หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Sada Abe ฉันรักผู้ชายคนนี้

โพสท์โดย ไก่อ้วน


วันที่ 18 พฤษภาคม 1936 ซาดะ อาเบะ หญิงสาวผู้มีอดีตเป็นโสเภณี ได้รัดคอคิชิโซ อิชิดะ ชายคนรักของเธอ
จนถึงแก่ความตาย แต่สิ่งที่สร้างความตกตะลึงและทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นข่าวเกรียวกราวตามหน้าหนังสือพิมพ์ก็คือ
ซาดะได้ใช้มีดตัดเฉือน "อวัยวะเพศ" ของฝ่ายชายหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึก
พร้อมทั้งใช้เลือดคิซิโซเขียนบรรยายความในใจของเธอเองลงบนเรือนร่างศพ



วันที่ 21 พฤษภาคม 1936 ซาดะก็โดนตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรม พร้อมทั้งหลักฐานผูกมัดทุกอย่าง ไม่เพียงแต่เธอ
จะปราศจากความคิดหลบหนีเท่านั้น ซาดะยังยินยอมรับสารภาพโดยดี และที่ชวนฉงนสร้างความแปลกใจให้ใครต่อใครก็คือ
สีหน้าของซาดะห้วงขณะที่โดนตำรวจจับดูยิ้มแย้มแจ่มใส ไร้วี่แววสะทกสะท้านหวาดกลัว (โปรดดูภาพประกอบ)

พฤติกรรมของซาดะกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั่วทุกหย่อมย่าน แทนที่จะโดนผู้คนรุมประณามติเตียนในฐานะ "ฆาตกร" ซาดะ
กลับได้รับการชื่นชมประหนึ่งวีรสตรี และเป็นแบบอย่างในการลุกขึ้น "ขบถ" ที่ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมาก (ซึ่งตกอยู่ภายใต้การ
ครอบงำกดทับของวิถีชีวิตที่ "ผู้ชายเป็นใหญ่" มาเนิ่นนานหลายศตวรรษ) ปรารถนาจะเจริญรอยตาม

อะเบะ ซาดะโดนตัดสินให้รับโทษจำคุกเป็นเวลา 6 ปี (แต่เมื่อติดคุกเพียงแค่ 4 ปี เธอก็ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ)
หลังจากนั้นข่าวคราวของเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป บางกระแสกล่าวว่า ซาดะเปลี่ยนชื่อและแต่งงานใหม่ แต่ก็ต้องลงเอย
ด้วยการหย่าร้าง เมื่อสามีทราบความจริงว่าเธอคือใคร? ข้อมูลบางแหล่งก็ร่ำลือกันว่า ซาดะยึดอาชีพเป็นนักแสดง โดยรับบทบาท
เป็นตัวเอง ถ่ายทอดเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ทำให้เธอมีชื่อเสียงโด่งดัง สันนิษฐานกันว่า ราว ๆ ช่วงทศวรรษ 1970
ซาดะได้หายสาบสูญไปอย่างลึกลับ โดยไม่มีใครล่วงรู้ชะตากรรมของเธอ

อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงและเรื่องราวของซาด ก็เป็นที่จดจำในฐานะ "บุคคลประวัติศาสตร์" เป็นเรียบร้อย
 
 
ซาดะ อาเบะ(Sada Abe)



ซาดะ อาเบะ เป็นหญิงขายตัวที่ได้ทำการฆาตกรรมนายคิชิโซ อิชิดะเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1936 และตัดอวัยวะเพศ
และอัณฑะเก็บเป็นที่ระลึก เรื่องราวของเธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจแก่ศิลปิน, ปรัชญา, นักเขียน และภาพยนตร์

ซาดะเกิดเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 1905 ทีเขตคันดะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นบุตรคนที่เจ็ดในแปดของ ชิเงโยชิและ คัทซึ อาเบะ
ที่ทำอาชีพทอเสื่อทาทามิขาย หากแต่บุตรทั้งแปดนั้นมีเพียงสี่คนที่สามารถรอดและเติบโตเป็นผู้ใหญ่  พ่อของซาดะแต่เดิม
เป็นคนมาจากจังหวัดชิบะมาก่อนและได้ครอบครัวอาเบะอุปถัมถ์เพื่อให้เขามาช่วยธุรกิจทอเสื่อ จนสามารถสืบทอดกิจการ
ครอบครัวอาเบะในที่สุด เมื่อเขาอายุ 52 ปี ก็เกิดซาดะ ซึ่งพ่อของซาดะนั้นมีนิสัยซื่อสัตย์และเป็นคนตรงไม่เคยทำผิดกฎหมายอะไร
ส่วนแม่ของซาดะก็เป็นคนเอาใจใส่ซาดะเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงแต่พ่อแม่เท่านั้นดูเหมือนครอบครัวของเธอจะผิดศิลธรรมไม่แพ้กัน พี่ชายของเธอชินทาโร่ อาเบะเป็นเจ้าชู้อย่างร้ายกาจ
และหลังจากแต่งงานเขาก็หนีไปพร้อมกับเงินจำนวนมาก

