วิลเลี่ยม วอลเลซ วีรบุรุษแห่งสก็อตแลนด์
เรื่อง ราวของวีรบุรุษมักเป็นที่กล่าวขานและจดจำผ่านกาลเวลา ไม่ว่าจะยาวนานเพียงใด ทว่าชะตากรรมของวีรบุรุษส่วนใหญ่ มักลงเอยอย่างน่าเศร้า จนกล่าวกันว่า หลายครั้ง ที่วีรบุรุษต้องใช้เลือดและชีวิตของตนชำระล้างความทุกข์ทนให้ปวงประชา ดังเช่นเรื่องราวของ วิลเลียม วอลเลซ วีรบุรุษแห่งสก๊อตแลนด์ ผู้นี้
แต่เดิมเกาะบริเตนใหญ่ ถูกแยกเป็นราชอาณาจักรอิสระสามอาณาจักรคือ อังกฤษ สก๊อตแลนด์ และเวลส์ ในรัชสมัยของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่หนึ่ง อังกฤษประสบความสำเร็จในการผนวกรวมแคว้นเวลส์เข้าในอำนาจ และจากนั้นอังกฤษก็มุ่งเป้าหมายต่อมายังสก๊อตแลนด์
วิลเลียม วอลเลซ ถือกำเนิดที่หมู่บ้านเอลเดอร์สลี ในเรนฟริวไชร์ ทางภาคตะวันตกของสก๊อตแลนด์ โดยเป็นสมาชิกในตระกูลวอลเลซ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางศักดินาของในรัชสมัยของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์แห่งสก๊อต แลนด์ซึ่งปกครองราชอาณาจักรด้วยความสงบสุข จนเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ.1286 กษัตริย์อเล็กซานเดอร์สิ้นพระชนม์หลังตกม้า โดยมีเพียงพระนัดดาคือ เจ้าหญิงมากาเร็ตแห่งนอร์เวย์ ที่เป็นรัชทายาท
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่หนึ่งแห่งอังกฤษ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ หนึ่งแห่งอังกฤษทรงอาศัยความอ่อนแอทางการเมืองของสก็อตแลนด์ จัดการให้พระโอรสของพระองค์หมั้นกับเจ้าหญิงมากาเร็ต ทว่าหลังการหมั้น พระนางได้ล้มป่วยและสิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ.1290 อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามามีอิทธิพลในสก็อตแลนด์ของอังกฤษ
การสิ้นพระชนม์ของเจ้า หญิงมากาเร็ตก่อให้เกิดสุญญากาศอำนาจ ทำให้ขุนนางตระกูลต่างๆอ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง สภาขุนนางจึงเชิญพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดมาเป็นผู้อภิบาลสก็อตแลนด์ และจากนั้นเมื่อเหลือขุนนางผู้มีสิทธิในราชบัลลังก์สก็อตเพียงสองคน คือ จอห์น บอลลอยด์ และ โรเบิร์ต บรูซ ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ.1292 ศาลสูงศักดินาแห่งสก็อตแลนด์ก็ได้มีมติให้จอห์น บอลลอยด์ขึ้นเป็นกษัตริย์ โดยโรเบิร์ต บรูซ ก็ยอมรับมตินี้
