ภาพสุดทึ่งที่จะบอกคุณว่า…ยังไงเรามันก็แค่มนุษย์ตัวจิ๋วบนโลกกว้าง
เราอาจจะกำลังยิ้มเยาะที่โลกกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยการควบคุมจากเทคโนโลยีผ่านปลายนิ้วสัมผัส เราสามารถเชื่อมต่อทุกสิ่งทุกอย่างทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกันได้ มีระบบการเตือนภัยช่วยเหลือในยามวิกฤติแก่ผู้คนที่ดีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามักคิดว่าไม่นาน มนุษย์จะกลายเป็นผู้ควบคุมโลกและสามารถป้องกันภัยทุกอย่างให้ชีวิตมีความสุขและดำเนินไปสู่อมตะเหนือความเป็นธรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทว่าหากมองให้ดีตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เรายังคงเป็นส่วนหนึ่งของพลังธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ธรรมชาติกวาดล้างเผ่าพันธุ์ชีวิตทุกอย่างบนโลกให้ต้องสูญพันธุ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ในขณะที่มนุษย์ก็ดำเนินผ่านยุคสมัยของการล้มหายตายจากด้วยภัยพิบัติ ไม่ว่าจะดิน น้ำ ลม หรือไฟ ธรรมชาติจึงเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลายในหนึ่งเดียว
ภาพเหล่านี้คงจะชี้ให้เราเห็นกับพลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีวันเอาชนะธรรมชาติได้ พลังที่เรามิอาจจะใช้เทคโนโลยีใดๆ เข้าไปต่อกร ไม่มีวันที่เราจะเข้าไปท้าทายความยิ่งใหญ่เหล่านั้น เพราะวันใดวันหนึ่งที่ธรรมชาติเกรี้ยวโกรธขึ้นมา เราหมู่มวลมนุษย์และทุกสิ่งก็จะถูกกลืนกินให้หายไป พร้อมกับการเผยชีวิต ซึ่งจะเป็นสายพันธุ์ผู้สืบทอดที่จะสามารถมีชีวิตรอดได้ต่อไปในยุคใหม่ เป็นวัฏจักรที่เรามิอาจเอื้อม…และไม่มีวันเข้าไปบงการได้ ดังภาพที่ทุกคนจะได้ประจักษ์ตรงหน้าดังต่อไปนี้ค่ะ
ภาพของเหล่าปลาที่แหวกว่ายอยู่ในส่วนหนึ่งของห้างสรรพสินค้า ไม่ใกล้ไม่ไกล เพราะมันคือห้างร้างแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดกรุงเทพฯ
รากไม้ที่กำลังกลืนกินส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างโบราณในประเทศกัมพูชา แสดงให้เราเห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติกันได้อย่างชัดเจนและอัศจรรย์ ถือว่าเป็นภาพอันสวยงามและแฝงเอาไว้ด้วยความหมายลึกๆ
เมืองร้างที่เต็มไปด้วยกัมมันตรังสี ไร้ผู้คน แต่ที่นี่กลับกำลังเป็นสถานที่แห่งการก่อกำเนิดชีวิตสีเขียว ผู้เรียกคืนผืนแผ่นดินตนเองกลับมา
ภาพของต้นไม้ในประเทศแคลิฟอร์เนียที่แทรกตัว และเติบโตขึ้นผ่านเปียโนหลังเก่าๆ
ส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟที่ถูกทิ้งร้างใน Abkhazia ของประเทศจอร์เจีย
ต้นไม้ที่สามารถเอาชนะความแข็งแรงของตึกคอนกรีตในฮ่องกง และเติบโตอย่างสวยงาม ราวกับเป็นความภาคภูมิใจของมันที่กำลังเยาะเย้ยพวกเราอยู่อย่างเงียบๆ
