใหญ่ ลังไม้ที่ใส่อุปกรณ์แปลกๆ
มากมายที่สุดแสนจะพรรณนามากมาย และไม่ต้องบอกเลยว่าเหยื่อต้องพบกับรายการทรมานอะไรบ้างก่อนที่จะถูกฆาตกรรม
เหยื่อจะถูกตรึงแขนขากับเตียงไม้อัด ในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็ถูกทำร้ายทางเพศซึ่งส่วนมักมักทำร้ายที่อวัยวะเพศ
อย่างสุดแสนสาหัส เช่น เอาเข็มแหลมๆ แทงไปที่อวัยวะเพศ ถูกตี ทรมาน ทำเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลายวัน และเมื่อเบื่อเมื่อไหร่
ก็จัดการฆ่าตายด้วยการบีบคอหรือยิงด้วยปืนพก .22 จากนั้นก็นำร่างกายใส่ถุงพลาสติกและฝังไว้ในพื้นที่ห่างไกล เช่น ป่า ชายหาด
มีหลายกรณีที่โคลล์บังคับเหยื่อของเขาโทรศัพท์หรือเขียนจดหมายไปหาพ่อแม่ผู้ปกครองของพวกเขาถึงสาเหตุที่ขาดเรียน
หรือหนีออกจากบ้านว่าพวกเขาหนีออกจากบ้านและตอนนี้อยู่กับคนรู้จัก ปลอดภัยดีไม่ต้องออกตามหา ทำให้ครอบครัว
ไม่นึกเอะใจสงสัย และดีนยังชอบสะสมเครื่องประดับหรือกุญแจที่ได้จากเหยื่อของเขา อีกทั้งระหว่างปีที่ลักพาตัวและฆาตกรรม
เขามักเปลี่ยนที่อยู่หลายครั้ง แต่ส่วนมากมักอยู่แถวฮูสตันส์เป็นหลัก และในปี 1973 เขาย้ายมาอยู่พาซาดีน่าซึ่งเป็นที่อยู่
สุดท้ายก่อนที่เขาจะถูกฆาตกรรมโดยเฮนเลนย์
เจฟฟรีย์ โกเมนเหยื่อรายแรกของโคลล์
คาดว่าเหยื่อรายแรกของโคลล์ ก็คือ เจฟฟรีย์ โกเมน น้องใหม่มหาลัยเท็กซัส อายุ 18 ปี ที่หายตัวไปวันที่ 25 กันยายน 1970
ในขณะที่เขาไปที่บ้านพ่อแม่ในฮูสตัน ไม่มีใครทราบข่าวเลย จนกระทั้งเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 1973 เดวิด บรูคส์พาตำรวจ
ไปยังที่ฝังศพของเขาที่ถูกฝังที่ชายหาดแลนด์บีช ในสภาพเปลือยกายห่อด้วยพลาสติกและมีเชื่อผูกแขนและเท้า จากการชันสูตร
พบว่าเจฟฟรีย์ตายเพราะขาดอาการหายใจ จากการรัดคอและใช้ผ้าปิดปาก นอกจากนั้นยังพบการละเมิดทางเพศอย่างน่ากลัว
13 ธันวาคม 1970 เดวิดบรูคส์ล่อเด็กชายสองคน อายุ 14 ปีชื่อ เจมส์ กลาสและแดนนี่ เยทส์ จากงานชุมชนศาสนาที่จัดใกล้ฮูสตัน
และพาเด็กสองคนไปยังพาร์ทเมนต์อาร์ลิงตัน เพื่อปล่อยให้โคลล์จัดการ โดยสองเยาวชนถูกติดกับกระดานไม้ทรมานของเขา
และจัดการข่มขืนและรัดคอทั้งสอง จากนั้นก็นำศพไปฝังเพิงเรือที่โคลล์เช่าเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน
หกสัปดาห์หลังจากฆ่าสองเด็ก โคลล์ก็หาเหยื่อรายใหม่ต่อไป จนกระทั้งถึงวันที่ 30 มกราคม 1971 บรูคส์และโคลล์พบสองวัยรุ่น
ชื่อโดนัลด์และเจมส์ วาลดร็อป เดินออกจากลานโบว์ลิง เด็กทั้งสองได้ถูกลักพาตัวเข้าใส่รถตู้ของโคลล์ที่ขับลักพาตัวไป
จนถึงอพาร์ทเม้นที่โคลล์ จากนั้นก็ทรมานข่มขืนและรัดคอก่อนที่จะฝังที่เพิงเรือ ระหว่างเดือนมีนาคมและเดือนพฤษภาคมปี 1971
โคลล์ฆ่าชายเด็กชายสองคนอายุระหว่าง 13 และ 16 ด้วยวิธีเดียวกับพี่น้องวาลดร็อป โดยสองในสามคือดาวิด ฮิลล์เกส
อายุ 13 ปี และมอลลีย์ วิงเคิล อายุ 16 ปี หายไปยังสระน้ำพื้นที่ใกล้บ้านเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 1971 พ่อแม่ของเด็กเป็น