ทางด้านอะเบะ ซาดะแม่ของเธอสนับสนุนให้เธออยากที่จะเป็น เธอใช้เวลาเรียนในการร้องเพลงและเล่นซามีซัมซึ่งกิจกรรม
เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับเกอิซาและโสเภณีมากกว่าจะเป็นศิลปะคลาสสิก พออายุ 15ปี เธอถูกข่มขืนโดยหนึ่งในคนรู้จัก
ของเธอแม้ว่าพ่อแม่จะปกป้องเธอก็ตาม หากแค่เธอ ต่อมาเธอก็ถูกส่งขายให้แก่บ้านเกอิซาในโยโกฮามา ในปี 1992 พ่อของเธอ
หาว่าเธอสำส่อนเลยลงโทษให้เธอให้เป็นเกอิซา

ซาดะต้องผจญกับโลกโหดร้ายของเกอิซา แต่กระนั้นเธอก็พิสูจน์เพื่อรักษาบาดแผลในใจของเธอหากสุดท้ายเธอก็เป็นเพียง
แค่เกอิซาเกรดต่ำที่มีหน้าที่หลักบริการทางเพศ เธอทำงานแบบนี้ถึงห้าปี จนเป็นโรคซิฟิลิส(โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่ง)
และเธอได้ตัดสินใจที่จะเข้าสู่วิชาชีพนี้เพื่อได้เงินดีขึ้นโดยรับใบอนุญาตเป็นหญิงขายบริการถูกกฎหมาย
 
ในปี 1930 ซาดะได้เริ่มงานเป็นโสเภณีในโอซาก้าที่มีชื่อเสียง ในซ่องโทบิตา หากต่อมาเธธอก็เริ่มเป็นโสเภณีที่สร้างปัญหา
เธอขโมยเงินจากลูกค้าและพยายามหนีออกจากซ่องหลายครั้ง สองปีต่อมาเธอก็สามารถหนีออกจากการค้าประเวณีและได้เริ่ม
ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟ แต่ไม่พอใจกับค่าจ้าง เลยกลับมาเป็นโสเภณีอีกครั้งแต่ตอนนี้เธอไม่มีใบอนุญาต เธอเลยต้องทำงาน
ในซ่องที่ไม่มีใบอนุญาต ในปี 1932

เดือนมกราคม 1933 แม่ของซาดะเสียชีวิต ซาดะได้ตัดสินใจไปโตเดียวเพื่อเข้าสู่ตลาดการค้าประเวณี ในช่วงนั้นพ่อของเธอ
ก็ป่วยหรนักและในเดือนมกราคม 1931 พ่อก็ตายจากเธอไปอีกคน

ในเดือนตุลาคม 1934 ซาดะถูกจับกุมในข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจในซ่องที่ไม่มีโดยอนุญาต ต่อมาเธอได้ทำงานกับ
คินโนสุเกะ เคซาฮาระ เพื่อนของเจ้าของซ่อง ก่อนที่พัฒนามาเป็นเมียเก็บของเขา ซาดะถึงกับแนะนำเขาว่าให้หย่าแล้ว
มาแต่งงานกับเธอ แต่เขาปฏิเสธ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองก็สิ้นสุดลง ซาดะหนีไปจากเขาและมุ่งไปที่นาโกย่า
ทางด้านคินโนสุเกะได้กล่าวถึงความน่ากลัวของซาดะว่า

“เป็นผู้หญิงหากินและเป็นโสเภณี และสิ่งที่เป็นตัวตนของเธอ เธอเป็นผู้หญิงที่ผู้ชายควรกลัว”
 
