Hormones วัยว้าวุ่น 3 : EP6 – โลกที่ไม่มีใครเห็นของพวกหัวสี่เหลี่ยม เด็กต้องตะลึงกับสังคมผู้ใหญ่
“กีฬาสี” เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับโรงเรียนประถม – มัธยมไทยมาช้านาน ซึ่งก็เหมือนทุกๆ การทำงาน ปกติจะต้องมีการแบ่งฝ่ายรับผิดชอบกัน เช่น ฝ่ายแสตนด์ คอยดูแลการทำสแตนด์ ทำป้าย ฝ่ายเชียร์ ก็คอยดูแลเรื่องท่าเชียร์ ฝ่ายสวัสดิการ ดูแลน้องๆ เมื่อมีใครเจ็บป่วย แต่ก็จะมีเรื่องหนึ่ง ที่ทุกๆ งาน ที่ใช่เฉพาะแต่งานกีฬาสี ที่มักจะจุดประเด็นและทำให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมายก่ายกองอยู่เสมอๆ นั่นก็คือเรื่อง “งบประมาณ” นั่นเอง ที่ไม่ว่าจะงานโรงเรียนไหนๆ มันก็ไม่เคยพอเลยจริงๆ ซึ่งน่าตกใจมากว่า ฮอร์โมนตอนที่ 6 นี้ เลือกประเด็นได้ใกล้ตัวเด็กมัธยมจริงๆ ซึ่งจะเรียล เสียดสีจนเลือดซิบๆ ขนาดไหน เรามาดูกัน
พีหรือ ‘บอส’ เป็นตัวละครที่ตั้งแต่ปล่อยของในตอนแรก ก็เกิดอาการเสียงแตกอย่างชัดเจน ไม่ใช่น้องเค้าเสียงใหญ่ (ฮา ตลกตรงไหน) แต่เป็นตัวละครที่มีการแบ่งทีมฝ่ายชอบ และฝ่ายไม่ชอบขึ้น ฝ่ายชอบก็จะบอกว่าบอสทำถูกแล้วที่ยึดมั่นในอุดมการณ์ของตน ส่วนฝ่ายไม่ชอบก็จะบอกว่าเป็นตัวละครที่เถรตรงเกินไป ไม่ยอมเข้าใจเพื่อนเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อได้สัมผัสกับตัวละครตัวนี้มากขึ้น เราเชื่อว่าทุกคนจะต้องเปลี่ยนความคิดแน่นอน
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อบอสพยายามจะจัดตั้ง ‘โฟกัส กรุ๊ป’ เพื่อแก้ไขปัญหาของ “นโยบายการบ้าน” อย่างจริงจังอีกครั้ง เนื่องจากครั้งที่แล้วการยื่นเรื่องโดยตรงล้มเหลว เลยต้องมีการกลับมาระดมสมองกันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้บอสต้องการทราบถึงปัญหาที่แท้จริงรวมถึงวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นไปได้จึงจะทำการรวบรวมที่สมัครใจกันมาช่วยคิด เพราะบอสมองว่าแบบสอบถามเป็นวิธีที่ไม่ได้เข้าถึงปัญหาอย่างจริงจัง ดังนั้นบอสจึงเริ่มตามหาคนที่ต้องการมาพูดคุยอย่าง “จริงจัง” เกี่ยวกับนโยบายนี้ ซึ่งก็ดูจะไม่เป็นผลมากนัก เพราะบอกเดินถามใครก็ไม่มีใครว่างไปเสียหมด เมื่อเต้อและนนท์เห็นแบบนั้นจึงคิดจะช่วยโดยการให้นนท์เป็นคนป่าวประกาศหาที่สมัครใจมาลงชื่อ ซึ่งก็ได้ผลมีคนมาลงชื่อ “มากมาย” เพราะแม้แต่น้องที่พึ่งบอกบอสว่าไม่ว่างก็ยังอุส่าห์วิ่งไปลงชื่อทันที จนได้ชื่อเป็นลิสยาวพรืด
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงจะได้ลิสยาวพรืดมาก็ตาม ผลลัพธ์กลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อสุดท้าย คนที่มาเข้าโฟกัสกรุ๊ปจริงๆ กลับ “ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว” อย่างไรก็ตามเนื่องจากเวลาของชั้นเรียนเป็นช่วงกีฬาสี นนท์ก็ได้แต่ปลอบบอสว่าอาจจะเป็นเพราะทุกคนติดซ้อมเชียร์กันหมด เมื่อไม่มีอะไรจะทำแล้ว บอสจึงได้ไปสังเกตุการณ์การซ้อมเชียร์ของสีฟ้า แล้วก็แจ๊คพอตเมื่อมีน้องคนหนึ่งเป็นลม เมื่อบอสพยายามถามหายาดม ยาหม่อง แต่กลับพบว่าไม่มีการเตรียมการไว้ เมื่อเหตุการณ์ได้ผ่านไป ประธานสีฟ้าอย่าง ‘เยลลี่’ จึงได้บอกให้ออยเอาเงินไปซื้อน้ำให้น้อง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเธอก็พบว่างบได้หมดลงแล้ว เมื่อประเด็นที่เป็นปัญหาของทุกงานกีฬาสีอย่างเรื่อง “งบประมาณ” ถูกหยิบยกขึ้นมา ดราม่าจึงบังเกิด (คล้องจองจุง ถถถถถถถ) แม้ว่าขนมปังและบอสได้แจกแจงกับเยลลี่ไปแล้วว่างบขอเพิ่มไม่ได้ แต่ไม่วายเยลลี่ยังไปขอกับนนท์อีกครั้ง เมื่อเรื่องไปถึงนนท์เรื่องงงบกีฬาสีจึงถูกหยิบยกมาประชุมอีกครั้ง และดราม่าก็บังเกิดเมื่อเต้อ เพื่อนสนิท (??) ของบอส ได้เสนอให้เอาเงินของฝ่ายวิชาการ ไปให้งานกีฬาสี