ห่วงสองเด็กมากจึงพยายามออกตรมหา และคืนนั้นเองนางก็ได้รับโทรศัพท์แปลกๆ จากมอลลีย์เขาบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
แต่แม่ของเขามี่เชื่อเพราะมีหลายคนบอกว่าเห็นเด็กชายสองคนขึ้นรถตู้สีขาวก่อนที่จะหายตัวไป พวกพ่อแม่เด็กแจกจ่ายใบปลิว
พร้อมเงินรางวัล ทั้งจ้างนักสืบไปด้วย แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว และวันที่ 17 สิงหาคม บรูคส์ได้หลอกล่อเพื่อนคนหนึ่งชื่อ รูบีน วัตสัน
ให้ออกจากบ้านเพื่อชวนไปงานปาร์ตี้ในบ้านของโคลล์ และเมื่อเขามาถึงกับถูกฆ่ารัดคอก่อนที่จะถูกนำไปถังที่เพินเรือเหมือนเหยื่อรายอื่นๆ
แน่นอนว่าการสูญหายของเด็กมากมายเหล่านี้ ตำรวจคงไม่รอดพ้นจากการถูกจวกหนักจากประชาชน ตำรวจเมืองฮูสตันถูกวิจารณ์
อย่างหนักว่าล้มเหลวในการตรวจสอบรายงานหายตัวไปของเด็กหนุ่มจำนวนมาก ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนหนึ่ง อย่าลืมว่าคดีเด็กหายไปนั่น
ส่วนใหญ่เป็นการหนีออกจากบ้านซึ่งมักเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยในอเมริกา แต่ส่วนมากเด็กมักหายไปในช่วงสั้นๆ เพราะว่าเด็ก
ดังกล่าวไม่มีที่จะไป และไม่มีเงินมากพอที่จะไปไหนไกล เมื่อถึงเวลาก็กลับบ้านได้เอง
คดีเด็กหายสูญมากเจ้าหน้าที่ไม่ค่อยสนใจมากนัก หากไม่มีรายงานแปลกๆ เข้ามาก็คือเด็กหนุ่มหายไปจากสระว่ายน้ำหรือ
ภาพยนตร์โดยพวกเขาโดยลักพาตัวจากรถแปลกหน้า อีกทั้งถึงแม้สืบไปก็เป็นไปได้ยาก เพราะไม่มีเบาะแสใดๆ ในการตามตัวฆาตกร
อีกทั้งเมืองฮูสตันเองก็เป็นเมืองใหญ่ยากที่จะเริ่มต้นสืบว่าคดีไหนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกันบ้าง อีกทั้งในปี 1970 อเมริกากำลัง
อยู่ในช่วงที่กำลังพัฒนาหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ทางการตำรวจยังไม่เข้มแข็งมากนัก อีกทั้งยังขาดทรัพยากรและปัจจัยสำคัญ
ในการสืบคดี โดยเฉพาะฆาตกรต่อเนื่องถือว่าเป็นคดีที่เกิดขึ้นบ่อยและสืบยากที่สุดในช่วงเวลานั่น
เมื่อถึงปี 1972 โคลล์ยังไม่เลิกล้มที่จะหยุดฆ่าโหดเหยื่อของเขาพร้อมกับคดีเด็กวัยรุ่นหายในเมืองฮูสตันเองก็ทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้นไปด้วย
มาคราวนี้เฮนเลนย์ยอมรับข้อเสนอโคลล์ในการให้ความร่วมมือ ในการลักพาตัวเหยื่อและมีส่วนร่วมการฆ่าคนครั้งแรก
9 กุมภาพันธ์ วิลลาร์ด บรันช์ จูเนียร์ อายุ 17 ปี หายตัวไป และพ่อของเขาหัวใจวายในขณะที่ร่วมมือกับตำรวจค้นหาเขาด้วยอาการ
กระวนกระวาย ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รู้ว่าเขาเป็นเหยื่อของโคลล์เขาถูกยิงและถูกฝังเพิงเรือ ซึ่งกว่าจะพบศพก็ล่วงเวลานาน
ถึงดือนกรกฎาคม 1985
หนึ่งเดือนต่อมา 24 มีนาคม เฮนเลนย์กับบรูคส์และโคลล์ ได้ตีสนิทเด็กอายุ 18 ปี คนหนึ่งชื่อ แฟรงค์ แอนโธนี่ อคิวเร่ ที่ออกจาก
ร้านอาหารที่เขาทำงานและกำลังจะไปบ้านแฟน ระหว่างทางพวกเขาชวนเด็กหนุ่มให้ขึ้นรถตู้เพื่อไปอพาร์ทเมนโคลล์ว่าจะไปเลี้ยงเบียร์
