หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

วิธีการ กำจัดรอยแผลเป็นจากสิวอย่างรวดเร็ว

โพสท์โดย ห่ะไรนะ

สิวอาจเป็นสภาพของผิวที่ทำให้คุณเจ็บปวดและอับอายได้ นอกจากนี้แผลเป็นที่มันได้ทิ้งไว้ให้ ก็เป็นสิ่งย้ำเตือนความทรงจำสิวๆ ที่คุณไม่ได้ยินดีต้อนรับเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่รอยแผลเป็นจากสิวจะเลือนหายไปเองหลังเวลาผ่านไปได้หลายเดือนก็ตาม แต่ก็ยังมีบางสิ่งที่คุณสามารถทำได้ เพื่อช่วยเร่งกระบวนการนั้น และเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดการสร้างเม็ดสีของแผลเป็นมากเกินไปกว่าที่เป็นอยู่ จริงอยู่ที่คุณไม่สามารถทำให้รอยสิวหายวับไปได้ภายในคืนเดียว แต่เคล็ดลับข้อแนะนำเกี่ยวกับการรักษา ผลิตภัณฑ์ ทรีทเมนต์ และสกินแคร์ต่างๆ ที่มีบอกไว้ด้านล่างนี้ จะทำให้เกิดความแตกต่างที่สังเกตเห็นได้เมื่อเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่งแน่นอน สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ แค่มองหาวิธีการที่ใช่สำหรับประเภทผิวของคุณเองเท่านั้น

การรักษาสิว วิธีการ 1 จาก 3: ใช้วิธีรักษาแบบธรรมชาติ

1

ทาน้ำมะนาวสด. น้ำมะนาวมีคุณสมบัติขัดฟอกผิวตามธรรมชาติ และสามารถช่วยให้สีของแผลเป็นจากสิวอ่อนลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้คุณผสมน้ำมะนาวกับน้ำในอัตราส่วนที่เท่ากัน แล้วนำมาทาบนรอยแผลเป็นทั้งหลาย และหลีกเลี่ยงบริเวณผิวหนังโดยรอบ จากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 15-20 นาที ให้ล้างออก หรือคุณอาจจะปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืนแบบมาส์กก็ได้ แต่การทิ้งไว้ข้ามคืนไม่ใช่วิธีที่แนะนำเพื่อทำให้รอยสิวสีจางลง เนื่องจากน้ำมะนาวมีค่าความเป็นกรดด่าง (pH) คือ 2 แต่ของผิวหนังคือ 4.0-7.0 ดังนั้นหากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปหรือไม่ได้ทำให้เจือจางก่อน จะสามารถก่อให้เกิดภาวะผิวไหม้จากเคมีได้ น้ำผลไม้รสเปรี้ยวต่างๆ ประกอบไปด้วยสารเคมีที่เรียกว่า เบอร์แกพเทน (Bergapten) ซึ่งจะไปผูกติดกับ DNA และทำให้ผิวหนังถูกทำลายโดยรังสี UV ได้ง่ายกว่าเดิม

จำไว้ว่าให้เติมความชุ่มชื้นแก่ผิวทันทีหลังจากล้างน้ำมะนาวออกแล้ว เนื่องจากกรดซิตริกในมะนาวสามารถทำให้ผิวแห้งได้อย่างมาก น้ำมะนาวพันธุ์ลูกสีเขียวที่มีขนาดเล็กกว่า (lime ซึ่งมีกรดซิตริกเช่นกัน) ในปริมาณเพียงเล็กน้อย สามารถนำมาใช้แทนน้ำมะนาวพันธุ์ลูกสีเหลืองที่มีขนาดใหญ่กว่า (lemon) ได้เลย

