12 เรื่องที่ควรหยุด (ซะที)
ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะเข้ามา ชีวิตจะก้าวต่อไปได้ เราจะต้อง "หยุด" เรื่องบางเรื่อง และพฤติกรรมบางอย่างที่เหมือนเป็นเครื่องพันธนาการตัวเราซะก่อน และนี่คือเรื่องเหล่านั้น ที่ควรหยุด...Right Now!
12 เรื่องที่ควรหยุด (ซะที) : บทที่ 1
หยุด!! ทำเหมือนว่าทุกอย่างมันโอ (ทั้งที่มันไม่โอ)
>>ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เราจะต้องแสร้ง”ฉันสตรอง”อยู่ตลอดเวลา ร้องไห้ได้นะถ้าต้องการ เพราะน้ำตาไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอ บางครั้งเราก็ต้องยอมให้อะไรมัน”พัง”บ้างเพื่อที่จะได้เริ่มต้นและพบกับสิ่งใหม่ๆดีๆ
บทที่ 2
หยุด!! เสียเวลากับคนที่ไม่ใช่
>>บางครั้งเราก็ต้องเดินออกมา ไม่ใช่เพราะเราไม่แคร์เขาแล้ว แต่เป็นเพราะเขาต่างหากที่ไม่แคร์เรา เมื่อมีใครมาทำให้เราเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงยอมรับความจริง(อันโหดร้าย)ที่ว่าเขาไม่แคร์เราแล้ว มันเหมือนเป็นยาขมนะ แต่มันก็เป็นยาดี อย่าดึงดันอะไรกับคนเช่นนี้เลย ชีวิตสั้นเกินไปที่จะใช้เวลากับคนที่ดูดความสุขออกมาจากตัวเรา ถ้าเขารักเราจริงเขาจะมีพื้นที่ให้กับเราเสมอ ใครก็ตามที่ไม่เห็นคุณค่าในความเป็นเราเขาก็ไม่ควรที่จะได้รับสิ่งดีๆจากเราเช่นกัน จำไว้ว่าเพื่อนที่ไม่ใช่คนี่ยืนอยู่ข้างเราในตอนที่ดีที่สุด แต่คนที่อยุ่ข้างเราในตอนที่แย่ที่สุดต่างหากคือเพื่อนแท้
บทที่ 3
หยุด!! เป็นคนที่เราไม่ได้เป็น /หยุดหลอกตัวเอง
>>หนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็คือ การเป็นตัวเองในโลกที่พยายามที่จะทำให้เราเป็นเหมือนคนอื่น ๆ อย่าเปลี่ยนแปลงเพื่อคนมาชอบเรา แต่จงเป็นตัวเราเพื่อให้คนพิเศษบางคนเท่านั้นรักตัวตนจริงๆของเรา เราสามารถโกหกทุกคนบนโลกใบนี้ได้ แต่เราไม่สามารถโกหกตัวเองได้ ชีวิตจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อเราใช้โอกาส และโอกาสแรกและเป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เราสามารถใช้ นั่นก็คือ การซื่อสัตย์กับตัวเอง
บทที่ 4
หยุด!! คิดมาก
>>หากลองมองย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมา เราจะพบว่าเกือบทั้งหมดของความกังวลและความกลัวของเราไม่เคยทำให้เราประสบความสำเร็จ เพราะโดยทั่วไปความกังวลมักเกิดโดยไม่มีมูลความจริงอย่างสิ้นเชิง เมื่อเรามองย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กี่ครั้งที่เราเสียโอกาสที่จะมีความสุขไปเพราะความกังวลและความคิดลบ ความฟุ้งซ่านไม่เคยช่วยให้ปัญหาในวันพร่งนี้มันดีขึ้น แต่จะยิ่งทำให้ความสุขในวันนี้ถูกรบกวน