“สาวปากฉีก” หรือที่คนญี่ปุ่นเธอเรียกว่า “คุชิซาเกะอนนะ (Kuchisake-onna)” เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกสามีผู้หึงหวงทำร้ายจนเสียอวัยวะ และต่อมากลายเป็นผีร้าย
ตำนานเรื่องสาวปากฉีก เริ่มขึ้นในสมัยเฮอัง ว่า หญิงสาวคนหนึ่งเป็นภริยา หรืออนุภริยาซามูไร ของนายหนึ่ง แต่ไม่ซื่อตรงต่อสามี และเมื่อสามีรู้เข้าก็โกรธมาก จึงได้เอาดาบสับปากนางจนถึงใบหู แล้วพูดกับนางว่า “ดูเถิดคนเขาจะเห็นว่า...งดงามอยู่อีกหรือไม่” หลังจากนั้นไม่นานหญิงสาวผู้นั้นก็ตาย แต่เพราะใจมีความแค้นพยาบาทต่อสามี จึงไม่ไปผุดไปเกิด กลับกลายมาเป็นผีร้าย มาแก้แค้นสามี และหลอกหลอนผู้คน
เเล้วเรื่องน่าขนหัวลุก “สาวปากฉีก” มักเกิดขึ้นในยามวิกาล หากพบหญิงสาวคนหนึ่งสวมหน้ากากอนามัย
ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันอยู่ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อป้องกันมิให้คนอื่นติดโรคของตัวไปด้วยเป็นต้น ถ้าผู้หญิงผู้นั้นจะหยุดเดิน และถามเด็กว่า “ฉันสวยไหม” ถ้าบอกปัด หญิงนั้นจะล้วงกรรไกรออกมาตัดปากจนตาย เเต่ถ้าตอบรับ หญิงนั้นจะปลดหน้ากากอนามัยออก และยิ้มให้ดู เผยให้เห็นปากที่ถูกตัดจนถึงใบหู มีเลือดไหลท่วม ซึ่งเรียกว่า “รอยยิ้มแบบแกล็สโกว (Glasgow smile)”
แล้วถามต่ออีกว่า “แล้วตอนนี้ฉันสวยไหม” ถ้าบอกว่าไม่ หญิงผู้นั้นจะล้วงกรรโกรมาตัดกายเด็กเป็นสองท่อน แต่ถ้าตอบว่าใช่ หญิงผู้นั้นจะมอบความสวยงามให้แก่นั้นบ้าง โดยเอากรรไกรตัดปากเด็กจนถึงใบหูเสีย ซึ่งไม่อาจวิ่งหนีหญิงคนนั้นพ้นได้ เพราะหญิงสาวจะปรากฏต่ออีกจนกว่าจะได้ประทุษร้ายนั้นแล้ว
ในตำนานยังบอกอีกว่า ถ้าถูกสาวปากฉีกไล่ตาม และถูกถามว่า “สวยไหม”
ก็ให้ตอบว่า “น่ารักสองครั้งติดๆ กัน” หญิงผู้นั้นก็จะเกิดอาการสับสน ก็ให้อาศัยจังหวะหนีไป ปล่อยให้หญิงปากฉีกครุ่นคิดอยู่หาคำตอบมิได้อย่างนั้น บางกระแสก็ว่า ให้ตอบ “ก็พอดูได้” หรือให้ถามกลับไปว่า “แล้วฉันล่ะน่ารักไหม” หญิงผู้นั้นก็จะได้งงงวยเช่นกัน หรือที่ให้ตอบว่า “ฉันกำลังหมั้นหมายอยู่” ก็มี การตอบเช่นนั้นแล้วหญิงสาวปากฉีกจะขอให้อภัยต่อการกระทำของนาง และขอตัวจากไป และที่ว่า ในขณะที่ถูกหญิงปากฉีกนั้นไล่ตาม ก็ให้โยนส้ม หรือโปรยลูกอมขนมหวานไป ก็เพราะว่าจะทำให้หญิงปากฉีกหันไปเก็บของเหล่านั้นแทนการตามเรา เปิดโอกาสให้หนีพ้นไปได้ก็มี