2

ขัดผิวหน้าด้วยผงฟู. ผงฟูสามารถนำมาใช้ขัดผิวและลดขนาดรอยแผลเป็นจากสิวได้ ทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือ ผสมผงฟู 1 ช้อนชาเข้ากับน้ำ 2 ช้อนชา นำมาทาทั่วทั้งใบหน้าแล้วนวดวนๆ ให้ผงฟูเข้ากับผิวหน้า โดยเน้นบริเวณที่มีรอยแผลเป็นสัก 2 นาที จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นแล้วซับผิวให้แห้ง ไม่แนะนำวิธีนี้สำหรับรักษาหรือทำให้รอยสิวหรือสิวที่ยังอักเสบอยู่หายไป เนื่องจากค่า pH ของผงฟูคือ 7.0 ซึ่งนับว่าเป็นกลางกับค่า pH ของผิวหนังเกินไป ทั้งนี้ค่า pH ของผิวหนังที่ดีที่สุดอยู่ที่ระหว่าง 4.7-5.5 ซึ่งไม่เอื้อต่อการเกิดสิวประเภท p. acne (สิวส่วนใหญ่ที่มีแบคทีเรียเป็นต้นเหตุ) ฉะนั้นการเพิ่มค่า pH ให้เป็นกลางมากขึ้น สิวประเภทดังกล่าวก็จะสามารถอยู่รอดบนหน้าของคุณได้นานขึ้น รวมถึงเกิดการติดเชื้อและอักเสบได้มากขึ้นอีกด้วย[1]

คุณอาจใช้ส่วนผสมของผงฟูกับน้ำ เพื่อรักษาแบบเฉพาะจุดได้เช่นกัน โดยทาบนบริเวณรอยแผลเป็นโดยตรง แล้วปล่อยทิ้งไว้ 10-15 นาทีก่อนจะล้างออก

3

ใช้น้ำผึ้ง. น้ำผึ้งคือยารักษาจากธรรมชาติสำหรับขจัดสิวและลดรอยแดงที่สิวทิ้งไว้ ที่น้ำผึ้งทำเช่นนี้ได้ก็เพราะในน้ำผึ้งมีสารต้านแบคทีเรีย ซึ่งจะช่วยปลอบประโลมผิวและลดการอักเสบ น้ำผึ้งสดไม่ผ่านกระบวนการหรือน้ำผึ้งมานูกาเป็นน้ำผึ้งที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด สามารถนำมาแต้มได้โดยตรงที่บริเวณแผลเป็นโดยใช้คอตตอนบัด

น้ำผึ้งเป็นทางเลือกที่ดีมากสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย เนื่องจากน้ำผึ้งไม่มีสารก่อความระคายเคือง และยังต่างไปจากยารักษาอื่นๆ ที่จะทำให้ผิวแห้ง เพราะน้ำผึ้งจะมอบความชุ่มชื้นแก่ผิว หากคุณหาซื้อผงไข่มุกได้ (ซึ่งสามารถพบได้ตามร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพหรือตามอินเทอร์เน็ต) ก็สามารถนำผงไข่มุกปริมาณเพียงเล็กน้อยมาผสมกับน้ำผึ้ง เพื่อให้ได้ทรีทเมนต์ที่มีฤทธิ์ในการรักษามากขึ้น เพราะผงไข่มุกน่าจะช่วยลดการอักเสบและทำให้รอยสิวจางลงได้

4

ทดลองใช้ว่านหางจระเข้. วุ้นของว่านหางจระเข้คือสิ่งที่มีฤทธิ์ปลอบประโลมผิวตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถนำมาใช้บรรเทารักษาได้หลายอย่าง ตั้งแต่แผลไฟไหม้ แผลสด ไปจนถึงแผลเป็นจากสิว ว่านหางจระเข้จะช่วยฟื้นฟู ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และเร่งให้รอยสิวจางหายไป ผลิตภัณฑ์จากว่านหางจระเข้หาซื้อได้ง่ายตามร้านขายยาทั่วไป แต่ถ้าให้ดีที่สุด ควรซื้อต้นว่านหางจระเข้แล้วใช้วุ้นจากใบที่หักแล้ว เจ้าวุ้นที่มีลักษณะเหมือนเจลนี้สามารถนำมาทาที่แผลเป็นได้โดยตรงและไม่จำเป็นต้องล้างออก

เพื่อให้ได้ฤทธิ์การรักษาที่เข้มข้นขึ้น คุณสามารถผสมน้ำมันทีทรี (ซึ่งช่วยให้ผิวกระจ่างใส) ลงไปในวุ้นว่านหางจระเข้ก่อนนำไปทาผิว