แม้กระทั่งห้องโรงแรมที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ ก็กลายเป็นที่สิงห์สถิตของเหล่าต้นไม้สีเขียวที่กำลังงอกงามอยู่ตามฟูกและพื้นที่ชื้นแฉะในห้อง ให้บรรยากาศที่สวยงามแปลกตาและดูลึกลับ
อุโมงค์รถไฟที่ถูกทิ้งร้างในกรุงปารีส สวยงามไปด้วยเหล่าดอกไม้สีชมพู ราวกับเป็นดินแดนในเทพนิยาย
หอระบายความร้อนหรืออาคาร I.M. Cooling Tower อีกแห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง ในเบลเยี่ยม ดูราวกับเป็นสถานที่ทะลุมิติสู่อีกดินแดนหนึ่ง สังเกตดีๆ ว่าเหล่าพืชพันธุ์ขนาดจิ๋วกำลังเติบโตกินพื้นที่อันกว้างใหญ่อย่างช้าๆ
เรือร้างที่ถูกทิ้งเอาไว้นานกว่า 100 ปี เป็นภาพความสวยงามเหมือนกระถางต้นไม้ยักษ์ที่ถูกออกแบบมาอย่างคลาสสิค ตั้งอยู่ในเมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดของการท่องเที่ยวที่นักเดินทางมักเข้ามาเก็บภาพอันสวยงามนี้ไว้
พายุทะเลทรายที่เข้าถล่มเมืองนามิเบีย จนทำให้ที่นี่กลายเป็นเมืองร้างในที่สุด แต่ภาพที่เราเห็นกับเม็ดทรายสีขาวละเอียด ให้ความรู้สึกสวยงามและบริสุทธิ์อย่างบอกไม่ถูกเลยทีเดียว
อุโมงโมค์รถไฟเก่าแก่ที่ถูกปล่อยทิ้งเอาไว้ไม่ได้ใช้งานแล้ว ตั้งอยู่ในกรุงปรารีสกำลังถูกไม้เลื้อยคุกคามและกลืนกินและยังแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่อีกมากมาย
ที่นี่ขึ้นชื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนพอจะรู้จัก เพราะมันคือสุสานรถเก่า ภาพที่เห็นคงไม่ต้องอธิบายอะไรให้มาก เมื่อทุกอย่างกำลังถูกธรรมชาติย่อยสลายและกลบกลืนเศษซากเหล่านี้ให้จมอยู่ใต้เบื้องลึกของผืนดินในไม่ช้า
เมืองร้างใน Sorrento ของประเทศอิตาลี ดูสวยงามและหลอกหลอนอย่างน่าประหลาด
ชิงช้าสวรรค์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วกลายเป็นตัวยึดเกาะชั้นดีที่จะให้เหล่าไม้เลื้อยได้ลัเลาะชูช่อตัวเอง และกลืนกินโครงเหล็กเก่าๆ นี้ให้หายไปในที่สุด
คฤหาสน์อันยิ่งใหญ่ เมื่อมันถูกปล่อยร้างเอาไว้ ก็กลายเป็นสถานที่ของธรรมชาติเช่นเดียวกัน ภาพนี้อยู่ใกล้กับ Kilgarvan ในประเทศไอร์แลนด์
ต้นไม้ที่กำลังกลืนกินจักรยานทั้งคันไปอย่างไม่แยแส โครงเหล็กที่ดูแข็งแกร่งกลับถูกความเปราะบางของต้นไม้ที่เติบโตอย่างช้าๆ ทำลายจนเหลือให้เห็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น และภาพนี้ตั้งอยู่ในVashon Island ในเมืองวอชิงตัน
อาคารของชาวประมงในประเทศรัสเซียที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ และชายหาที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาคารเก่าถูกกัดกร่อนอย่างช้าๆ ไม่นานมันคงจะถูกทำลาย และน้ำทะเลก็จะกลืนกินพื้นที่เข้ามามากขึ้น
เห็นกันแบบนี้แล้ว เชื่อหรือยังคะว่า มนุษย์และสัตว์บนโลกเป็นเพียงสีสันหนึ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นเท่านั้น พลังอันยิ่งใหญ่พร้อมที่จะสร้างสิ่งสวยงามและทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง…ดังนั้นเราจงรู้จักประมาณตนกับความสามารถอันน้อยนิดของตัวเองเอาไว้ด้วยก็คงจะดี