ที่นาโงย่าในปี 1935 ซาดะได้พยายามอออกจากธุรกิจบริการทางเพศ แล้วเริ่มทำงานเป็นสาวใช้ที่ร้านอาหาร ณ ที่นั้นเธอก็ได้
สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า นายโกโร่ โอมิยะ อาจารย์ นายธนาคาร และเป็นสมาชิกของสภาญี่ปุ่น หากแต่ทางร้านอาหารมีกฎว่า
ไม่ให้แม่บ้านและพนักงานมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้น ทำให้ชาดะเบื่อที่จะอยู่ที่นาโง่ย่า และกลับมาที่กรุงโตเกียวในเดือนมิถุนายน
และโกโร่ก็ได้พบกับซาดะในกรุงโตเกียวหากแต่เขาก็ได้รู้ว่าเธอเป็นโรคซิฟิลิส แต่เขาก็เลี้ยงดูเธอให้ที่พักในรีสอร์ทน้ำพุร้อน
ในคูซัทสึ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม 1936 ในเดือนมกราคมนายโกโร่เห็นชาดะมีความสามารถทางการเงินพอสมควรเลย
แนะนำเธอให้เริ่มทำงานเพื่อฝึกหัดงานในธุรกิจในร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง

และนั้นเป็นที่ชาดะได้รู้จักชายที่เปลี่ยนชีวิตเธอนาม “คิชิโซ อิชิดะ”


 
ชาดะกลับโตเกียว และเริ่มทำงานเป็นเด็กฝึกงานที่โยชิดายะ จนกระทั้งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 1936 เธอก็ได้รู้จักเจ้าของ
ประกอบการ “คิชิโซ อิชิดะ” ที่ไต่เต้ามาจากเด็กฝึกงานที่ร้านอาหารปลาไหล เขาได้เปิดร้านอาหารโนชิคายะและพื้นที่
ใกล้เคียงในปี 1920 เมื่อชาดะได้ร่วมงานที่ร้านอาหารของเขา ทั้งสองก็มีความสัมพันธ์กันอย่างรวดเร็ว  ในช่วงกลางเดือนเมษายน
อิชิดะและอาเบะก็เริ่มต้นมีความสัมพันธ์ทางเพศกันในร้านอาหาร ในช่วงนั้นเองทั้งคู่ก็ได้พบว่าทั้งสองมีความสนใจในการ
แต่งบทกวีโรแมนติก

ดังนั้นหลายครั้งที่ทั้งสองจะจองโรงแรม ไม่ก็ร้านน้ำชา หรือแม้กระทั้งในห้องใน ซาดะจะร้องเพลงของเกอิซาขับขาน
ในระหว่างร่วมเพศ มีการแต่งกวีซึ่งกันและกัน อยู่บนเตียงนานหลายวันแบบรักมาราธอน และมีเพศสัมพันธ์แบบไม่หยุด
แม้จะมีแม่บ้านมาทำความสะอาด ความรักของซาดะกลายเป็นความลุ่มหลง หลายช่วงที่คิชิโซไม่เข้าร้านทำให้ชาดะ
เกิดมีความคิดว่าเขาได้กลับไปหาภรรยาเก่าทำให้เธออิจฉา เธอกลายเป็นคนเร่าร้อนและดื่มหนัก ในช่วงสัปดาห์ก่อนที่
ชาดะจะสังหารคิชิโซ เธอได้ถูกดำเนินการฐานทำร้ายคนรักด้วยมีดเล่มใหญ่ระหว่างมีเพศสัมพันธ์กันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 1936

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1936 เธอได้ใช้เสื้อหาของเธอและเงินบางส่วนซื้อมีดแล่ปลาดิบและมีดทำครัว เพื่อเตรียมการอะไรบางอย่าง
ในคืนก่อนที่เกิดเหตุซาดะได้พูดกับคิซิโซว่า “ไอ้เลวระยำเอ้ยฉันจะฆ่านายด้วยมีดทำครัวแน่หากนายนอกใจฉัน”

คิซิโวถึงกับสะดุ้งและตกใจเล็กน้อย หากแต่เขาก็ระงับอารมณ์ได้เพราะคิดว่าเป็นการล้อเล่นของซาดะ

วันที่ 16 พฤษภาคม 1936 ก่อนวันที่ซาดะจะฆ่าคิซิโซนั้น ทั้งสองวางแผนที่จะร่วมรักมาราธอนอีกครั้งที่โรงแรมแห่งหนึ่ง
ในโตเกียวชื่อ Oyu ก่อนที่ซาดะจะร่วมเพศกับคิซิโซ นั่น เธอได้วางมีดไปยังหว่างขาของอวัยวะเพศชายของคิซิโซ 
ซาดะกล่าวว่าเธอทำแบบนี้ก็เพื่อแน่จะว่าเขาจะไม่เจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่น คิซิโซหัวเราะเพราะคิดว่าล้อเล่น และสองค่ำคืน
การร่วมเพศนี้ทั้งชาดะและคิซิโซได้เพิ่มอะไรบางอย่างเพื่อเพิ่มรสชาติมากขึ้น เริ่มจากการให้ซาดะใช้สายสะพายโอบิ
รัดลมหายใจของคิซิโซในระหว่างสำเร็จความใคร่ เมื่อซาดะหยุดรัดคอ ใบหน้าของคิซิโซบิดเบี้ยวเหมือนทุกข์ทรมาน
หากแต่ปรากฏว่าวิธีนี้พวกเขาชอบมาก