5

ใช้น้ำแข็งก้อน. การใช้น้ำแข็งเป็นวิธีรักษาที่ทำได้ที่บ้าน แถมยังง่ายสุดๆ ซึ่งสามารถช่วยให้รอยสิวจางลงด้วยการปลอบโยนผิวที่อักเสบและลดรอยแดง เวลาจะใช้ ให้คุณห่อน้ำแข้งก้อนด้วยผ้าสะอาดหรือทิชชูอย่างหนาแผ่นหนึ่ง แล้วประคบบริเวณที่มีแผลเป็นสัก 1 หรือ 2 นาที จนกว่าผิวบริเวณดังกล่าวจะรู้สึกชา

แทนที่จะทำน้ำแข็งจากน้ำธรรมดา คุณสามารถนำน้ำชาเขียวเข้มข้นมาใส่ถาดทำน้ำแข็งแล้วนำน้ำแข็งชาที่ได้มาประคบบริเวณรอยสิว ในชาเขียวมีสารต้านการอักเสบ ซึ่งไปเสริมฤทธิ์กับความเย็นของน้ำแข็ง

6

ทำยาพอกจากไม้แก่นจันทน์. เป็นที่รู้กันดีว่าไม้แก่นจันทน์มีสรรพคุณในการรักษาผิว อีกทั้งยังสามารถจัดเตรียมไว้ใช้ได้ง่ายๆ ที่บ้าน เพียงคุณผสมผงไม้แก่นจันทน์ 1 ช้อนโต๊ะเข้ากับน้ำดอกกุหลาบหรือนมสัก 2-3 หยดเพื่อทำเป็นยาพอก จากนั้นนำมาทาบริเวณแผลเป็นแล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนล้างออก ทำเช่นนี้ซ้ำกันทุกวันจนกว่าแผลเป็นจะหายไป

อีกทางเลือกหนึ่ง คุณสามารถผสมผงไม้แก่นจันทน์กับน้ำผึ้งปริมาณเล็กน้อย แล้วใช้ยาพอกที่ได้ในการลดรอยแผลเป็นเฉพาะจุดก็ได้

7

ลองใช้น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล. เมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลจะช่วยจัดสมดุลค่า pH ของผิวคุณ ปรับปรุงสภาพผิว แล้วยังช่วยลดรอยแดงและรอยแผลเป็นต่างๆ อีกด้วย เวลาจะใช้ให้คุณเจือจางน้ำส้มสายชูนี้ด้วยน้ำ โดยให้น้ำมีปริมาณมากกว่าน้ำส้มสายชูสองเท่า แล้วนำมาทาบริเวณแผลเป็นโดยใช้สำลีก้อนทุกวัน จนกว่าแผลเป็นจะเริ่มหายไป

การรักษาสิว วิธีการ 2 จาก 3: ใช้ครีมและวิธีรักษาทางการแพทย์

1

เริ่มด้วยครีมจำพวกคอร์ติโซน (cortisone cream). ครีมคอร์ติโซนจะช่วยรักษาและลดการอักเสบของผิวหนังได้[2] ให้คุณปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินว่าครีมคอร์ติโซนชนิดใดที่เหมาะสมกับคุณ

ครีมคอร์ติโซนมีทั้งแบบได้จากใบสั่งยาของแพทย์และแบบที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เวลาใช้ให้ทาครีมนี้บริเวณรอยแผลเป็น และต้องแน่ใจว่าได้อ่านฉลากยาดูขั้นตอนคำแนะนำในการใช้ยาแล้วเรียบร้อย

2

ลองใช้ครีมปรับผิวให้กระจ่างใสที่วางขายบนชั้นยาดูสิ. ครีมประเภทปรับสีผิวให้กระจ่างใสที่ประกอบไปด้วยกรดโคจิก (kojic acid) สารอาร์บูติน (arbutin) สารสกัดจากชะเอมเทศ (licorice extract) สารสกัดจากหม่อน (mulberry extract) และวิตามินซี จะช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้นและทำให้การผลิตเม็ดสีของผิวที่มากเกินไปอันเกิดจากรอยสิวนั้นลดลงได้ โดยปราศจากการทำลายหรือทำให้ผิวระคายเคือง[3]

หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารไฮโดรควิโนน (hydroquinone) เนื่องจากสารปรับสีผิวให้สว่างซึ่งเป็นที่นิยมตัวนี้สามารถก่อความระคายเคืองแก่ผิวของคุณได้ และยังถูกตีตราว่าเป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการก่อมะเร็งสูงอีกด้วย[4] หากคุณมีผิวสีเข้ม (โดยเฉพาะคนผิวสีเชื้อชาติแอฟริกัน) ให้หลีกเลี่ยงครีมประเภทปรับสีผิวให้สว่าง เพราะครีมดังกล่าวอาจทำให้เม็ดสีเมลานินในผิวคุณหายไปอย่างถาวร ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการของสิวที่แย่มากกว่าเดิมได้[5]

3

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดไกลโคลิก (glycolic acid) หรือกรดซาลิซิลิก (salicylic acid).กรดทั้งสองชนิดนี้จะพบได้ในผลิตภัณฑ์สกินแคร์ เช่น พวกครีม สครับ และขี้ผึ้งต่างๆ เนื่องจากกรดทั้งสองมีฤทธิ์ขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้ดีซึ่งช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ชั้นผิวที่มีเม็ดสีมากเกินไปขึ้นมาอยู่ชั้นบน ก่อนที่จะช่วยผลัดให้ชั้นผิวดังกล่าวออกไปอย่างหมดจด[6]

คุณอาจนัดแพทย์ผิวหนังเพื่อขอรับยาขัดผิวที่มีกรดไกลโคลิกได้เช่นกัน ซึ่งยาตัวนี้จะทำงานในลักษณะเดียวกัน แต่ฤทธิ์ในการขัดผิวจะลงไปถึงชั้นผิวที่ลึกกว่า

 

4

ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเรตินอยด์. สารเรตินอยด์ก็คือสารที่ได้มาจากวิตามินเอซึ่งนำมาใช้ในสกินแคร์หลากหลายชนิด มีสรรพคุณลดรอยเหี่ยวย่น ตีนกา ความผิดปกติของสีผิว และปัญหาสิว สารเรตินอยด์ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนและเร่งการผลัดเซลล์ผิว ซึ่งทำให้เรตินอยด์เป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการลดรอยสิว แม้ว่าครีมเรตินอยด์จะมีราคาค่อนข้างแพง แต่แพทย์ผิวหนังก็แนะนำเป็นพิเศษเพราะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

คุณสามารถซื้อครีมเรตินอยด์บางชนิดได้ตามเคาน์เตอร์ขายยา เช่น ครีมที่ผลิตโดยแบรนด์สกินแคร์หลักๆ ทั้งหลาย อย่างไรก็ตามหากเป็นครีมชนิดมีฤทธิ์แรงจะต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์ผิวหนังเสียก่อนถึงจะซื้อได้ ส่วนประกอบในครีมเรตินอยด์มีความไวต่อรังสี UVA จากแสงแดด ดังนั้นควรทาครีมชนิดนี้เฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น เพื่อปกป้องผิวของคุณเอง[7]

5

บำบัดรักษาด้วยเลเซอร์. หากแผลเป็นจากสิวไม่หายไปเองหลังจากผ่านมาแล้วหลายเดือน คุณคงต้องพิจารณาการบำบัดรักษาด้วยเลเซอร์แล้วล่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือกโปรแกรมการรักษาแบบใด เพราะการใช้เลเซอร์นั้นมีทั้งใช้เพื่อกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน และเพื่อสลายรอยแผลเป็น เพื่อที่ผิวใหม่จะสามารถสร้างตัวขึ้นมาได้ในบริเวณนั้น[8]

นัดแพทย์ผิวหนังเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับทางเลือกต่างๆ ของคุณ และพูดคุยถึงความเสี่ยงและผลข้างเคียงต่างๆ ที่เป็นไปได้

6

พิจารณาการฉีดฟิลเลอร์. แผลเป็นจากสิวสามารถทิ้งรอยหลุมแบบถาวรไว้บนผิวคุณได้ ซึ่งรอยหลุมนั้นไม่สามารถกลับมาเรียบเสมอได้อย่างเดิม อย่างไรก็ดี การฉีดฟิลเลอร์จะสามารถเติมหลุมเหล่านี้ให้ผิวกลับมาเรียบเสมอได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น จึงจำเป็นต้องไปฉีดซ้ำทุก 4-6 เดือน[9]

