เมื่อวันหนึ่ง ผมต้องมีแฟนเป็น "พยาบาล"
กระทู้นี้ตั้งขึ้นเมื่อเพื่อบอกเล่าความรู้สึกส่วนตัวของผมซึ่งไม่ใช้ผู้ชายที่มีดีอะไร หรือสุภาพบุรุษมาจากไหน และอยากให้คนทั่วไปได้รับรู้ถึงอีกมุมของวิชาชีพ "พยาบาล"
จากที่เห็นหลายๆ คนชอบดูถูกวิชาชีพพยาบาลบ้างหละ แสดงความคิดเห็นในแนวที่ไม่ดี ชอบคิดเอาเครื่องแบบลงไปเกี่ยวกับเรื่องใต้สะดือบ้างละ ชอบสร้างกรอบ หรือภาพลักษณ์มั่วๆ ทำให้เกิดความคิดผิดๆ ในวิชาชีพยาบาลบ้างหละ
ผมก็คนหนึ่งละก็ขอยอมรับว่าเมื่อก่อนไม่เคยคิด และไม่เคยสนใจเลยว่าจริงๆ แล้วอาชีพพยาบาลใส่ชุดขาวๆ ใส่หมวกมีแถบสีดำเดินไปเดินมาทำอะไร สำคัญยังไง น่าเหนื่อยตรงไหน ฟังเรื่องเล่าต่อๆ กันมาในทางไม่ค่อยจะดีก็ไม่ใช่น้อย แต่ใครจะรู้กันละว่าจริงๆ แล้ว "พยาบาล" เป็นยังไง
จนวันหนึ่งได้ผมมารู้จักกับเธอคนนี้ เธอดูภายนอกก็เหมือนผู้หญิงปกติทั่วไปนั่นหละครับ แต่สิ่งที่ทำให้เธอไม่เหมือนคนอื่นคือ "เพราะเธอให้เวลากับคนอื่น รวมถึงชายอื่น! มากกว่าผม ฮ้าๆ" ทุกวันนี้เห็นเธอทำงานแล้วผมเหนื่อยแทนเลย เธอต้องเจอทั้งปัญหากาย ปัญหาใจ มีปัญหากับคนไข้ เจอญาติคนไข้เรื่องมากบ้างละ โดนใช้คำพูดไม่ดีบ้างละ โดนบางคนดูถูกบ้างสารพัด (ทำไงได้ นี่ก็คืออาชีพบริการอย่างหนึ่งเหมือนกัน) ทำได้ดีที่สุดคือคอยให้กำลังใจ
พักผ่อนก็ไม่ค่อยได้พัก นอนก็ไม่เป็นเวลา ลองคิดดูนะครับว่าถ้าได้นอนวันละแค่ 4-5 ชั่วโมง และทำงานวันละ 9-20 ชั่วโมง บางวันขึ้น เช้า-บ่าย-ดึก เท่ากับคนที่ทำงาน 24 ชม. เลย เผลอๆ เกินเวลาด้วยครับถ้าบางวันส่งเวรช้า หรือมีปัญหาอะไรเพิ่มเติมเข้ามาอีก และถ้าหากคุณขึ้นไปบนวอร์ดแล้วเห็นว่ามีพยาบาลบางคนหลับ หรืออาจพูดไม่เพราะ ไม่มีหางเสียงบ้าง อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจว่าเธอ หรือเขาเหล่านั้นแอบอู้งานหรือไม่มีความรับผิดชอบในหน้าที่เลยนะครับ แต่อาจจะเพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นก็มีความเหนื่อยล้า และความอ่อนเพลียจากการทำงานหนักต่อเหนื่องเหมือนคนทั่วไปหละ ผมเลยคิดว่าคนที่ไม่เป็นเธอคงไม่มีทางรู้ความรู้สึกแน่นอน
อีกทั้งความเสี่ยงต่อโรคสารพัดโรค รวมถึงโรคที่คนทั่วไปในสังคมไม่ยอมรับ แต่เธอก็ต้องดูแลโดยเท่าเทียมกัน เพราะเขาเหล่านั้นคือคนไข้ของเธอ และนี่คือจรรยาบรรณในวิชาชีพพยาบาลของเธอ...ส่วนค่าตอบแทนที่ดูเหมือนว่าจะเยอะ สำหรับโรงพยาบาลเอกชนอาจจะเยอะกว่าหน่อย ส่วนรัฐบาลน้อยกว่าแน่นอน แต่อาจมีสิ่งอื่นเข้ามาทดแทนบ้างครับ แต่ผมว่าค่าตอบแทนเหล่านั้นมันไม่คุ้มกันเลยกับสุขภาพร่างกายของเธอที่เสียไป รวมถึงสุขภาพจิตด้วย
