หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Keith Haring: ยอดศิลปิน street art และ pop art กับตัวตนที่หลายคนยังไม่เคยรู้

เนื้อหาโดย ทรั้ง

  

   หากจะลองไล่เรียงบรรดา street artist หรือ pop artist ผู้ทรงอิทธิพลแล้วล่ะก็ ชื่อหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ “Keith Haring” ผลงานอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของเขาได้ปักหมุดหมายสำคัญลงบนประวัติศาสตร์ ศิลปะในช่วงทศวรรษ 1980s ซึ่งทำให้ street art และ pop art ได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างมากในยุคดังกล่าว ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบศิลปะแนวที่ว่า หรือแนวไหนก็ตาม เราเชื่อว่าเรื่องราวอันน่าทึ่งของชายผู้นี้น่าจะเป็นแรงบันดาลใจดีๆ ให้คุณได้

Keith Haring เกิดที่เมือง Reading รัฐ Pennsylvania เมื่อปี ค.ศ. 1958 เขาชื่นชอบการวาดภาพตั้งแต่เด็กๆ และได้รับการถ่ายทอดพื้นฐานการวาดจากพ่อ ผู้ทำอาชีพวิศวกรและเป็นนักวาดการ์ตูนสมัครเล่น และได้รับแรงบันดาลใจจากภาพคาแร็คเตอร์ต่างๆ ของนักวาดชื่อดังอย่าง Walt Disney, Dr. Seuss,Charles M. Schultz เป็นต้น ทั้งนี้ ความวุ่นวายทางการเมืองในอเมริกาช่วง 1960s ที่ Keith ซึมซับไว้ในวัยเด็กก็เป็นสิ่งที่ส่งอิทธิพลต่อแนวคิดและผลงานศิลปะของเขาเมื่อเติบโตขึ้นอยู่ไม่น้อย

เขาเริ่มศึกษาด้านศิลปะที่ The Ivy School of Professional Art ใน Pittsburgh เมื่อปี 1976 แต่ก็ไม่ประทับใจในสาขา commercial art ที่เรียนอยู่นัก จึงดรอปเรียนแล้วย้ายไปอยู่ที่ New York เพื่อเข้าเรียนด้านจิตรกรรมที่ School of Visual Arts ต่อในปี 1978 นอกจากสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ในห้องเรียนแล้ว ผลงานของเหล่าศิลปินดังทั้งหลายในยุคนั้น เช่น Andy Warhol, Roy Lichtenstein, Christo ก็เป็นแรงบันดาลใจสำคัญต่อเขาเช่นกัน

ชื่อของ Keith Haring เป็นที่รู้จักมากขึ้นตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา เมื่อเขารวบรวมผลงานศิลปะของตนเองแล้วจัดแสดงทั้งในนิทรรศการเดี่ยวและกลุ่มอยู่หลายครั้ง นอกจากนี้ ในช่วงปี 1980-1985 เขาใช้ชอล์กวาดตามพื้นที่ป้ายโฆษณาที่ว่างอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินกว่าร้อยภาพโดยอาศัยจังหวะลับตา รปภ. แต่ก็โดนจับได้อยู่หลายครั้ง

 

     ในช่วงเวลาเดียวกัน Keith ทยอยสร้างผลงานชื่อดังออกมามากมายในรูปแบบของภาพวาดทั้ง drawing และ painting ไปจนถึง animation บนบิลบอร์ด Spectacolor ใน Times Square แถมยังรับออกแบบผลิตภัณฑ์ และทำแคมเปญโฆษณาให้กับแบรนด์ดังอย่าง Swatch, Lucky Strike, Absolut Vodka, Coca-Cola อีกด้วย

เมื่อถึงปี 1986 เขาได้สร้างสรรค์ผลงานชิ้นสำคัญอีกหลายชิ้น ได้แก่ งานเพนท์ที่ชื่อ “Crack is Wack” บนผนังสนามแฮนด์บอลแห่งหนึ่งใน

New York (ที่ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น “Crack is Wack Playground”) เพื่อต่อต้านการระบาดของโคเคนในช่วงนั้น งานเพนท์ชื่อว่า “CityKids Speak on Liberty” ร่วมกับเด็กๆ 1,000 คนจากมูลนิธิ The CityKids Foundation เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีรูปปั้นเทพีเสรีภาพ และงานเพนท์กำแพงเบอร์ลินฝั่งเยอรมนีตะวันตกเพื่อสื่อถึงสันติภาพ นอกจากนี้ ในปีเดียวกันเขายังเปิดร้าน Pop Shop ที่ SoHo ใน New York เพื่อจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจำพวก เสื้อยืด แม่เหล็ก เข็มกลัด เป็นต้น โดยมีภาพผลงานของตัวเองประกอบและขายในราคาย่อมเยาด้วยแนวคิดที่ต้องการคนทั่วไปสามารถเป็นเจ้าของผลงานเขาได้ง่ายๆ ซึ่งแน่นอนว่าได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี

     สไตล์งานศิลปะของ Keith นั้นมีเอกลักษณ์สูง ด้วยลายเส้นเฉพาะตัว เรียบง่าย สีสันสดใส มีชีวิตชีวา และมองโลกในแง่ดี ทั้งยังมีคาแร็คเตอร์ที่ใช้บ่อยและจดจำได้ง่าย เช่น รูปเด็กทารกที่มีลำแสงส่องรอบตัว รูปหมาเห่า และรูปคนสามตาที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อว่า “The Radiant Baby”, “The Barking Dog”, และ “Three Eyed Man” โดยคาแร็คเตอร์ทุกตัวที่เขาใช้มักจะไม่มีการระบุเพศหรือวัยอย่างชัดเจนเพื่อเป็นตัวแทนของคนทุกคนบนโลก ประเด็นหลักๆ ที่เขามักสื่อถึงในผลงานก็คือเรื่องที่เป็นสากล นั่นคือ การให้กำเนิดชีวิต ความตาย ความรัก เซ็กส์ การเมือง และสงคราม ด้วยเหตุทั้งหมดนี้ ผลงานของเขาจึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายภายในระยะเวลาไม่นานจนได้สร้างผลงานอีกหลายแห่งทั้งในอเมริกาและหลายประเทศทั่วโลก

 

     น่าเสียดายที่ Keith เสียชีวิตลงในปี 1990 ด้วยวัยเพียงแค่ 31 ปี จากการติดเชื้อ HIV ซึ่งก่อนที่เขาจะเสียชีวิตเพียงปีเดียว เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิ The Keith Haring Foundation เพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและองค์กรไม่แสวงหากำไรต่างๆ เกี่ยวกับโรคเอดส์ เพื่อสานทอดเจตนารมณ์ในการทำเพื่อส่วนรวมของเขา
 
     ปัจจุบันผลงานของ Keith ทั้งภาพวาดต้นฉบับ สินค้าและของที่ระลึกต่างๆ ที่ผลิตขึ้นในยุค 1980s หรือมีลายเซ็นเจ้าตัวกำกับอยู่ จะถูกซื้อขายกันในราคาค่อนข้างสูง โดยจากสถิติที่มีการเปิดเผย ผลงานภาพวาดต้นฉบับของเขามักปิดประมูลได้ไม่ต่ำกว่าสิบห้าล้านบาท และด้วยเหตุที่ผลงานของเขาที่มีอิทธิพลต่อ street culture อย่างมากในยุคนั้น บรรดาแบรนด์ streetwear, sportswear และ lifestyle brand ต่างๆ เช่นBAPE, New Era, OBEY, XLARGE, Joyrich, Reebok, Adidas, Comme des Garçons, Tommy Hilfiger, Uniqlo, Zara เป็นต้น จึงผลิตเสื้อผ้าคอลเล็คชันพิเศษที่ collab กับ Keith Haring (Foundation) ออกมามากมาย และมักจะ sold out ในเวลาอันรวดเร็ว
 

     

ทั้งหมดนี้คือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผลงานของ Keith Haring ทรงคุณค่าเพียงใด และเราเชื่อว่าคนรุ่นหลังจะยังคงพูดถึงชื่อ ผลงาน รวมถึงอุดมการณ์เพื่อส่วนรวมของเขาต่อไป

เนื้อหาโดย: ทรั้ง
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ทรั้ง's profile


โพสท์โดย: ทรั้ง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: frankenstein
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
น้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
วิธีล้างผักให้สะอาดปราศจากสารพิษตกค้างจริงไหมที่คำว่า ‘Salary’ มาจาก ‘Salt’ เพราะทหารโรมันรับค่าจ้างเป็นเกลือ?อยากโกอินเตอร์? เจาะลึกวิธีหางานต่างประเทศ 2567 แบบถูกกฎหมาย ได้สิทธิเต็มที่ ไม่มีโดนหลอก!ชาวต่างด้าวข้ามฝั่งมาคลอดฟรี คนไทยเสียงแตก งานนี้ใครได้ ใครเสีย
ตั้งกระทู้ใหม่