ทว่าแม้จะได้เป็น กษัตริย์แล้ว ทว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดกลับเข้าแทรกแซงการบริหารประเทศในฐานะผู้อภิบาล จนเป็นเหตุให้ พระเจ้าจอห์น บอลลอยด์ ทรงยกเลิกคำมั่นที่จะยอมให้พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดเป็นผู้อภิบาลสก็อตแลนด์ เมื่อเป็นดังนั้น พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดจึงอ้างเป็นเหตุยกทัพเข้าตีสก็อตแลนด์ในปี ค.ศ.1296 โดยฝ่ายสก็อตแลนด์ได้พ่ายแพ้ในสงคราม อังกฤษจึงบีบให้พระเจ้าจอห์น สละราชสมบัติ พร้อมทั้งบังคับขุนนางนายสก็อต 1,800 คนให้เข้าสวามิภักดิ์และได้กับนำเอา “หินลิขิตชะตา” (Stone of Destiny) ไปไว้ที่ลอนดอน
หลังได้รับชัยชนะ อังกฤษได้ดำเนินนโยบายกลืนชาติ โดยส่งขุนนางอังกฤษมาครอบครองที่ดินแดนในสก็อตแลนด์และให้สิทธิพิเศษแก่ขุน นางอังกฤษให้มีสิทธิ์เปิดบริสุทธิ์เจ้าสาวชาวสก็อตที่เช่าที่ดินขุนนาง อังกฤษในคืนแรกของการแต่งงานทั้งยังกวาดล้างสังหารบรรดาผู้ที่ขัดขืนอย่าง โหดเหี้ยม
วิลเลียม วอลเลซได้เริ่มเคลื่อนไหวต่อต้านอังกฤษใน ปี ค.ศ.1297 หนึ่งปี หลังการยึดครองของอังกฤษ โดยเขาได้เข้าสังหาร วิลเลียม เดอ เฮเซริก ข้าหลวงแห่งลานาร์ค สันนิษฐานกันว่า มูลเหตุแห่งการต่อต้านอาจมาจากความขัดแย้งส่วนตัวระหว่างเขากับทางการอังกฤษ หลังจากนั้น วอลเลซได้เข้าร่วมกับ วิลเลียม ฮาร์ดี ลอร์ดแห่งดักลาส โดยระดมพวกชาวที่ราบสูงในสก็อตแลนด์เข้าเป็นกองกำลังต่อต้านและออกโจมตีป้อม ค่ายของอังกฤษ
ก่อนที่การกบฏจะลุกลาม ไปทั่วประเทศ พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่หนึ่งทรงมีพระบัญชาให้เอิร์ลแห่งเซอเรย์และเซอร์ ฮิวจ์แห่งเครสซิงก์แฮม นำทัพมาปราบกบฏชาวสก็อต วิลเลียม วอลเลซและแอนดรูว์ มอเรย์ได้นำกองกำลังผู้รักชาติไปตั้งรับทัพอังกฤษที่สะพานสเตอร์ลิงโดยฝ่าย สก็อตมีกำลังทหารราบเพียงห้าพันและทหารม้าสามร้อยนาย ส่วนทัพอังกฤษมีทหาราบกว่าเจ็ดพันนายและทหารม้าสองพัน
วอลเลซนำกำลังไปสกัดทัพ ข้าศึกที่บริเวณสะพานโดยจัดเตรียมอาวุธพิเศษสำหรับรับมือกับกองทหารม้า นั่นคือแหลนยาวหกเมตร และในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ.1297 กองทัพทั้งสองฝ่ายก็เข้าปะทะกัน โดยฝ่ายอังกฤษยกพลข้ามสะพานบุกเข้าโจมตีก่อน ทว่าพลหอกยาวได้สกัดกองทหารม้าของอังกฤษไม่ให้บุกลงจากสะพานได้ ทำให้กองทหารอังกฤษแออัดอยู่บนสะพานนั้น ข้างฝ่ายเอิร์ลแห่งเซอเรย์ แม่ทัพอังกฤษได้สั่งให้ทหารทั้งหมดบุกข้ามไปให้ได้ จนทำให้สะพานไม่อาจทานน้ำหนักได้(บางตำราระบุว่า วอลเลซแอบส่งทหารไปถอดหมุดสะพานเอาไว้) ในที่สุดสะพานก็ถล่มลงมา ส่งผลให้ทหารอังกฤษนับพันร่วงลงน้ำ และเป็นโอกาสให้กองทัพสก็อตเข้าบดขยี้ โดยสงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของอังกฤษที่สูญเสียทหารไปกว่าหกพันนาย