7

ลองคิดถึงการกรอผิวหน้าและการลอกผิวด้วยสารเคมีดูก็ได้. วิธีการรักษาเหล่านี้จะไม่ทำให้รอยสิวของคุณจางหายไปในชั่วข้ามคืนหรอกนะ เพราะมันอาจก่อความระคายเคืองได้ค่อนข้างมาก ผิวจึงต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว อย่างไรก็ตามวิธีทั้งสองนี้ก็คุ้มค่าแก่การพิจารณาหากคุณพบว่าครีมและโลชั่นต่างๆ ใช้ไม่ได้ผล หรือกังวลเรื่องการทำให้สีผิวเสมอกัน

การลอกผิวด้วยสารเคมีคือการใช้ตัวยาที่มีความเป็นกรดเข้มข้นมาทาผิว เมื่อทาไปแล้วก็จะไปสลายชั้นผิวด้านบน แล้วเหลือชั้นผิวใหม่ที่อยู่ด้านล่างเอาไว้ การกรอผิวหน้าให้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน เพียงแต่วิธีการที่ใช้จะเป็นการขัดผิวด้วยแปรงหมุนไฟฟ้

การรักษาสิว วิธีการ 3 จาก 3: ดูแลผิวพรรณของคุณ

1

ปกป้องผิวคุณจากแสงแดดอยู่เสมอ. รังสีอัลตร้าไวโอเล็ตจากดวงอาทิตย์จะไปกระตุ้นเซลล์ผลิตเม็ดสีของผิวหนัง[10] ซึ่งสามารถทำให้ลักษณะของรอยสิวแย่ลงได้ ถ้าคุณต้องใช้เวลาอยู่ท่ามกลางแสงแดด ให้ปกป้องผิวของคุณด้วยการทาครีมกันแดด (ที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า) สวมหมวกปีกกว้าง และพยายามอยู่ในที่ร่มให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้

2

ใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์สูตรอ่อนโยน. บ่อยครั้งที่คนเราต่างต้องการที่จะกำจัดเจ้ารอยแผลเป็นจากสิวทั้งหลายและสีผิวที่ผิดปกติออกไปมากเสียจนไปใช้ผลิตภัณฑ์และวิธีการสำหรับขัดผิวทุกรูปแบบ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดความระคายเคืองผิวและทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิมได้ พยายามฟังเสียงจากผิวคุณดูสิ ถ้ามันมีปฏิกิริยาที่ไม่ดีต่อผลิตภัณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะล่ะก็ คุณควรที่จะหยุดใช้สิ่งนั้นทันที ให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนทั้งคลีนเซอร์ เมคอัพรีมูฟเวอร์ มอยซ์เจอไรเซอร์ และสครับ ซึ่งจะช่วยปลอบประโลมผิวของคุณมากกว่าที่จะไปทำให้ผิวอักเสบ

เวลาที่คุณทำความสะอาดหน้า ให้เลี่ยงการใช้น้ำร้อนจัด เพราะน้ำร้อนอาจทำให้ผิวแห้งได้ ดังนั้นให้ลดอุณหภูมิน้ำลงมาสัก 2-3 องศา นอกจากนี้คุณยังควรหลีกเลี่ยงการใช้ผ้าสำหรับเช็ดหน้า ฟองน้ำ และใยบวบที่มีความหยาบกระด้างกับใบหน้าของคุณ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่มีความอ่อนโยนและทำให้ผิวระคายเคืองได้

3

ขัดผิวหน้าเป็นประจำ. การขัดหน้าจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป และเผยผิวใหม่นุ่มละมุนที่อยู่ด้านล่างให้ปรากฏ เนื่องจากรอยสิวมักมีผลกระทบแค่กับผิวชั้นบน ฉะนั้นการขัดหน้าจะสามารถเร่งกระบวนการผลัดผิวชั้นที่มีรอยสิวออกไปได้ คุณสามารถขัดผิวหน้าได้โดยการใช้สครับสำหรับขัดผิวหน้าโดยเฉพาะ แค่ต้องแน่ใจว่าเป็นสูตรที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อผิวบอบบางแพ้ง่าย

อีกทางเลือกก็คือ คุณสามารถขัดผิวหน้าด้วยผ้าขนหนูที่มีความอ่อนนุ่มกับน้ำอุ่น โดยใช้ผ้าดังกล่าวมาหมุนวนเป็นวงเล็กๆ ให้ทั่วทั้งใบหน้า คุณควรขัดหน้าอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และอย่างมากวันละ 1 ครั้ง หากคุณเป็นคนผิวแห้งมาก คุณอาจต้องการขัดเพียง 3-4 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์