และกัญชา ซึ่งผลปรากฏว่าอคิวเร่ตอบตกลง และเมื่อไปถึงพวกเขาก็ถูกรัดคอและถูกฝัง
วันที่ 20 เมษายน เฮนเลนย์กับบรูคส์ได้ล่อเหยื่อชื่อมาร์ค สก็อต อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นเพื่อนของเขาเพื่อให้โคลล์จัดการแต่กระนั้น
การฆ่าสก็อตมีเรื่องผิดพลาดเล็กน้อย เนื่องจากเหยื่อต่อสู้ขัดขื่นทำให้พวกเขาต้องใช้เชือกรัดคอและปืนยิง (โดยเฮนเลย์มีส่วนร่วม
ในการฆ่าครั้งแรก) นำไปฝังศพที่หาดแลนด์บีช และศพของเขายังไม่ถูกพบจนถึงทุกวันนี้
เฮนเลนย์และบรูคส์ได้กล่าวอ้างว่าโคลล์เป็นชายที่มีนิสัยชอบทารุณเพื่อให้เกิดตัณหา ซึ่งเขายังให้พวกตนมีส่วนร่วมในการ
ฆาตกรรมด้วย ยกตัวอย่าง วันที่ 21 พฤษภาคม เฮนเลย์กับบรูคส์ล่อเหยื่อมาสองคนคือ จอห์นนี่ ดิลวัน อายุ 16 ปี
และบิลลี่ บัล์ช อายุ 17 ปี โดยบัล์ชเป็นอดีตพนักงานลูกอมของโคลล์ และตอนนั้นเหยื่อทั้งสองกำลังเดินไปยังร้านค้าใกล้บ้าน
ก่อนที่จะถูกลักพาตัวมาฆาตกรรม ซึ่งจากคำสารภาพบรูคส์อ้างว่า หลังากที่โคลล์ทรมานและข่มขืนเสร็จแล้ว เขาให้เฮนเลย์
และบรูคส์ฆ่าเหยื่อ โดยบรูคส์รัดคอ ส่วนเฮนเลนย์เป็นคนยิง โดยเขาตะโกนว่า “ไฮ! จอห์นนี่” และดิลวันพูดว่า “ได้เปล่าอย่า ขอร้อง!”
ก่อนที่จะยิงที่หน้าผาก และบัล์ชถูกรัดคอก่อนที่จะถูกฝังที่หาดแลนด์บีช
สามวันหลังจากที่จอห์นนี่ ดิลวัน และบิลลี่ บัล์ชก็ได้จดหมายสี่งไปยังผู้ปกครองของเด็ก โดยปลายทางจดหมายส่งมาจาก
แมดิสันวิลล์ เท็กซัส ซึ่งอยู่ห่าง 70 กิโลเมตรจากฮูสตัน ใจความจดหมายกล่าวว่า
“รักแม่และพ่อ ผมขอโทษที่ทำแบบนี้ แต่จอห์นนี่และผมพบงานที่ดีกว่าในเมือง และเราจะกลับมาในสามถึงสี่สัปดาห์
หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ผมจะส่งเงินมาให้ ลงท้าย รัก บิลลี่”
ซึ่งจดหมายของจอห์นนี่ก็มีลักษณะคล้ายกัน แม้ว่าจดหมายดังกล่าวจะเขียนด้วยลายมือของพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามลักษณะ
การเขียนเหมือนผู้เขียน เขียนภายใต้ลักษณะการข่มขู่บังคับ อย่างไรก็ตามคดีดังกล่าวก็ไม่คืบหน้าเช่นเดิม
ต่อมาโคลล์ก็ได้ใหม่คือสตีเวน สทิคแมน อายุ 16 ปี ครั้งสุดท้ายที่หลายคนเห็นเขาตอนมีชีวิตอยู่คือ หลังเขาออกจากงานปาร์ตี้
เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ก่อนที่จะพบศพที่เพิงเรือของโลล์เดือนเมษายน สภาพศพมีโครงกระดูกหลายซี่ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากตอนที่
เขามีชีวิตอยู่ และตายเพราะถูกรัดคอด้วยเชือก
วันที่ 3 ตุลาคม โคลล์ได้ทำการฆาตกรรมสองรายซ้อนในวันเดียวกัน คนแรกคือ วอลลี่ เจย์ ซิมมอนอู อานยุ 14 ถูกลักพาตัว
ในขณะเดินทางไปโรงเรียน และถูกบังคับให้โทรไปหาแม่ของเขาก่อนที่จะตัดโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็ถูกรัดคอและฝังในเพินเรือ
และริชาร์ด ฮีมบรี อายุ 13 ปีถูกลักตัวในขณะอยู่นอกร้านขายของชำใกล้บ้าน และเขาทรมานรัดคอและถูกยิงเข้าในปาก