การรบที่สะพานสเตอร์ลิง
หลังชัยชนะที่สะพาน สเตอร์ลิง สภาขุนนางแต่งตั้งให้วอลเลซเป็นเซอร์ วิลเลียม วอลเลซ แม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์แห่งสก็อตแลนด์ จากนั้นเซอร์วิลเลียมได้นำทัพบุกเข้าปลดปล่อยเมืองต่างๆจากการยึดครองของ อังกฤษ และนำทัพเข้ายึดเมืองยอร์คซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของอังกฤษได้สำเร็จ
พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดทรง กริ้วมาก และในปีรุ่งขึ้น คือ ค.ศ. 1298 พระองค์ได้นำทัพใหญ่บุกสก็อตแลนด์ด้วยพระองค์เองในเดือนเมษายน โดยทัพอังกฤษประกอบด้วยทหารราบ 12,500 นายและทหารม้า 2,500 นาย และพระองค์ทรงจ้างพลธนูชาวเวลส์พร้อมธนูยาวซึ่งเป็นอาวุธยิงที่มีอานุภาพ ร้ายแรงที่สุดในยุคนั้นมาเป็นจำนวนมากด้วย
วิลเลียมนำกองทัพยกไป ตั้งรับทหารอังกฤษที่ฟอลเคิร์ก เนื่องจากความไม่ลงรอยกันในสภาขุนนาง ทำให้ฝ่ายสก็อตแลนด์ระดมไพร่พลได้เพียง 6,000 นาย ทั้งสองทัพเข้าปะทะกันในวันที่ 22 กรกฎาคม ค.ศ.1298 โดยฝ่ายสก็อตแลนด์พ่ายแพ้ยับเยิน
สมรภูมิฟอลเคิร์ก
หลังการรบ ฝ่ายอังกฤษยกทัพเข้าย่ำยีสก็อตแลนด์และยึดพื้นที่กลับคืน ขณะที่ฝ่ายสก็อตใช้กลยุทธ์กองโจรซุ่มโจมตีและลอบสังหาร ซึ่งแม้จะทำให้ฝ่ายอังกฤษเสียขวัญกำลังใจ แต่ก็ยังไม่ลดละการตามล่าตัววอลเลซ จนสุดท้ายเขาต้องมอบอำนาจ “แม่ทัพใหญ่ผู้พิทักษ์แห่งสก็อตแลนด์” ให้แก่โรเบิร์ต บรูซ เอิร์ลแห่งคาร์ริก และ จอห์นโคมีนแห่งบาเดนอชซึ่งเป็นเขยของอดีตกษัตริย์จอห์น บอลลอยด์
วอลเลซได้เดินทางไปราช สำนักฝรั่งเศสกับวิลเลียม ครอว์ฟอร์ดเพื่อขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าฟิลิปส์ เลอ เบล ในการต่อสู่เพื่ออิสรภาพของสก็อตแลนด์ อย่างไรก็ตาม การเจรจายังไม่เป็นผลใดๆ จนกระทั่งในปี ค.ศ.1305 วิลเลียม วอลเลซได้รับการร้องขอจากสภาขุนนางสก็อตแลนด์ให้เดินทางกลับอังกฤษ
สายลับได้ข่าวของวอลเลซ และเตรียมจับกุม จนเมื่อในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ.1305 วอลเลซก็ถูกจับโดย จอห์น เดอเมนทิธ ขุนนางชาวสก็อตผู้ภักดีต่ออังกฤษ วอลเลซถูกส่งตัวไปลอนดอนเพื่อรับการไต่สวนความผิดฐานกบฎ ซึ่งวอลเลซได้กล่าวสู้คดีว่า “ข้าพเจ้ามิได้เป็นกบฏต่อพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด เพราะข้าพเจ้าไม่ได้เป็นข้าแผ่นดินของพระองค์ พระเจ้าจอห์น บาลลิออล คือกษัตริย์ของข้าพเจ้า”และยืนยันไม่ยอมรับสารภาพ