พฤติกรรมแบบนี้เรียกว่า ออโต้อีโรติก แอสฟีเอชั่น(Autoerotic asphyxiation) ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมสำเร็จความใคร่แบบหนึ่ง
ส่วนมากมักทำแบบช่วยตนเองโดยผ่านการมีความสุขจากการทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน โดยการรัดคอหรือแขวนคอ
ซึ่งจะไปเพิ่มความเข้มข้นของการบรรลุจุดสุดยอด หากเป็นคนที่ชอบการมีเพศสัมพันธ์ จะขอให้คู่นอนให้รัดคอ ซึ่งระหว่างที่
มีการรัดคอนั้น สมองจะขาดออกซิเจนไปล่อเลี้ยง ซึ่งเมื่อคนโดนทำถึงจุดสุดยอดไปพร้อม ๆ กับคลายเชือกที่รัดคอ
(เมื่อคลายเชือก ออกซิเจนก็จะขึ้นไปเลี้ยงสมอง) ผู้โดนทำจะมีความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ สดชื่น มีความสุขแบบสุด ๆ 
และเมื่อทำวิธีนี้ซ้ำไปซ้ำมามากกว่าสองชั่วโมง

เมื่อหลายครั้งเข้าคิซิโซเริ่มมีอาการหายใจไม่ออก เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีกินยากล่อมประสาทกว่า 30เม็ดระงับอาการเจ็บปวด
ทำให้เขาเคลิ้มก่อนที่จะเอ่ยประโยคหนึ่งเชิงล้อเล่นว่า

"เธอจะเอาเชือก(โอบิ)รัดคอฉันอีกครั้งตอนที่ฉันกำลังหลับใช่ไหม ถ้าเธอจะรัดคอฉันล่ะก็ อย่าหยุดล่ะ
เพราะถ้าเธอหยุดล่ะก็ ฉันก็จะรู้สึกถึงความเจ็บปวดอีก"


เมื่อซาดะได้ยินประโยคนี้ทำให้เธอคิดว่าคิซิโซต้องการให้เธอฆ่าเขา และนั้นเป็นเหตุทำให้ซาดะก่อเหตุ
ฆาตกรรมสะท้านญี่ปุ่นในเวลาต่อมา
 
เวลาประมาณ 2:00 ในตอนเช้าของวันที่ 18 พฤษภาคม 1936 ซาดะ อาเบะ ได้ตัดสินใจฆ่า คิซิโซ อิชิดะ ในขณะที่คิซิโซ
นอนหลับอยู่นั้น ซาดะได้ใช้สายสะพายโอบิของเธอรัดรอบคอและบีบคอของเขาขาดใจตาย หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมาซาดะ
ก็ได้มีดทำครัวตัดเฉือน "อวัยวะเพศ" ของฝ่ายชายหลังจากที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว

เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกโดยการห่อในปกนิตยสาร(เธอเก็บมันไว้จนกระทั้งมีการจับกุมตัวเธอในสามวันต่อมา) พร้อมทั้งใช้เลือดอิชิดะ
เขียนบรรยายความในใจของเธอเองลงบนเรือนร่างศพ(ต้นขาซ้ายและแขนซ้าย)เธอเขียนว่า Kichi Futari-kiri
(ซาดะคิชิดัวยกัน : "Sada, Kichi together")  และซาดะ(ตัวอักษรญี่ปุ่น) และที่แผ่นเตียงเธอแกะสลักว่า “ซาดะ”(โดยเป็นอักษรญี่ปุ่น)

หลังจากวางนั้นเธอก็วางชุดชั้นในของคิซิโซ เธอก็ออกจากโรงแรมเมื่อเวลา 8:00 น. บอกพนักงานว่าไม่ต้องรบกวนคิซิโซ
มีคำถามตามมาว่าทำไมซาดะถึงต้องเฉือนอวัยวะเพศของคิซิโซด้วย หลังจากที่ซาดะถูกจับกุมเธอบอกว่า

“เพราะหากฉันเอาหัวหรือร่างกายเขาไปมันคงยาก ฉันต้องการเอาชิ้นส่วนที่เป็นส่วนหนึ่งของเขา
ที่ฉํนจะสามารถรำลึกความหลังระหว่างเขากับฉันได้ดีที่สุด”