หนึ่งในวิธีที่จะช่วยตรวจสอบว่ามันเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่จะกังวล คือการถามตัวเองถ้วยคำถามว่า “มันเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับฉันหรือไม่? ในช่วงเดือนต่อจากนี้? ในช่วงหนึ่งปีต่อจากนี้? ถ้าไม่ มันก็ไม่มีค่าอะไรที่จะกังวล บางที่เราอาจต้องเรียนรุ้ที่จะปล่อยให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามวิถีของมัน(บ้าง)
บทที่ 5
หยุด!! จมอยู่กับอดีตที่ไม่มีทางกลับมา /หยุดโทษตัวเอง
>>เราทุกคนล้วนเคยทำผิดพลาด ต้องเคยล้ม และมีเรื่องที่ทำให้เสียใจกันทุกคน อาจเคยรักคนผิด และทำอะไรที่ผิดๆไป แต่ไม่ว่าเรื่องราวมันจะผิดมากแค่ไหน ความผิดพลาดก็ช่วยให้เราได้เรียนรู้ และนำพาเราสู่สิ่งที่ถูกที่ควรในที่สุด จำไว้อย่างนึงว่า “ตัวของเราไม่ใช่ตัวของความผิดพลาด” “ตัวของเราไม่ใช่ตัวปัญหา” และ “เราอยู่ตรงนี้ ในวันนี้ ไม่ใช่เมื่อวาน” ทุกๆสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในชีวิตของเราล้วนมีความหมายบางอย่างในการเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์บางอย่างที่ยังมาไม่ถึง เราคงไม่สามารถก้าวสู่บทใหม่ของชีวิตได้หากเรามัวแต่จมจ่อมและวนเวียนอยู่กับบทเดิมๆของชีวิต
บทที่ 6
หยุด!! วิ่งหนีปัญหา
>>ไม่มีใครในโลกที่จะเก่งและสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่เกิด เมื่อพบกับปัญหา เราอาจไม่สามารถแก้มันได้ในทันที จริงๆแล้วเป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะเสียใจ เจ็บปวด และล้มลง เพราะนั่นความหมายของชีวิต คือการเผชิญกับปัญหา เรียนรู้ ปรับ
ตัว และแก้ปัญหา นี่คือสิ่งที่หล่อหลอมความเป็นตัวเรา เผชิญกับปัญหา
บทที่ 7
หยุด!! ตำหนิโชคชะตา
>>เรื่องร้ายๆบางเรื่องเกิดขึ้นเพราะเหตุผลบางอย่าง เราแค่อาจยังไม่เห็นหรือไม่เข้าใจ จงยิ้ม และให้ทุกคนได้รู้ว่าวันนี้เราเป็นคนที่สตรองกว่าเมื่อวานนี้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาขอให้คุณขอบคุณชีวิตนี้
บทที่ 8
หยุด!! เป็นคนขี้อิจฉา
หยุด!! เปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น
>>การเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมีแต่จะทำให้เราเป็นทุกข์ คนไข้หมอหลายคนสามารถใช้ชีวิตทั้งชีวิตหมกมุ่นอยู่กับ “สิ่งที่คนอื่นมีสิ่งที่คนอื่นเป็น” สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้นเลย หนึ่งในวิธีฝึกจัดการความอิจฉาริษยา คือ การฝึกถามตัวเองบ่อยๆว่า "มีอะไรบ้างที่ฉันมีที่ฉันเป็น และเป็นสิ่งที่คนอีกหลายคนต้องการ“ อีกหนึ่งทางคือ การเลือกที่จะโฟกัสอยู่กับ “การเอาชนะตัวเอง” เพราะความสำเร็จสูงสุดในชีวิตไม่ใช่การที่เราสามารถเอาชนะคนอื่นๆได้ หากแต่เป็นการที่เราสามารถเอาชนะตัวของเราเองได้