ในวันที่ 23 สิงหาคม ปีเดียวกัน วอลเลซ ถูกเปลื้องผ้าในศาล ก่อนถูกม้าลากออกไปตามถนนในเมืองและถูกแขวนคอในลานเมืองสาธารณะที่ตลาดสมิ ทฟีลด์ (วิธีแขวนคอกบฏของอังกฤษโบราณ ใช้วิธีเปลื้องผ้าและเอาม้าลากไปแขวนคอไม่ให้ถึงตายจนถึงกลางตลาดแล้วจึง หั่นอวัยวะออกทีละชิ้นโดยเริ่มจากองคชาติแล้วเผาต่อหน้า เมื่อนักโทษตายจึงตัดคอและหั่นศพเป็น 4 ท่อนแล้วนำศีรษะไปดองไม่ให้เน่าเปื่อยก่อนนำไปเสียบประจาน)
ศีรษะของวิลเลียม วอลเลซถูกเสียบประจานที่สะพานลอนดอน ส่วนแขนขาถูกแยกนำไปเสียบประจานที่นิวคาสเซิล เบอร์วิก สเตอร์ลิงและที่แอเบอร์ดีน อย่างไรก็ตาม ความตายของวอลเลซได้จุดประกายความกล้าในหมู่ชาวสก็อตและนำไปสู่การลุกฮืออีก ครั้ง
โรเบิร์ต เดอะ บรูซ
จนกระทั่งใน ปี วันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ.1314 โรเบิร์ต เดอะ บรูซ ได้นำทัพชาวสก็อตเข้ารบกับทัพอังกฤษที่แบนนอคเบิร์นและได้รับชัยชนะ ทำให้สก็อตแลนด์ได้เป็นเอกราช จากนั้นโรเบิร์ต บรูซได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งสก็อตแลนด์
สงครามที่แบนนอคเบิร์น
แม้ วิลเลียม วอลเลซ จะเสียชีวิตอย่างอนาถ แต่ความตายของเขาก็ไม่สูญเปล่า เพราะสุดท้าย สิ่งที่เขาทำก็ประสบความสำเร็จ นั่นคือ คืนความเป็นอิสระให้กับเพื่อนร่วมชาติ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
แนะนำวิธีควบคุมอารมณ์โกรธอย่างมีสติ ใช้เทคนิคควบคุมอารมณ์ เพื่อรักษาสมดุลของสุขภาพจิต
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
เช็คอินทางอารมณ์ Emotional Check-in
เดอะแบก Hyper-Independence พึ่งพาตนเองมากเกินไป ไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากใคร
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หากไม่ลงทะเบียน ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ เริ่ม 20 ธ.ค.- 5 ม.ค. 69
ฮุนมาเนต จนตรอก ลากกองกำลัง UN มาคุ้มกบาล
อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทอง
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หากไม่ลงทะเบียน ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ เริ่ม 20 ธ.ค.- 5 ม.ค. 69
วัดหลวงพ่อโอภาสี เมื่อการจุดไฟทำให้ปัญหาและอุปสรรคหายไปในพริบตา
"ไทย" ทักษะภาษาอังกฤษต่ำมาก รั้งรองโหล่สูงกว่าแค่"กัมพูชา"
แก๊งมุสลิมเข้ายึดครองเรือนจำในอังกฤษ
สื่อนอกอวย ทหารไทยสุดเจ๋ง ไม่ใช่แค่รบ แต่ถล่ม 'เมืองสแกมเมอร์' พังท่อน้ำเลี้ยงโจรได้สิ้นซาก
มารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซน
รู้หรือไม่ ? ที่มาและประวัติของ "สุกี้ยากี้" เป็นมาอย่างไร ?
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
ทึ่งทั่วไทย : "น้ำตกแม่กาษา" น้ำตกลำธารใส Unseen แม่สอด จังหวัดตาก