4

หลีกเลี่ยงการบีบกดเม็ดสิวและรอยสิว. แม้ว่ามันจะยั่วยวนใจให้ทำก็เถอะ การทำเช่นนั้นกับรอยสิวจะไปรบกวนกระบวนการที่ผิวรักษาตัวเองตามธรรมชาติ แถมยังไปทำให้ลักษณะรอยสิวนั้นดูแย่ลงไปอีก ในขณะที่การบีบกดเม็ดสิวก็สามารถทำให้ผิวคุณเกิดแผลเป็นได้ตั้งแต่แรก เพราะแบคทีเรียจากมืออาจถูกส่งผ่านไปยังใบหน้าของคุณได้ ซึ่งเป็นเหตุให้สิวอักเสบและติดเชื้อ ดังนั้นไม่ว่ากรณีใดก็ควรหลีกเลี่ยงการบีบกดสิวและรอยสิว

5

ดื่มน้ำให้มากๆ และรับประทานอาหารให้สมดุล. ถึงแม้ว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการคงร่างกายไม่ให้ขาดน้ำจะไม่ได้เสกให้รอยสิวหายวับเหมือนมีเวทมนตร์ แต่ก็เป็นการทำให้ร่างกายคุณได้ทำงานได้ดีที่สุด และช่วยให้ผิวรักษาตัวมันเอง น้ำจะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายและคงความอิ่มน้ำเต่งตึงของผิวเอาไว้ ฉะนั้นคุณควรตั้งเป้าดื่มน้ำให้ได้วันละ 5-8 แก้ว วิตามินต่างๆ เช่น วิตามินเอ ซี และอีก็จะช่วยบำรุงและหล่อเลี้ยงผิวให้ชุ่มชื้นเช่นกัน

วิตามินเอพบได้ในผักต่างๆ เช่น บร็อกโคลี่ ผักโขม และแครอท ส่วนวิตามินซีและอีพบได้ในส้ม มะเขือเทศ มันเทศ และอโวคาโด คุณควรพยายามเลี่ยงอาหารที่มีแป้งและไขมันสูงให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะอาหารเหล่านี้ไม่ได้ให้ประโยชน์อันใดแก่คุณเลย

เคล็ดลับ การรักษาสิว

ต้องแน่ใจว่าร่างกายคุณนั้นไม่ขาดน้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้นและมีสุขภาพดีในระยะยาว และช่วยให้การฟื้นตัวเป็นไปได้เร็วขึ้นอีกด้วย ยิ่งคุณจัดการรักษารอยแผลเป็นเร็วเท่าไร การรักษาก็จะยิ่งได้ผลมากขึ้นเท่านั้น การมีความอดทนเป็นวิธีการรักษารอยสิวที่ได้ผลดีที่สุด รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางหายไปจนหมดเมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน เพราะได้คอลลาเจนใหม่มาเติมเต็มผิวบริเวณที่เป็นรอยสิว[11] ลองมาส์กหน้าด้วยมาส์กสูตรข้าวโอ๊ตสิ ตักข้าวโอ๊ตมา 1 ช้อนและรดน้ำให้เปียก บีบแล้วนำน้ำนมที่ได้มาทาให้ทั่วทั้งหน้า จากนั้นนำเนื้อข้าวโอ๊ตทั้งหมดมาโปะหน้า และปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 นาที อย่าทามาส์กข้าวโอ๊ตตรงบริเวณตาและปาก หลังจากนั้นให้คุณล้างมาส์กออก การมาส์กหน้านี้ไม่ได้ให้ผลลัพธ์แบบทันทีทันใด แต่มันก็ใช้ได้ผลสำหรับบางคน คุณสามารถนำผงขมิ้นมาทาบริเวณที่เป็นรอยสิวได้ เพราะขมิ้นมีสารฆ่าเชื้อและต้านการอักเสบตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยในการรักษาสิวและรอยแผลเป็นบนใบหน้า สำหรับการผสมนั้น คุณสามารถทำได้โดยนำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำหรือน้ำมะนาว เมื่อทาและปล่อยไว้ครบ 15 นาทีแล้ว ให้ล้างออกด้วยน้ำเย็น อีกวิธีหนึ่งคือ คุณอาจนำน้ำมะเขือเทศมาทาหน้าก็ได้ เพราะน้ำมะเขือเทศจะช่วยทำให้ผิวคุณกระจ่างใสขึ้นและช่วยลดรอยแผลเป็นได้อีกด้วย ทาบริเวณที่มีรอยสิวด้วยส่วนผสมของน้ำมะนาว แป้ง และนม ทาน้ำมันมะพร้าวบนรอยแผลเป็น และค่อยๆ ทาน้ำมันมะกอกบริเวณที่ยังเป็นสิวอยู่ คุณสามารถใช้แตงกวากับน้ำผึ้งก็ได้ เม็ดสิวที่กำลังปะทุจะแพร่กระจายความสกปรกผ่านทางรูขุมขนของคุณ และทำให้เกิดสิวเพิ่มมากขึ้น