และวันที่ 12 พฤศจิกายน พวกเขาก็ลักพาตัว ริชาร์ด เคปเนอร์ อายุ 19 ปี ฆ่ารัดคอและถูกฝังในหาดแลนด์บีช
ในปี 2003 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่โคลล์ฆ่าเหยื่อ ก่อนที่จะถูกเฮนเลนย์ฆ่า เขาก็ประเดิมเหยื่อรายใหม่เมื่อ วันที่ 1 กุมภาพันธ์
โดยโคลล์ได้จัดการกับเด็กหนุ่มชื่อ โจเซฟ ลีล อายุ 17 ปี ทั้งๆ ที่เป็นคนรู้จักกับเขาเพราะอยู่ถนนเดียวกับบรูคส์ ซึ่งเขาถูกฆ่า
และถูกฝังที่หาดเจฟเฟอร์สัน
ที่น่าสังเกตคือปีดังกล่าวโคลล์จะทำการเน้นฆ่าเหยื่อช่วงเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ก่อนที่จบลงกับเหยื่อสุดท้าย
เมื่อเดือนสิงหาคม สาเหตุอาจเนื่องมาจากปีดังกล่าวเขามีอาการป่วย ถุงน้ำที่ถุงอัณฑะ (Hydrocele)
อย่างไรก็ตามในเดือนมิถุนายนเขาหายดีก็ล่อลวงเด็กมาฆ่าสองราย คือวันที่ 4 มิถุนายน บิล เรย์ ลอเรนซ์ เพื่อนของ
เฮลเลนย์ที่เขาโทรบอกทางบ้านว่าเขาไปตกปลากับ “ใครบางคน” ก่อนที่จะหายไป และพบศพเขาในที่ฝังในทะเลสาป
ทะเลสาบแซม เรย์ เบิร์นและวันที่ 15 มิถุนายน เรย์แบล็ค ชายหนุ่มอายุ 20 ปี แต่งงานแล้วได้ออกจากบ้านแล้วหายตัวไป
ซึ่งเขาถูกฆ่ารัดคอและถูกฝังในในสถานทีเดียวกับที่ฆ่าลอเรนซ์
เมื่อถึงเดือนกรกฎาคม เดวิด บรูคส์แต่งงานกับคู่หมั่นและกำลังมีเด็ก ทำให้เหลือแต่เฮนเลนย์เพียงคนเดียวที่ต้องล่าเหยื่อ
มาให้โคลล์ แต่กระนั้นในเดือนกรกฎคมมีเด็กหนุ่มที่ตกเป็นเหยื่อเขาถึง 5 คน!! ไล่จาก
7 กรกฏาคม ลักพาตัวโฮเมอร์ การ์เซียอายุ 15 ก่อนที่จะถูกยิงที่ศีรษะและหน้าอกก่อนที่จะถูกนำไปฝัง
ต่อมาวันที่ 12 มิถุนายน จอห์น เซลล่าร์ อายุ 17 ปีถูกยิงที่หน้าอกและถูกฝังในหาดแลนด์บีช ซึ่งมีแต่เขาเท่านั้น
ที่ใส่เสื้อครบชุด
5 วันต่อมา ไมเคิล “โทนี่” บัล์ช อายุ 15 ปีซึ่งเป็นน้องชายของบบิลลี่ บัล์ช ที่เขาฆ่าปีที่แล้ว
เขาถูกรัดคอที่ถูกฝังในทะเลสาปแซม เรย์ เบิร์น
และวันที่ 25 กรกฎาคม มาร์ตี้ โจนส์ อายุ 18 และชาร์ลส์ คอบเบิล ถูกฆ่าพร้อมกัน
และเหยื่อรายสุดท้าย วันที่ 3 สิงหาคม 1973 โคลล์ได้ฆ่าเจมส์ ดรายมาเล เด็กเพียงอายุ 13 ปี จาคภาคใต้ของฮูสตัน
ซึ่งถูกลักพาตัวในขณะขี่จักรยาน และถูกพาตัวไปบ้านของโคลล์ เด็กชายถูกทรมาน ข่มขืน และรัดคอ ก่อนที่จะถูกฝังในเพิง
จากคำให้การของเดวิดบรูคส์ได้บรรยายเหยื่อรายนี้ว่าเป็นเด็กตัวเล็กผมสีบลอนด์ เขาล่อเด็กคนดังกล่าวโดยซื้อพิซซ่ามาให้
เฮนเลนย์หลั่งน้ำตาในขณะที่พาตำรวจไปชี้บริเวณที่ฝังศพเหยื่อในเพิงเรือ เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1973 ซึ่งเป็นวันที่เขา
ยิงโคลล์ก่อนที่จะรับสารภาพในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ตาม การฆาตกรรมต่อเนื่องของโคลล์ก็ได้สิ้นสุดลง เมื่อเขาถูกฆ่าโดยคู่หูที่ไว้ใจที่สุด นั่นก็คือเฮนเลนย์ สาเหตุความขัดแย้ง
เริ่มต้นขึ้นในช่วงเย็นของวันที่ 7 สิงหาคม เฮนเลนย์ได้เชิญเพื่อชายคนหนึ่งชื่อ ทิโมธี คอร์เดล เคอร์ลลีย์ อายุ 19 ปีมาร่วมงานปาร์ตี้
