เรื่องเล่าของ Receptionist หน้าพัง ในวันที่ งานและความรัก พังทลายเพราะครีมออนไลน์ตัวเดียว
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ดิฉันเป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์มาแชร์ เรื่องมีอยู่ว่าเราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความมั่นใจในหน้าตา ไม่จัดว่าสวยมาก แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไร ตอนเด็กๆก็ถูกชมอยู่บ่อยๆหลังจากเข้ามหาลัยด้วยความที่เพื่อนๆเริ่มสอนให้รู้จักดูแลตัวเอง เริ่มมีความคิดว่าจะซื้อครีมบำรุงผิวมาใช้งานด้วยความที่ยังเรียนอยู่ การซื้อครีมราคาแพงมาใช้คงไม่ไหว จะลองหลายๆยี่ห้อก็กลัวแพ้เหลือเกิน เลยเริ่มต้นด้วยการไปหาหมอ หมอดูแลใบหน้า ตั้งแต่วันนั้นชีวิตเราก็เปลี่ยนไป
หมอที่แรกที่หาบอกชื่อทุกคนคงรู้จัก ไปหาเดือนละครั้ง มีหมดทั้งนวดหน้า ขัดหน้าด้วยกรรมวิธีต่างๆที่ถูกแนะนำ ช่วงนั้นยอมรับจริงๆว่าผิวหน้าใสและหน้าดีมาก สิวขึ้นเม็ดนึงมีนอยส์ต้องไปหาหมอเลยหมดค่ายาต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 700 – 800 บาท เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด
พอเรียนจบก็เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะต้องหางานทำและได้งานทำเป็น Reception ของตึกแห่งหนึ่งย่านลุมพินี ทำให้เราต้องย้ายหอเพื่อไปอยู่ใกล้ที่ทำงานรวมถึงได้ไปอยู่กับแฟนด้วย (แฟนทำงานใกล้ๆกัน) ด้วยความที่นานๆจะได้หยุดที (ใครทำสายนี้จะรู้ แลกเวรหยุดทีลำบากเหลือเกิน) ทำให้ไม่ได้ไปหาหมอที่เดิมอีก ก็เลยหยุดหา หลังจากหยุดไปหาหมอสิ่งที่เกิดขึ้นคือ หน้าเริ่มมันและสิวเริ่มขึ้นจนแฟนเริ่มทักว่าเกิดอะไรขึ้นกับหน้าของเรา.....
พอสิวเริ่มขึ้นสิ่งที่เราคิดคือต้องกลับไปหมอหรือไม่ก็หาครีมบำรุงเพราะตอนนั้นคิดว่าสาเหตุหลักๆคือ ความเครียดจากงาน และพักผ่อนไม่พอ ด้วยความที่ไม่สามารถกลับไปหาหมอได้บ่อยๆจึงเลือกซื้อครีมใช้เอง โดยการถามเพื่อนร่วมงานและหาดูรีวิวจากในอินเตอร์เน็ตเอา หลังจากตัดสินใจได้จึงเลือกซื้อมายี่ห้อหนึ่งแบบครบชุด เซรั่ม ,Day Cream ,Night Cream, กันแดด แล้วก็ใช้เรื่อยมา..หลังจากใช้ได้เดือนหนึ่งปัญหาเริ่มตามมา หน้าเรามีผื่นแดงขึ้นอย่างรุนแรง...