หลังจากออกจากโรงแรมเธอได้เข้าไปพบกับนายโกโร่ โอมิยะอีกครั้ง เธอขอโทษซ้ำไปซ้ำมา ซาดะขอโทษที่ได้ทำให้เขา
เสื่อมเสียชื่อเสียงและอนาคตนักการเมืองของเขา


 
 
เรื่องราวของซาดะได้รับการกล่าวขวัญอย่างตื่นเต้นในเวลาต่อมา การค้นหาของเธอนั้นได้สร้างความสับสนไปทั่วประเทศญี่ปุ่น
โดยหลายคนกล่าวสถานการณ์นี้ว่า “การตื่นตกใจของซาดะ อาเบะ” เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานการปรากฏตัวของเธอ
จากเมืองต่างๆ ในโตเกียวมากมาย บางเมืองถึงขั้นจราจรติดขัดเมื่อมีการออกข่าวว่ามีคนพบเห็นตัวเธอ


เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 1936 ซาดะออกไปซ้อปิ้งและดูภาพยนตร์ ตอนนั้นเธออยู่ในโรงแรม ชินางาวะในโตเกียว
ในช่วงนั้นเธอใช้บริการนวดตัว ดื่มเบียร์ และที่น่าทึ่งที่สุดคือเธอได้ร่วมรักกับอวัยวะเพศที่ตัดมาจากศพ(การมีเพศสัมพันธ์กับศพ)
โดยซาดะตะใช้กระดาษจับอวัยวะเพศและถุงอัณฑะแล้วใส่ปากเธอและนอกจากนั้นยังสอดแทรกในอวัยวะเพศของเธอ
หลังจากนั้นซาดะก็ได้เขียนจดหมายอำลาให้โอมิยะ เพื่อน และคิซิโซ ซึ่งซาดะนั้นมีความคิดว่าจะฆ่าตัวตายหลังจาก
ผ่านหนึ่งสัปดาห์หลังจากการฆาตกรรม โดยจุดที่เธอคิดจะฆ่าตัวตาย(ในขณะที่เธอถืออวัยวะเพศคิซิโซเอาไว้) ก็คือที่หน้าผาในภูเขาอิโคมะ
ซึ่งเป็นภูเขาติดกับจังหวัดนารา และจังหวัดโอซาก้าที่มีชื่อเสียง หากแต่เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้เสียก่อน

วันที่ 21 พฤษภาคม ในช่วงบ่ายเวลา 4:00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจนักสืบได้เบาะแสของผู้เช่าห้องคนหนึ่งที่น่าจะเป็นชาดะ อาเบะ
บุคคลที่พวกเขาตามหา หลังจากที่พวกเขามาห้องของเธอ ซาดะอยู่ที่นั้นพอดี และเมื่อเธอเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนักสืบจึงได้พูดว่า

“ไม่ต้องเป็นมีพิธีการมากหรอก คุณกำลังหาซาดะ อาเบะ ใช่เปล่าล่ะ ฉันนี้แหละคือเธอ”

เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เชื่อ เธอจึงแสดงองคชาติของคิซิโซให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนักสืบดู


 
วันที่ 21 พฤษภาคม 1936 ซาดะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในข้อหาฆาตกรรม พร้อมทั้งหลักฐานผูกมัดทุกอย่าง ซาดะยินยอมรับ
สารภาพโดยดี พร้อมสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไร้วี่แววสะทกสะท้านหวาดกลัว หลังจากซาดะถูกจับกุมอวัยวะเพศชายและลูกอัณฑะ
ของคิซิโซได้ถูกย้ายไปเก็บรักษาที่มหาวิทยาลัยกรุงโตเกียว ในพิพิธภัณฑ์พยาธิวิทยาของโรงเรียนแพทย์
ตอนแรกจะมีการออกวางแสดงต่อหน้าสาธารณะชน หากต่อมาไม่นานหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
อวัยวะเพศดังกล่าวก็หายไปและไม่มีใครพบเห็นมันอีกเลยจนถึงปัจจุบัน


   วันที่ 25 พฤศจิกายน 1936 เวลา 05:00 น. เป็นวันแรกที่ซาดะถูกนำตัวมาขึ้นศาล ท่ามกลางฝูงชนที่เข้ามาอย่างคับคลั่ง
ซาดะได้พูดเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้พิพากษาว่า

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฉันเสียใจมากที่สุด คิซิโซเป็นชายที่ฉันชอบ และเป็นคนที่ฉันยอมนอนด้วยโดยไม่หวังเงิน”