โลกที่ไม่มีใครเห็นของพวกหัวสี่เหลี่ยม
ในชีวิตวัยเรียนของเรา ต้องพบเจอคนหลายประเภท ส่วนมากเราก็จะอยู่รวมๆ กันไปแบบไร้ปัญหา แต่นั่นแหละ มันก็จะมีคนกลุ่มหนึ่งในสังคม ที่มักจะเข้ากับใครไม่ได้เลย คนที่มองความเป็นจริงมากเกินไป คนที่สังคมมักมองว่าเป็นพวกคิดมาก พวกโลจิก คนที่พูดความคิดออกมาแล้วทุกคนจะมองมาพร้อมกับทำหน้าตาเบื่อหน่าย คนที่โดนบอกว่าเป็นพวก “หัวสี่เหลี่ยม”
บอสคือหนึ่งในนั้น บอสคือพวกหัวสี่เหลี่ยม บอสคือคนที่ทำตามกฎมาตลอด แม้กระทั่งตอนที่ถูกโหวตให้ออกจากการเป็นประธานนักเรียน บอสเป็นคนที่ไม่เห็นด้วยกับการยก “นโยบายขายฝัน” “นโยบายประชานิยม” อย่าง ‘นโยบายการบ้าน’ มาเป็นนโยบายหลักเพราะรู้ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คืออะไร ? คนในสภาแทบไม่มีใครสนใจเรื่องนี้เลย ไม่มีใครพยายามทำให้เกิดขึ้นจริง ตัวละครอย่างนนท์ทำได้แค่พูดว่า “เดี๋ยวก็พอมีทางแหละ” “เดี๋ยวก็ช่วยๆ กัน” แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
และปมก็ถูกจุดระเบิดอีกครั้งเมื่อเมื่อเต้อได้เสนอเรื่องการยกงบของฝ่ายวิชาการไปให้ฝ่ายกีฬาสีก่อน แต่พอถามถึงการแก้ปัญหาเมื่อฝ่ายวิชาการต้องใช้เงินในอนาคต คนสภานักเรียนก็ได้แต่พูดแบบเดิมว่า “เดี๋ยวก็พอมีทางแหละ” “เดี๋ยวก็ช่วยๆ กัน” ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ตัวละครแบบบอสรับไม่ได้ เพราะมันเหมือนกับเป็นการทำงานแบบไม่มีแบบแผน คำพูดสวยหรูไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เงินมันไม่ได้โผล่มาจากลมปาก ทำไมทุกคนถึงไม่เข้าใจเรื่องนี้ ? นั่นทำให้บอสเริ่มสร้างคอนเซปทางความคิดที่ว่านนท์ทำเพื่อ “อยากดัง” ขึ้นมาบ้างแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อบอสได้กลับมาคิดทบทวน รวมทั้งปรึกษาครอบครัว ทั้งพ่อและแม่ก็ได้ให้คำปรึกษาเหมือนกันที่ว่า ดูจุดประสงค์การใช้เงินสิว่าทำให้เรา “บรรลุเป้าหมาย“ หรือเปล่า ? ซึ่งนั่นเองก็ทำให้บอสเลือกจะยอมโยกเงินฝ่ายวิชาการไปให้ฝ่ายเชียร์ เพื่อหวังที่ให้น้องๆ กองเชียร์ได้มีน้ำ มียาดม ยาหม่องไว้ใช้ยามจำเป็น
ทุกอย่างดูเหมือนจะแฮปปี้ ถ้ามันดันไม่ไปเกิดเหตุการณ์ซ้ำ เมื่อมีน้องเป็นลมอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีกล่องปฐมพยาบาลอยู่ดี อีกทั้งบอสยังพบว่าสียังคงเรียกเก็บเงินน้องอยู่ เมื่อถามถึงเงินที่ตั้งใจให้มาเพื่อน้องๆ กลับพบว่างบกลับไปจมอยู่กับหลีดอีกครั้ง มวลประชามหาประชาความเครียดของบอสถูกระเบิดออก ทำให้เกิดมวยคู่เอกอย่างดิวประทะบอส และทำให้เกิดวิวาทะที่ประทับอยู่ในจิตของของทุกคน
“ปลอมม !!! เปลือกกกกก !!!!!”
เมื่อกลับมาในสภานักเรียน แทนที่จะมีคนเข้าข้างกลับถูกมองเป็นตัวประหลาด บอสถูกทวงถามว่าทำไมไม่นำเรื่องเข้าสภา ก็ในเมื่อสภาไม่เคยตอบรับความคาดหวังของบอสได้เลย ก็ถึงคราวที่จะต้องระเบิดออกไปบ้าง และนั่นรวมถึงการที่บอสมองนนท์ว่าทำเพื่อเปลือกเหมือนกัน การมองโลกในแง่ดีเกินไปแบบนนท์ เอาใจทุกคน ไม่ให้เกิดความแตกแยก บางครั้งมันก็เป็นนโยบายในอุดมคติเกินไป สิ่งที่สภาทำอยู่มันไม่ได้กระทบแค่เรื่องฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพราะสุดท้ายการ“ทำงานแบบตายเอาดาบหน้า” แบบไร้ระบบอย่างนี้ก็ต้องพบกับ “ทางตัน” เข้าซักวัน นั่นคือสิ่งที่บอสเข้าใจ แต่ไม่มีใครเห็น
“โลกของเรา… โลกของพวกหัวสี่เหลี่ยม”