ของโคลล์ ซึ่งความจริงแล้วเพื่อนชายที่เฮนเลนย์เชิญนั่นเขาหวังจะให้เป็นเหยื่อรายใหม่ของโคลล์ในครั้งต่อไป พอดีช่วงเวลาดังกล่าว
เดวิด บรูคส์ไม่ได้อยู่ที่นั่น งานปาร์ตี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เต็มไปด้วยควันสีและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเลยไปถึงเที่ยงคืน
ก่อนปิดท้ายด้วยการออกนอกบ้านเพื่อซื้อแซนวิชมาเลี้ยง และทั้งสองก็ได้ขับรถไปที่บ้านของรอนดา วิลเลียมส์ อายุ 15 ปี
แฟนของเฮนเลย์ ซึ่งเวลานั่นแฟนของเขาทะเลาะกับพ่อขี้เมาเลยตัดสินใจหนีออกจากบ้านชั่วคราวจนกว่าพ่อของเธอจะได้สติ
เฮนเลย์เลยเชิญเธอมาที่บ้านของโคลล์เพื่ออยู่อาศัยชั่วคราว
เวลาประมาณตี 3 ของวันที่ 8 สิงหาคม 1937 เฮนเลนย์กับเพื่อนและแฟนของเฮนล์กับมาบ้านของโคลล์ ซึ่งโคลล์โกรธมาก
เนื่องจากเฮนเลนย์นำผู้หญิงเข้าบ้านของเขา หากแต่เฮนเลนย์พยายามจะอธิบายว่ามันเป็นเหตุจำเป็น จนโคลล์สงบอารมณ์ได้
ก่อนที่จะให้ทั้งสามได้ดื่มเบียร์และสูบกัญชา โดยมีโคลล์ดื่มเบียร์เฝ้าดูพวกเขาอย่างตั้งใจ หลังจากเวลาผ่านไปสองชั่วโมง
วัยรุ่นทั้งสามก็หมดสติ
หลังจากนั้นเมื่อเฮนเลนย์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเขานั่นถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือที่ถูกล็อกข้อมือและข้อเท้า
ส่วนวิลเลียมส์อยู่ข้างๆ โดยผูกติดกับไนลอน ส่วนเพื่อนของเขาก็ถูกมัดด้วยเชือกและเทปกาวปิดปากวางอยู่บนพื้นเช่นเดียวกับเขา
โคลล์ในเวลานั้นอยู่ข้างๆ เฮนเลย์เขาบอกเฮนเลนย์ว่าเขาโกรธมากที่พาผู้หญิงเข้าบ้าน และเขาจะฆ่าทั้งสามคนอย่างทรมาน
หลังจากนั้นเขาก็แตะวิลเลียมส์อย่างรุนแรงที่หน้าอก
หลังจากนั้นโคลล์ก็เข้าไปในครั้งแล้วเอาปืนพกขนาด .22 แนบกับท้องของเฮนเลนย์และขู่จะยิงเขา แม้เฮนเลนย์จึงเข้าใจว่า
ความทรมานของตนกำลังจะมาเยือนเขาโดยไม่ช้า แต่เขายังคงใจเย็นและบอกโคลล์ให้ปล่อยเขา เพราะเขาจะช่วยกันฆ่าเหยื่อ
สองคนร่วมกันเหมือนครั้งแต่ก่อน และเมื่อโคลล์ได้ยินคำขอร้องจึงใจ และปล่อยเฮนเลนย์ ก่อนที่จะทรมานเคอร์ลลีย์
แต่โคลล์ยังไม่สาแก่ใจเขาสั่งให้เฮนเลนย์ใช้มีดล่าสัตว์ตัดเสื้อของวิลเลียมส์ออกเพื่อที่เขาจะได้ข่มขืน หากแต่เธอขัดขืน
และร้องให้เฮนเลนย์ช่วย เฮนเลนย์กระซิบข้างเธอวิลเลียมส์ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เกิดอันตรายขึ้นกับกลัวเธอ แต่กระนั้นเขา
ก็ใช้มีดตัดกางเกงของเธอ ระหว่างนั้นเองโคลล์กำลังง่วมอยู่กับการพยายามข่มขื่นเคอร์ลลีย์ เฮนเลนย์ได้เห็นโอกาสนี้
จึงลุกเข้าไปในห้องน้ำก่อนที่จะคว้าปืนพกของโคลล์ จ่อไปที่หน้าของเขา โคลล์ได้เห็นเฮนเลนย์ชี้ปืนมาที่เขา เขารู้สึกโกรธจัดมาก
เขาได้พูดท้าให้เฮนเลนย์ยิงเขา
“ฆ่าฉันเวน ฆ่าฉันเลยสิ”
โคลล์ก้าวไปหาเฮนเลนย์ และพูดเชิงท้าทายว่านายไม่กล้ายิงเขา สำหรับเฮนเลนย์แล้วเขาหวาดกลัวโคลล์มาก เขาเป็น
ชายร่างใหญ่สูงหกฟุต หนักกว่า 200 ปอนด์ ด้วยกล้ามเนื้อขนาดใหญ่แลละผมสีน้ำตาลเข้มที่ทำให้เขาต้องเชื่อฟังคำสั่ง
เขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มันทำให้เขาต้องลังเลเล็กน้อยที่จะยิง แต่สุดท้ายแล้วเฮนเลบนย์ก็ได้ปลดปล่อยเมื่อโคลล์
พยายามพุ่งเอามาปืน เขาจำเป็นต้องยิงปืนใส่หน้าผากเขา โคลล์เซถลามาที่เขา ทำให้เขายิงอีกสองนัดที่ไหล่ด้านซ้าย
แต่โคลล์ยังมีชีวิตอยู่เขาเลยพยายามหนีออกจากห้อง แต่เฮนเลย์ตามมายิงอีกสามนัดที่หน้าอก ทำให้เขาล้มลงบนพื้น
เสียชีวิตทันที เป็นจบชีวิตของมนุษย์ลูกอมในที่สุด
หลังจากที่เฮนเลนย์ฆาตกรรมโคลล์ เขาก็ช่วยเหลือเพื่อนสองคนออกจากเครื่องพันธนาการ ตอนแรกเฮนเลนย์บอกให้
ทั้งสองหนีจากสถานที่เกิดเหตุเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากแต่ทั้งสองปิเสธเพราะควรเรียกตำรวจมากกว่า ทำให้เฮนเลนย์
จำเป็นต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้
วันที่ 8 สิงหาคม 1973 เวลา 8.24 น เฮนเลนย์ได้โทรศัพท์ไปที่สถานีตำรวจแพซาดีนา เท็กซัส บอกว่าพวกเขาฆ่า
ชายคนหนึ่งตาย เมื่อตำรวจได้รับแจ้งความพวกเขาก็ส่งสายตรวจไปยังบ้าน 2020 ถนนลามาร์ ซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียว
สีเขียวและขาว ซึ่งตอนที่พวกเขามีสามวัยรุ่นชายและหญิงอยู่หน้าบ้าน
เฮนเลนย์ในตอนนั้นเขามีหนุ่มขี้อาย เคราแพะ และเขาก็บอกตำรวจว่าเขาเป็นคนยิงโคลล์ เมื่อตำรวจเข้าไปในบ้านก็พบศพ
เขาในห้องโถงพร้อมปืน .22 จึงส่งศพไปยังโรงเก็บศพและพาสามวัยรุ่นดังกล่าวไปสถานีเพื่อสอบปากคำ และ ณ จุดนี้เอง
เมื่อพวกเขาทำการตรวจสอบบ้าน พวกเขาก็พบสิ่งน่ากลัวก็คือห้องนอนเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางเพศวิปริตอีรุงตุงนัง
เตียงกระดานไม้มีคราบเลือดติด เชือกและสายไฟ มีดดาบปลายปืน อวัยวะเพศขนาดใหญ่ เทป มีดล่าสัตว์ และที่โรงเก็บรถ
มีเส้นผมมนุษย์บางส่วนอยู่กล่องไม้อัด ส่วนรถตู้ก็พบว่าหน้าต่างด้านหลังถูกปิดผลึกด้วยผ้าม่านสีฟ้าสีขาวขุ่น ในด้านหลังรถ
ตำรวจพบขดลวดเชือก พรรมสีเบจที่เต็มไปด้วยคราบดิน
เมื่อตำรวจสอบปากคำเฮนเลนย์เขาก็สารภาพเรื่องราวทั้งหมด โดยเขาร่วมมือกับบรูคส์ในการหาเหยื่อให้โคลล์ฆ่า
ซึ่งโคลล์เป็นเฒ่าหัวงู และมีนิสัยมักมากในกามไม่รู้จักพอ ซึ่งจากคำสาราพดังกล่าวทำให้บรูคส์ถูกจับกุมในเวลาต่อมา
เมื่อแม่ของโคลล์ได้ยินข่าวดังกล่าวก็ไม่ยอมรับความจริง หาว่าเยาวชนทั้งสองโกหก โดยไม่เชื่อว่าโคลล์เป็นพวกรักร่วมเพศ
หรือเป็นคนชอบความรุนแรง ในสายตาของวเธอ เขาเป็นคนรักเด็ก และใจกว้าง วัยรุ่นพวกนั้นกลับใส่ร้ายเขา โดยเขาฆ่าโคลล์
เพราะเสพยาเสพย์ติดจนเห็นภาพหลอนมากกว่า
อย่างไรก็ตามในเวลานี้ ตำรวจได้สนใจคำให้การของเฮนเลนย์ ที่ออกมาสารภาพชนิดไม่ปิดบัง ไม่ว่าจะเป็นรายชื่อเหยื่อ
การล่อเหยื่อ ค่าหัวของเหยื่อ การฆ่าเหยื่อ รวมไปถึงสถานที่ฝังศพเหยื่อ เพิงเรือ หาดแลนด์บีช ทะเลสาบแซม เรย์ เบิร์น
ซึ่งคำสารภาพของเฮนเลย์สอดคล้องกับรายงานเด็กหายในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ตำรวจทำการขุดเพิงเรือของโคลล์หลังวันที่ 8 สิงหาคม 1973 ซึ่งพบศพถึง 17 ศพ