วันที่ 21 ธันวาคม 1936 ศาลได้พิจารณาโทษของซาดะว่าควรเป็นคดีฆาตกรรมระดับสองและทำให้ศพพิกลพิการ หากแต่ซาดะ
ปฏิเสธเพราะเธอต้องการโทษประหาร สุดท้ายซาดะได้รับคำพิพากษาจำคุกเพียงหกปีในคุก เธอถูกคุมขังในสถานกักกันคุกหญิ
ใน จังหวัดโทะชิงิ  พฤติกรรมของซาดะกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปทั่วทุกหย่อมย่าน แทนที่จะโดนผู้คนรุมประณามติเตียน
ในฐานะ "ฆาตกร"

ซาดะกลับได้รับการชื่นชมประหนึ่งวีรสตรี ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วญี่ปุ่นมักยกย่องอาญากรรมหญิงหลายคนและหลายเรื่องถูกแต่ง
วรรณกรรม เช่นกรณีของคันโนะ ซากะที่ถูกแขวนคอในคุกเมื่อปี 1911 ที่ลอยสังหารสมเด็จพระจักรรดิเมจิ หรือเรียกว่ากบฏชั้นสูง
(High Treason Incident ) ก็ได้ถูกยกย่อง หรือจะเป็นเรื่องของ ฟูจิโกะ คาเนโกะที่ถูกพิพากษาให้ตายจากข้อหาสนับสนุน
เอกราชเกาหลีเมื่อปี 1926 และครอบครัวของเธอได้ใช้เรื่องอื้อฉาวนี้พูดถึงจักรวรรดินิยมและลิทธิชนชาติและการปกครอง
แบบพ่อปกครองลูก ส่วนในกรณีของซาดะ อาเบะนั้น แตกต่างตรงที่เน้นเรื่องเพศ ความรักที่มีต่อเหยื่อของเธอ และเป็นแบบอย่าง
ในการลุกขึ้น "ขบถ" ที่ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมาก

(ซึ่งตกอยู่ภายใต้การครอบงำกดทับของวิถีชีวิตที่ "ผู้ชายเป็นใหญ่" มาเนิ่นนานหลายศตวรรษ)
 
   หลังซาดะถูกปล่อยตัวจากคุก เธอก็ได้เปลี่ยนชื่อและใช้นามแฝงที่ชื่อย่อว่า “Y” ครั้งแรกเธอย้ายมาที่จังหวัดอิบารากิ จังหวัด
ไซตามะและโตเกียว เธอยังคงประกอบอาชีพเป็นสาวผับสาวบาร์อยู่ แม้เธอจะมีชื่อเสียงปรากฏสื่อต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น
วรรณกรรมหรือการสัมภาษณ์ในนิตยสาร หากแต่สิ่งได้มาคือซาดะต้องอยู่ท่ามกลางการล้อเลียนของคนในสังคมที่มักล้อเลียนเธอ
ในฐานะในฆ่าคนรัก มีหลายครั้งที่ซาดะระงับอารมณ์ไม่อยู่ถึงขั้นตบหรือจ้องมองฝูงชนด้วยความโกรธจนอยู่ในสภาวะบรรยากาศ
เงียบและอึดอัด

   ในปี 1969 ซาดะปรากฏในสารคดีประวัติอาชญากรรมโดยผู้หญิงในยุคเมจิไทโชและยุคโชวะในชื่อ “Sada Aba Incident”
และนั่นเป็นภาพสุดท้ายที่เราได้เห็นซาดะ เพราะในเดือนสิงหาคม 1970 ซาดะได้หายสาปสูญไปจากสังคมหลังจากนั้นข่าวคราว
ของเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป บางกระแสกล่าวว่า ซาดะเปลี่ยนชื่อและแต่งงานใหม่

แต่ก็ต้องลงเอยด้วยการหย่าร้าง เมื่อสามีทราบความจริงว่าเธอคือใคร?

แต่กระนั้นข่าวที่น่าจะเป็นจริงที่สุดคงเป็นการตามหาซาดะของผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังโอชิมะ นางิสะ เมื่อปี 1970
และพบว่าซาดะได้บวชเป็นชีในวัดแห่งหนึ่งในคันไซ



 
 
ในหลายทศวรรษที่ผ่านมาเรื่องราวของหญิงเขย่าหัวใจคนญี่ปุ่นอย่าง ซาดะ อาเบะได้ปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ มากมายในญี่ปุ่น
จนมีคนที่ได้ทราบเรื่องราวของเธอมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอกสาร, ประวัติที่ถูกนำไปตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้ว นอกจากนั้นในโลก
ตะวันตกก็ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับตัวเธอเช่นกันจนมีหนังสือจิตวิทยาอย่าง

“William Johnston's Geisha, Harlot, Strangler, Star: A Woman, Sex, and Morality in Modern Japan”