บทที่ 9
หยุด!! เป็นคนชอบคิดลบ
>>หลายครั้งที่ "ความคิด" โดยตัวของมันเองเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของเรา "คิดลบ จบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม“ แต่ขณะเดียวกันเจ้าตัวความคิดนี้เอง ก็สามารถเป็นกุญแจนำไปสู่การเอาชนะปัญหาต่างๆในชีวิตได้ "คิดดี ชีวีก็เป็นสุข"
การคิดบวก เป็นการคิดในมุมมองที่เราไม่เคยมอง เป็นมุมที่จะช่วยให้เราสบายใจขึ้น การคิดบวกสามารถใช้ในการแทนที่ความคิดลบหรือความคิดที่บิดเบือนต่างๆได้ หลายคนมักจะเข้าใจผิดว่า การคิดบวกเป็นเรื่องของคนโลกสวยหรือมองความจริงเพียงด้านเดียวโดยไม่ยอมสนใจมุมที่เป็นด้านลบ แต่จริงๆแล้วการคิดบวกเป็นการ(พยายาม)ปรับมุมมองหรือกรอบของความคิด โดยไม่ใช่เพื่อหลอกตัวเองว่าเรา "ไม่มีปัญหา" แต่เพื่อให้เรา "มีแรงพอ"ที่จะสู้กับปัญหา เป็นการมองปัญหานั้นในมุมใหม่ๆ
.
บทที่ 10
หยุด!! โกรธแค้นและผูกพยาบาท
>>"ความมืดไม่สามารถไล่ความมืดได้”ฉันใด ความเกลียดชังก็ไม่สามารถขับไล่ความเกลียดชังได้ฉันนั้น เมื่อความโกรธเกลียดเข้าครอบงำมันจะค่อยๆเปลี่ยนแปลงตัวเรา จนเราอาจลืมไปแล้วว่าแค้นอะไร ทำไม่ต้องแค้น แคได้ใช้ชีวิตโดยมีความพยาบาทหล่อเลี้ยงไปวันๆ และท้ายที่สุดความรู้สึกเหล่านี้ก็จะหันเข้าหาตัวของเราเอง ความโกรธ ท้ายที่สุดแล้วจะทำลายตัวเรามากกว่าทำลายคนที่เราเกลียดเสียอีก การให้อภัยไม่ได้แปลว่า "สิ่งที่คุณทำกับฉันมันโอเค" แต่มันแปลว่า "ฉันจะไม่ปล่อยให้สิ่งที่คุณทำกับฉันนั้นมาทำลายความสุขของฉันไปตลอด" และจำไว้ว่าการให้อภัยไม่เพียงแค่สำหรับคนอื่น ๆ แต่เป็นสิ่งที่เราควร “ให้ตัวเอง” ด้วย
บทที่ 11
หยุด!! เป็นคนขี้บ่น
>>การบ่น เป็นการย้ำถึงความคิดด้านลบและแสดงมันออกมาเป็นคำพูด นอกจากทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดีแล้ว ตัวเราเองเมื่อบ่นจนติดเป็นนิสัยแล้ว ความคิดด้านลบก็จะเกาะกินตัวตนของเราเองด้วย หลายคนใช้การบ่นเพื่อต้องการให้สิ่งรอบกายเป็นไปตามที่คาดหวัง อย่าลืมว่ามีอีกหลายวิธีที่จะทำให้คนรอบข้างหรือสิ่งรอบกายเป็นไปตามที่เราคาดหวังเช่น การชมเชยก่อนแล้วค่อยให้คำแนะนำ การให้รางวัลเมื่อสามารถทำตามกติกาที่กำหนดได้ เป็นต้น
.
บทที่ 12
หยุด!! คาดหวังให้ทุกคนพอใจเรา
>>มันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และมีแต่จะทำให้ตัวเราเหนื่อยเปล่า แต่การทำให้คนหนึ่งคนยิ้มได้สามารถเปลี่ยนโลกได้ มันอาจไม่ใช่ทั่งโลก แต่เป็นโลกของเขา ดังนั้นจงโฟกัสให้แคบลง
.