เวลาส่วนตัวไม่ค่อยจะมี หน้าพ่อแม่ก็ค่อยจะได้เจอ นานๆทีจะได้ขอเวรหยุดยาวๆกลับบ้าน วิชาชีพของเธอนั้นดูแลได้แต่คนอื่นจริงๆ แต่ตัวเองแทบไม่ได้ดูแลเลย ครั้นจะให้ผมดูแลก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าด้วยงานที่โคตรจะต่างกันสุดขั้ว (ไม่น่ามาเจอกันได้เลยจริงๆ ฮ้าๆ) ต่างคนต่างมีงาน และหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เวลาก็ต่างกัน เจอกันแทบจะไม่ได้เจอ
สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดของผมในตอนนี้คือ ถ้ามีเวลาก็จะทำกับข้าว ซื้อกับข้าว รวมถึงขนมที่เธอชอบทานไปฝาก ถึงในใจจะรู้ว่ากว่าเธอจะได้ทานมันคงหมดความอร่อยไปแล้ว หรือไม่ก็อาจไม่ได้ทานเลย แต่ก็ยินดีที่จะทำให้ และอีกวิธีคือ "บ่นตามสาย" โทรไปหาคอยบ่น คอยบอกให้กินอย่างนี้ ห้ามกินอันนี้ อย่าดื่มน้ำอัดลมบ่อย ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆดูแลตัวเองบ้าง ออกกำลังกายบ้าง...ไม่รู้ว่าจะทำตามบ้างไหม แต่ที่บ่นไปก็เพราะเป็นห่วง บางวันที่โดนหงุดหงิด หรืองี้เง้าใส่ แต่เพราะรู้และเข้าใจนะว่าเธอเจออะไรมาบ้างในแต่ละวัน เลยรับได้สบายๆ
ประโยคที่ติดปากผมทุกครั้งที่คุยกันคือ "ไม่เป็นไรนะ...เจอปัญหาอะไรเข้ามา ขอให้อดทนนะเดี๋ยวก็ผ่านไป ผมอยู่ตรงนี้ คอยเป็นถังขยะให้ระบายสิ่งแย่ๆออกมา และเป็นกำลังใจให้ ยังไงก็มีกัน ไม่ทิ้งกันง่ายๆหรอก"
แต่ก็มีบางครั้งที่ผมเผลอทำผิดพลาดตามนิสัยผู้ชายธรรมดาหมาไม่กินเหมือนกัน แน่นอนครับคือเรื่องผู้หญิงนี่ละ ก็รู้อยู่แก่ใจนะว่ามันไม่ดี แต่ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เคยเผลอใจแบบผม เพราะความไม่มีเวลาของพยาบาลนี่ละ จนทำให้รู้สึกละอายแก่ใจว่าเออ..เขามีหน้าที่นะ ไม่มีเวลา เหนื่อยก็เหนื่อยเรายังจะมาทำให้เขาต้องเสียใจอีกหรอเนิ่ย แต่ถึงผมจะทำผิดมาเขาก็ให้อภัยกันตลอด จนตอนนี้เลือกที่จะเปลี่ยนสันดานเดิมๆ ไม่มีใครเปลี่ยนตัวเราได้ นอกจากตัวเราเองครับ นี่หละเลยยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ทุกครั้งถ้าหากมีเรื่องผู้หญิงอื่นเข้ามาโดยที่ผมไม่ได้เป็นต้นเหตุ (อาจจะด้วยงานของผมครับ ไม่ได้แก้ตัว แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ) ก็ต้องปรับความเข้าใจกันเรื่อยๆ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกทุกคนว่า กำลังใจ ความเชื่อใจ ความเข้าใจ การให้อภัย และความมั่นคงต่อกัน นั้นคือสิ่งสำคัญนะครับ
ปล.ขอบคุณครับที่อ่านจนจบ ขอเป็นกำลังใจให้กับพยาบาล แฟนพยาบาล รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริการด้านสุขภาพด้วยครับ
#ขอบคุณทุกๆความคิดเห็นนะครับ