ที่ถูกตีพิมพ์ในปี 2005 วางจำหน่ายมาแล้ว โดยเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์เรื่องราวชีวิตส่วนตัวของซาดะและบันทึก
คำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับผู้พิพากษาอย่างละเอียดว่าเพราะเหตุใดเธอถึงสังหารคนรักอย่างโหดเหี้ยม อะไรที่เธอทำให้
กลายเป็นตำนาน โดยหนังสือได้เขียนว่าซาดะน่าจะเป็นโรคประสาทหรือเบี่ยนเบนทางเพศที่เกิดมาจากประสบการณ์อันเจ็บปวดในอดีต
ไม่ว่าจะเป็นการถูกข่มขื่น, โสเภณี, เกอิซา

ในวรรณกรรมซาดะ อาเบะปรากฏตัวในวรรณกรรมญี่ปุ่นจำพวกบทกวี, บทกลอน, เรื่องสั้น ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรัก
ความเร้าอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิง ไปจนถึงการฆาตกรรม เช่นบทกวี Memoirs of Abe Sada: Half a Lifetime of Love(1948),
A Record of Abe Sada's Behavior(1947) หรือจะเป็นเรื่องสั้นอย่าง The State of the Times(1946), The Seductress(1947)
ทั้งสองเรื่องสั้นนี้เป็นผลงานของนักเขียนคนเดียวกันคือโอดะ ซากุโนซูกิ ซี่งเป็นนักเขียนชื่อดังของญี่ปุ่น และวรรณกรรมชื่อดัง
ผลงานของ วาตานาเบะ จุนอิจิ ในชื่อ A Lost Paradise ซึ่งเอาเรื่องของซาดะมาดัดแปลงจนขายดีไปทั่วเอเชีย ขายกว่า 3 ล้านเล่มในญี่ปุ่น

นอกจากนี้ที่น่าสนใจคือ เนื้อหานิยายดังกล่าวได้ถูกนำมาเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Shitsurakuen ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการคบชู้
และได้ชิงรางวัลภาพยนตร์ญี่ปุ่น 13 รางวัล จนคำว่า “Shitsurakuen” กลายเป็นคำแสลงว่าการเล่นชู้ และคำดังกล่าวยังเป็น
ชื่อของการ์ตูนเรื่องหนึ่งในชื่อ “Shitsurakuen” ซึ่งมีเนื้อหาการเรียกร้องสิทธิผู้หญิงให้พ้นจากการกดขี่ของผู้ชายในรูปแบบการ์ตูนแอ็คชั่นแฟนตาซี

แต่สื่อที่ทำให้ชาวญี่ปุ่นจดจำเรื่องราวของซาดะมากที่สุดคงจะเป็นสื่อภาพยนตร์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเรื่องราวของซาดะ
ได้ถูกดัดแปลงมาทำเป็นภาพยนตร์จนโด่งดังมี 3 เรื่อง(ไม่รวมสารคดี) คือ A Woman Called Sada Abe(1975),
In the Realm of the Senses(1976), Sada(1998),  โดยเฉพาะสองเรื่องแรกได้รับวิจารณ์อย่างกว้างขว้าง

 


ภาพยนตร์เรื่องแรกที่เอาเรื่องของซาดะมาสร้างคือ “ A Woman Called Sada Abe(1975)” หรือแปลเป็นไทยว่า
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อซาดะ”เป็นภาพยนตร์อีโรติก ผลงานกำกับของโนโบรุ ทานากะ โดยภาพยนตร์จะเล่าประวัติบางส่วนของซาดะ
แต่จะเปลี่ยนรายละเอียดของคดีเล็กน้อย เน้นฉากร่วมเพศแบบซาดิสต์กัด รัดคอร่วมกันกับคู่ร่วมนอน(เปลี่ยนจากคิซิโซ เป็น คิชิ)
ความรักท่ามกลางกิเลศร้อนรุ่มได้พัฒนากลายเป็นหึ่งหวงตัณหาและความตาย ก่อนที่จะถึงฉากจบของภาพยนตร์เรื่องนี้
ด้วยการจับกุมซาดะ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวประสบผลสำเร็จในญี่ปุ่นและถูกนำฉายในซานฟรานซิสโกในปี 1998