เฮนเลนย์ตกลงที่จะให้ความร่วมมือกับตำรวจ โดยสถานที่แรกที่เฮนเลนย์พาตำรวจไปคือเพิงเรือของโคลล์ในฮูสตันตะวันตกเฉียงใต้
สถานที่โคลล์กับเขาฝังศพเหยื่อนับไม่ถ้วน และเมื่อตำรวจไปถึงก็พบเรื่องจริงที่น่าตกใจ ที่โรงเก็บตำรวจพบรถที่ถูกขโมยจากลาน
จอดรถ และจักรยานเด็ก และเสื้อผ้าวัยรุ่นบางส่วน แต่นั่นแทบไม่ได้กับสิ่งที่ตำรวจพบเมื่อพวกเขาขุดดินนุ่มที่เต็มไปด้วยเปลือกหอย
บดในโรงเรือนเพียงไม่กี่ฟุตพวกเขาก็พบร่างกายของเด็กรุ่นผมสีบลอนด์นอนหงายขึ้นบรรจุในถุงพลาสติกใส
และเมื่อทำการขุดต่อเนื่องศพเด็กชายรายแล้วรายเล่าก็โผล่ออกมาในลักษณะเน่าเปื่อยแตกต่างไป แสดงให้เห็นว่าศพแต่ละศพถูกฆ่า
ในช่วงเวลาต่างกัน จากการตรวจสอบร่างกายพบว่าเหยื่อถูกทรมานทางเพศ ขนเพศถูกถอดออก อวัยวะเพศมีร่องรอยถูกเคี้ยว
และมีวัตถุสอดเข้าไปในถวารหนัก ถูกทุบ ที่ปากมีเทปกาวปิดอยู่ ส่วนสาเหตุการตายบ้างก็ถูกยิง บางก็ถูกรัดคออย่างแน่นหนา
“มันเป็นความผิดของผม” เฮนเลนย์บอกกับนักสืบในขณะที่พวกเข่าขุดศพเจอรายแล้วรายเล่า
“ผมไม่สามารถช่วยได้ ผมรู้สึกผิดที่ฆ่าเด็กชายเหล่านั้นด้วยตนเอง หากผมไม่ทำ ผมจะเห็นเหยื่อของโคลล์เอง”
เมื่อตำรวจสอบถามเจ้าของเพินเรือ เขาตอบว่าเขาเช่าโรงเรือดังกล่าวเมื่อสามปีก่อนและเขาจะมาที่หนึ่งสัปดาห์และครั้ง
เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่อยู่ข้างในคืออะไร มาบัดนี้ก็เขาก็ได้รู้แล้วว่าข้างในมีอะไร
ทางด้านเดวิดบรูคส์นั่นพ่อเขาพาเขามามอบตัวกับทางการตำรวจ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 สิงหาคม โดยเขาปฏิเสธว่า
มีส่วนร่วมการฆาตกรรมเหยื่อใดๆ ทั้งสิ้น แต่ยอมรับว่าเขารู้จักกับโคลล์ช่วยเหลือโคลล์ก่อคดี และต่อมาเขาก็สารภาพว่า
เขาฆ่าเหยื่อสองรายในปี 1970
หลังจากนั้นเฮนเลนย์ก็พาตำรวจไปขุดศพสถานที่ที่โคลล์ฝังศพเหยื่อและได้ศพที่ตรงกับเด็กหายตัวไปหลายราย
ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ทำให้ผู้ปกครองของเด็กโวยวายกับทางการตำรวจยกใหญ่ เพราะพวกเขาไม่ใส่ใจในการหาเด็กหาย
และชอบยืนกรานว่าพวกเด็กเหล่านี้หนีออกจากบ้าน
ทางด้านจำนวนเหยื่อที่แท้จริงของโคลล์นั้นไม่สามารถระบุได้ว่ามีจำนวนเท่าใดกันแน่ แน่เชื่อว่ามีมากกว่า 28-29 ราย
ซึ่งจากสถิติดังกล่าว เขาก็ได้กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดเลวร้ายสำหรับเด็กผู้ชายในประวัติศาสตร์ของอเมริกาเป็นรองเพียง
จอห์น เวยน์ เกซี (1942 ~ 1994) ที่ฆ่าเหยื่อ 33 รายเท่านั่น
ในชั้นศาล ในปี 1975 เฮนเลนย์ถูกตัดสินลงโทษหกกระทงในคดีฆาตกรรมจำคุกตลอดชีวิต(99 ปี 6 ครั้งติดต่อกัน)
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ถูกตัดสินคดีฆ่าโคลล์เพราะตามกฎหมายเขาทำไปเพื่อป้องกันตัวเอง ปัจจุบันทั้งสองยังคงอยู่
ในเรือนจำ ในปี 1975 บรูคส์พบว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมหนึ่งกระทงและถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตเช่นกัน หากแต่