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ห่ะไรนะ's profile


โพสท์โดย: ห่ะไรนะ
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
45 VOTES (4.1/5 จาก 11 คน)
VOTED: ginger bread, cutiebarbie, เซเลอร์เบล เบล, Thorsten, MuayMuaythai, aRnoNAe
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เซอร์ไพร์ !! กาฮี อดีตวง After School ร่วมแห่ขบวนขันหมากงานแต่งพี่ชายที่ไทย รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่แดดออก แต่ฟ้าแอบๆครึ้มๆ ลมแรงมีไอเย็น เรียกได้ว่า 3 ฤดู ในวันเดียวเลยมั้งเนี่ยขุดวีรกรรมและข่าว (เคย) ฉาว "ฟิล์ม รัฐภูมิ" จาก "เสี่ยอู๊ด" ถึง "โหนกระแส""ทรัมป์" แต่งตั้งพิธีกรทีวี คุมกลาโหมรู้จัก 'ซงแจริม' พระเอกเกาหลีผู้ทิ้งผลงานไว้ในใจแฟนๆภาวะอุจจาระตกค้าง ขับถ่ายอุจจาระออกไม่หมดทำให้มีการตกค้างอยู่ภายในลำไส้"ทรัมป์" แต่งตั้ง "มัสก์" คุมกระทรวงใหม่"ดาวิกา โฮร์เน่" ซัดเดือด! ฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด พร้อมเปลี่ยนเงินชดเชยช่วยเหลือสัตว์เปิดวาร์ป "Chuando Tan" นายแบบหนุ่มสิงคโปร์ อายุ 58 แต่ยังหน้าเด็ก!การสวดมนต์ ประโยชน์ของการสวดมนต์ ทำสมาธิ บริหารจิต บำบัดกาย มีประโยชน์ต่อสุขภาพนก จริยาจับโป๊ะสามีได้เพราะหนุ่ม กรรชัยแก๊งบิ๊กไบค์ออกทริปเต็มถนน ติดธงประเทศเพื่อนบ้าน แช่ขวาขวางถนน.ไม่สนโลก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ต้นกำเนิดกำแพงเมืองจีน!!"ดาวิกา โฮร์เน่" ซัดเดือด! ฟ้องเกรียนคีย์บอร์ด พร้อมเปลี่ยนเงินชดเชยช่วยเหลือสัตว์'เจน' เด็กสาวที่ถูก'ฆ่ๅ' เพื่อ'กิน'!รู้จัก 'ซงแจริม' พระเอกเกาหลีผู้ทิ้งผลงานไว้ในใจแฟนๆร้านเบเกอรี่เร่งทำขนมปังรูปสัตว์ต่าง ๆ สำหรับวันลอยกระทง สูตรนี้คนกินได้ สัตว์น้ำก็กินดี ☺️
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
จริงหรือไม่!! "อาบน้ำเย็น" ช่วยป้องกันหวัดได้เจนนี่ โจเซฟ: ต้นแบบโลโก้ Columbia Pictures ผู้หญิงถือคบเพลิงที่เราเห็นจนคุ้นตา"ภาพถ่ายอวกาศจากนักบินอวกาศ Michael Collins: มุมมองที่ไม่เหมือนใครของโลกจากดวงจันทร์"ต้นหยดน้ำ: พืชอวบน้ำสายพันธุ์น่ารักจากแอฟริกาใต้ หลายคนชอบเลี้ยงมากๆเลยน๊า ^_^
ตั้งกระทู้ใหม่