ถัดไปหนึ่งปีนางิสะ โอชิม่าผู้กำกับชื่อดังของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น ได้ทำภาพยนตร์ช็อกความรู้สึกคนดูและแหวกธรรมเนียม
ของภาพยนตร์ญี่ปุ่นโดยสิ้นเชิง โดยนำเรื่องของซาดะ อาเบะมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ในเรื่อง “In the Realm of the Senses(1976)”
หรือ “อาณาจักรแห่งความรู้สึก” โดยภาพยนตร์นำเสนอแง่มุมของการมีเพศสัมพันธ์ที่รุนแรง วิตถาร พิสดารก่อนที่จะจบด้วยฉากช็อกคนดู
ด้วยฉากเพศสัมพันธ์ของจริงไม่ปิดบัง จงใจเสนอภาพการร่วมเพศอันอุจาด เพื่อเปรียบเปรยปรัชญาว่า แท้จริงอะไรกันแน่ที่ “ลามก” ยิ่งกว่ากัน
ระหว่างความคลั่งชาติคลั่งสงคราม หรือความลุ่มหลงในกามารมณ์ และภาพยนตร์โป๊ ดังกล่าวถูกแบนในหลายประเทศทั่วโลก



ต่อมาในปี 1998 ก็มีหนังที่ดัดแปลงจากเรื่องของซาดะอีกเรื่องคือ “Sada(1998)” กำกับโดยโนบุฮิโกะ โอบายาชิ โดยเนื้อหา
ได้ได้เน้นฉากเพศสัมพันธ์มากนักแทบไม่มีฉากโป๊เปลือยอะไรเลย หากแต่เน้นเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของซาดะมากกว่า ตั้งแต่เหตุการณ์
วัยเด็กที่ถูกนักเรียนชายขื่นใจตอนอายุ 14 ก่อนที่จะกลายเป็นโสเภณีและพบกับคิชิโซทั้งคู่ต่างลุ่มหลงพึงพอใจในอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งนำไปสู่จุดจบอันโด่งดัง ซึ่งภาพยนตร์เต็มไปด้วยศิลปะการเล่นสีการเล่นฉากภาพสีสลับขาวดำ และแทรกปรัชญาลงไป
โดยเน้นช่วงเวลาที่ซาดะก่อคดีนั้นญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ช่วงทำสงคราม ความตกต่ำเศรษฐกิจ การปกครองโดยทหาร
ทุกวันนี้เรื่องราวของซาดะ อาเบะยังคงเล่าขานเป็นตำนานต่อไป


ป.ล.
แม้ไม่ได้มีในบทความ แต่ก็มีหนังอีกเรื่องที่น่าประทับใจมากๆ เกี่ยวกับ คิดว่าได้แรงบันดาลใจจากเรื่องนี้เหมือนกัน
ใครสนใจไปหามาดูได้ ไม่เก่าจนเกินไปกับ Memories of Matsuko



⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ไก่อ้วน's profile


โพสท์โดย: ไก่อ้วน
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
48 VOTES (4/5 จาก 12 คน)
VOTED: ป๋ามาร์เวล, จอมโหด เลว ดี เดือด, แม่เสือ, cutiebarbie, Faddy, jurin, Bigdream, ginger bread, กุ้งฝอย, เอ๋ง ไม่ดัดจริต
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิดวาร์ป "นางฟ้าลอตเตอรี่"! สวยจนโซเชียลสงสัย อาชีพจริงหรือแค่คอนเทนต์?เพจดังแฉหัวหน้าแก๊งค์ “น้ำไม่อาบ” ไม่ทน ออกแถลงการณ์ลั่นปิดท้าย “ผมด่ากลับ แล้วรับให้ได้จำได้ไหม? "พุฒ เดชอุดม" จากยูทูบเบอร์เสียงเพี้ยน สู่สาวสวยสุดlซ็กซี่
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เปิดวาร์ป "นางฟ้าลอตเตอรี่"! สวยจนโซเชียลสงสัย อาชีพจริงหรือแค่คอนเทนต์?Kawaguchi Ayaka นักแสดง A.V วัย 25 ปี จะ "แต่งงาน" ในเดือนธันวาคมนี้ที่ฮ่องกง
(วันวาน) ลูกเกด เมทินี & เอ็กซ์ ระพีพันธ์ @ Honeymoon+Travel issue 23 April 2004(วันวาน) แบม จณิสตา & โบ ชญาดา @ นิตยสาร พลอยแกมเพชร ปีที่ ๑ ฉบับที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๓๕โอม ภวัต จิตต์สว่างดีNaked sports
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
เปิดตำนาน "ยุทธหัตถี" วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเปิดตำนาน "กวนอู" เทพเจ้าแห่งสงคราม ผู้ซื่อสัตย์และเกรียงไกรใครคือยอดนักรบที่เก่งที่สุดในสามก๊ก?โรงแรมร้อยศพ: เรื่องหลอนที่ไม่ควรพลาด
ตั้งกระทู้ใหม่