ทั้งสองสามารถสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ แม้ว่าจะได้รับการตอบปฏิเสธก็ตาม และคดีดังกล่าวได้รับจารึกว่าเป็นคดีอาชญากรรม
ที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 100 ปีในประวัติศาสตร์ของฮูสตัน
ในระหว่างที่อยู่ในคุกเฮนเลนย์ได้ใช้เวลาว่างวาดภาพศิลปะ ซึ่งส่วนมากเป็นภาพทิวทัศน์ธรรมชาติที่ดูรุนแรงจำพวกพายุ
อย่างไรก็ตามบางภาพก็สื่อถึงความเงียบสงบ เช่น ดอกไม้ อาคาร หาดทะเล ส่วนใหญ่ภาพถูกวาดขึ้นด้วยอะคริลิค
และกราไฟท์ ในปี 1944 เขาได้รับข้อเสนอจากตัวแทนจำหน่ายศิลปะจากหลุยเซียนาให้เอาผลงานของเขาไปขาย
เพื่อสร้างรายได้กับตนเองและแม่ จากการสัมภาษณ์พบว่าเฮนเลนย์กำลังทุกข์ทรมานจากตาบอดสีรุนแรงที่สายตา
ของเขาแยกสีแดงกับสีเขียวไม่ได้ ต่อมาเพื่อนทางจดหมายของเฮนเลนย์ได้ขอผลงานมาจัดนิทรรศการในปี 1997
ท่ามกลางญาติของเหยื่อไม่เห็นด้วยบางส่วน
ในปี 1999 เมืองฮูสตันได้มีความคิดจะสร้างอนุสาวรีย์ผู้ตกเป็นเหยื่อของโคลล์เพื่อให้เป็นเครื่องเตือนใจ
และเฮนเลนย์เองก็ยินดีจะจ่ายเงินของเขาส่วนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือ
ที่มา: http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?PHPSESSID=8t4gopoct5ci8juu5876p3st65&topic=111567.0
credit :: cammy@dek-d.com
credit :: cammy@dek-d.com
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4/5 จาก 10 คน)
VOTED: thanatan, Thorsten, makhamdong, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, หนูจะเลิกแดกโคยยยยยย, MuayMuaythai, aRnoNAe, Rinnn, ท่านแมวฮั่ว แม่ทัพฮั่วชวี่ปิ้ง
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เหตุกราดยิงเสียชีวิตเพิ่ม 4 ศw ล่าสุดยังตามจับตัวไม่ได้ เผยปมสังหาs (คลิป)ปิดตำนานไร่ชื่อดังที่วังน้ำเขียว ลานกางเต็นท์ยอดนิยมได้ประกาศหยุดดำเนินการแล้วภาพถ่ายสุดหลอน! แว๊บแรกไม่มีอะไร..แต่พอลองดูอีกที งานนี้ถึงกับผวา"วรนุชสายซิ่ง : กิ้งก่ายักษ์ผู้พิชิตตึกสูงชั้นสาม!"ไปอาบน้ำกัน! "เมลาย รัชดา" นัดทริปล่วงหน้ากับแก๊งนักบิด..เริ่ม 9-10 ธ.ค.นี้ขับรถตกสะพาน ขณะใช้ Google Maps นำทาง เสียชีวิต 3 ราย (มีคลิป)รวมเลขเด็ด! หวยแม่จำเนียร งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่ของหวานชื่อชวนสะดุด"บีโกหมอย" ชื่อนี้จริงดิ?อัพเดท สงครามยูเครน ปะทะ รัสเซีย!!!พบเจองูเหลือม 10 ฟุตในบ้านที่ไทปิง มาเลเซียจอห์นนี่ โซมาลี เผชิญคดีเพิ่มในเกาหลีใต้ อาจถูกกักตัวจนถึงปีหน้าHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ไต้ฝุ่น กนกฉัตร เตรียมวิวาห์แฟนสาวนอกวงการ หลังคบหาดูใจกันหลายปีภาพถ่ายสุดหลอน! แว๊บแรกไม่มีอะไร..แต่พอลองดูอีกที งานนี้ถึงกับผวาขับรถตกสะพาน ขณะใช้ Google Maps นำทาง เสียชีวิต 3 ราย (มีคลิป)ประเทศที่สงบสุขมากที่สุดในโลกหุ่นฟางยักษ์ในบรรยากาศสวนดอกไม้ที่มุกดาหาร...ไร่ชายสี่@มุกดาหาร