หน้าเรามีผื่นขึ้นเยอะมาก เวลาแต่งหน้าไปทำงานอายผู้คนที่มาเจอ ทุกคนที่มา จะหยุดมองหน้าเราแบบงง งง ทุกคน (คงนึกในใจว่าหน้าเราเป็นอะไร) รวมถึงแฟนก็ทักว่าให้หยุดใช้ครีมก่อน แพ้รึเปล่า? เราก็ยังไม่ยอมเชื่อคิดไปต่างๆนานา ยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เครียดมาก ไม่อยากพบใครจนลางานบ่อยๆ จนในที่สุดก็ไม่ไหวต้องไปหาหมอ (ที่เดิม) อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเจอหน้าหมอ หมอช็อคมาก แบบไม่เข้าใจว่าเราไปทำอะไรมา พอเราเล่าให้ฟังรวมถึงเอาครีมให้หมอดูจึงรู้ถึงบางอ้อ ว่า ครีมที่เราใช้อยู่มีสารสเตียรอยด์ ส่วนหน้าเราที่เป็นคือ "สิวสเตียรอยด์" แบบพังทั้งหน้าคะ พังจริงๆ หมอสั่งให้หยุดใช้ทุกอย่าง พักผิวหน้า ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเท่านั้น งดทานเผ็ด งดบลาๆๆๆ แบบงดเยอะมากกกก เยอะจนเราคิดว่าเราจะทำตัวแบบนั้นได้จริงๆรึเปล่า? และเกิดค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างแพงสำหรับอาชีพอย่างเรา ทำให้เราต้องตัดสินใจอีกครั้งว่าต้อง “รักษาเอง”
หลังจากไปหาหมอได้ประมาณสัปดาห์หนึ่งเจ้านายเรียกเราเข้าพบและให้เรา “พักงาน” เป็นเวลา 1 เดือน เพราะบริการไม่ดี ลูกค้ารายงานบ่อย รวมถึงบอกว่าเราดูเครียดตลอดเวลาไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใส (ใช่สิหน้าพังขนาดนั้นยิ้มได้ก็ไหว้ละ) อาชีพนี้พักงานไม่มีรายได้นะคะ คำสั่งนี้เหมือนไล่เราออกทางอ้อมเลย หลังจากพักงานเราเก็บตัวในห้อง ไม่ออกไปพบหน้าใคร และ...ทะเลาะกับแฟนบ่อยขึ้นบ่อยขึ้น ยอมรับว่าช่วงนั้นหงุดหงิดบ่อยมาก กระจกทุกบานเดินผ่านไม่ได้ แปรงฟันตอนเช้ากระจกยังไม่กล้าส่องเลยคะ จนในที่สุด เราก็เลิกกับแฟนคะ เค้าทนความขี้หงุดหงิดและขี้เหวี่ยงของเราไม่ไหว........
เราตัดสินใจลาออกคืนหอพักและกลับไปอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง... เราใช้เวลาในการรักษาหน้าเราตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้กว่า 8 เดือนกว่าแล้ว ก็ดีขึ้นตามลำกับแต่หน้ายังคงมีริ้วรอยของการแพ้อยู่ ทุกวันนี้เริ่มกลับมามั่นใจ เริ่มกล้าส่องกระจกมองตัวเองอย่างมั่นใจอีกครั้ง แต่ยังคงต้องดูแลตัวเองอย่างระมัดระวัง “เป็นพิเศษ” ทั้งการทากันแดด ทาเซรั่ม เพื่อช่วยดูแลพวกริ้วรอยด่างดำ แต่ต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดในครั้งนี้ยังคงหลอกหลอนและตามมาฝังใจเราอยู่จนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้ยึดอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์เห็นครีมหน้าใสหน้าเด้งที่โฆษณากันโครมๆอยู่บน Facebook ทุกวันนี้ ไม่เคยแม้แต่จะคลิกเข้าไปดู
ทุกวันนี้การเลือกซื้อครีมของเราแต่ละครั้งต้องใช้เวลาดูค่อนข้างนาน ยี่ห้อไหนใครว่าดีว่าใสไม่เคยจะเชื่อ พยายามใช้ของที่เรามั่นใจว่าจะไม่แพ้ กว่าจะซื้อครีมได้แต่ละตัวบางทีดูนานเป็นสัปดาห์ๆ พอเจอตัวที่ใช้แล้วไม่แพ้จะพยายามไม่เปลี่ยนไปใช้ตัวอื่น จะให้ทดลองใช้ครีมอื่นๆยังไม่กล้าเลย หวังว่าสักวันจะหันกลับมาหน้าใสและดูดีเหมือนเก่าอีกครั้ง เหมือนในวันที่ยังไม่ได้ครีมออนไลน์ยี่ห้อนั้น...... ขอบคุณที่ตามอ่านหวังว่ากระทู้นี้จะช่วยให้สาวๆหลายๆท่านฉุกคิดและดูให้แน่ใจ รวมถึงเช็คอาการแพ้ก่อนใช้ครีมใดๆบนใบหน้านะคะ ขอบคุณอีกครั้งคะ