น้องน้ำใจกับฮ่องกงในวันฟ้าหม่น ณ จุดชมวิวที่สุดแห่งเกาลูนและฮ่องกง
รีวิวเล็กๆ สั้นๆ จากเพจ http://www.facebook.com/namjaipainai
ปกติเพจนี้จะ รีวิวที่เที่ยว ร้านอาหาร และกิจกรรมสำหรับครอบครัวมีเด็กน้อยครับ
แต่คราวนี้ พ่อกับแม่หนีลูกไปเที่ยวฮ่องกงกันสองคน เลยเอา รูปและประสบการ์ณมาฝากครับ
ช่วงที่ไปต้องบอกว่าไม่ใช่จังหวะที่ดีเลย เพราะเจอฝนทั้ง 4 วัน ถึงฝนจะไม่ได้ตกเยอะมากแต่ว่าฟ้ามีแต่เมฆครับ
ถ่ายรูปอะไรก็ออกมาไม่ค่อยสวยซักเท่าไหร่
โปรแกรมของวันนี้เป็นวันที่ 2 ใน ทริปของเรา คือจะไปดูจุดสูงสุดของทั้งสองฝั่ง ของฮ่องกง ในแบบ เมฆทึบๆ หมอกหนาๆ
แปลกๆ ไปอีกแบบ ครับ
ตอนเช้าเราก็เลือกที่จะไป The Peak ก่อนเพราะเราอยู่ที่โรงแรมตรง Causeway Bay และจะย้ายไปฝั่ง มงก๊ก
เลยกะว่าแบกกระเป๋าไปเที่ยวฝั่งนี้ให้ครบก่อนแล้วค่อยไปฝั่งนั้นแบบไม่ต้องกลับมาเลย
ข้อมูลคร่าว The Peak เป็นสถานที่มีมานานมากแล้วนะครับ เหมือนว่าเป็นที่อยู่ของพวก Hiso อังกฤษตั้งแต่สมัยที่จีนยังไม่ได้
ฮ่องกงคืน เป็นจุดที่เห็นเกาะ ฮ่องกงได้อย่างสวยงามมาก จึงมีการสร้างตัว Terrace หรือตึกชมวิวขึ้นมา เพื่อที่จะได้ให้นักท่องเที่ยว
เห้นมุมมองที่สวยที่สุดของ Hong Kong และยังเป็นแหล่ง Shopping ร้านอาหารชื่อดังด้วยเพราะว่า ได้ช็อปไปกินไป เห็นวิวสวยงามด้วยนี้ละครับ
ตื่นเช้ามาทานข้าว ก็นั่งรถไฟมาลงที่ Central แล้วก็เดินมาที่ The Peak Tram Terminal ครับ
ไม่ใช่ใกล้ๆเลย แถม check out แล้วต้องแบกกระเป๋า เดินมาด้วยประมาณ 15 นาทีได้ครับ
เข้ามาก็เจอคิวคนต่อคิวซื้อตั๋วกันยาวขาดนี้ครับ เราเองซื้อตั๋วมาจาก HK Fanclub แล้ว
ไม่แน่ใจว่าต้องต่อคิวมั้ย ลองไปถาม Staff ของ madame tussauds นิสัยไม่ดีมากๆ เบะปากใส่แล้วก็ไล่ไปต่อคิว
พอลองไปถาม Staff ของ Tram ดู เค้าบอกว่าเข้าไปได้เลยครับ เลยไม่ต้องต่อคิวยาวๆ
เข้าไปรอรถกันเลย สถานีเล็กนิดเดียว แต่คนอักเข้ามากันเยอะ เลย
นี้คือรถที่พึ่งออกไปครับ เราก็รอเป็นคันต่อไป
คนรอเยอะเลย รถคันนิดเดียว
เลือกมานั่งข้างหน้า ใกล้ๆ พี่คนขับเลย เผื่อจเห็นวิวอะไรเยอะกว่า แต่พูดตรงๆ ระหว่างทางนี้เป็นป่าทึบ
แทบจะไม่เห็นอะไรกันเลยละครับ
ฝรั่งไทย จีน แขก มีครบในรถคันเดียว แต่ไม่มีใครต้องยืนนะครับ เค้าคงไม่ให้ใครยืนมันเอียงเยอะ อาจจะอันตราย
ข้างๆ เป็นป่ารกทึบค่อข้าง อุดมสมบูรณ์ ถ่ายวิวมาได้ก็แค่นี้ละครับ
พอถึงแล้วทุกคนลงมาจากรถก็มายืนถ่ายรูปกับเจ้ารถขบวนนี้ รวมถึงคุณแม่น้ำหวานเองก็ด้วย
นี้ละครับตัวดึก เห็นข้างบนที่กว้างๆ คือระเบียงชมวิวนี้เอง
ตึกสูงน่าจะ 7-8 ชั้นครับ ระทางขึ้นบันไดมา วิวก็สวยมาแล้วนะครับ มองผ่านกระจก ก็จะมีร้านช็อปปิ้งอยู่ระหว่างทางรอบๆ
นี้ครับ แอบถ่ายตรงระเบียง ยังไม่ได้ขึ้นไปบนสุดนะครับ ก็จะเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
ขึ้นมาก็จะมี แจกหูฟัง กับเจ้าตัวที่คล้ายๆ Tablet เล็กๆ ที่เวลาเราเล็งไปทางไหนมันจะเล่าเรื่องราวของ location นั้นให้เราฟัง
ส่วนตรงนี้แจกฟรีครับ ไม่ต้องเช่าเพิ่มแต่อย่างใด
บรรยากาศ ก็อย่างที่เห็นครับ เป็นวันฟ้าหม่นจริงๆ เมฆหมอกเยอะมากๆ มองไปเห็นระยะได้ไม่ไกลมากนัก
แต่มองโลกในแง่ดี ก็เหมือนได้มาเห็นทะเลหมอกที่ ฮ่องกงนะ เอ่อ!
นักท่องเที่ยวก็เซ็งไปตามๆ กัน หมอกลงซะ ช้างบนจะมีพนักงานถ่ายรูปที่คอยเรียกลูกค้าไปถ่ายรูป
แล้วพอจะลงก็จะมีพนักงานเอารูปมาให้ดูเพื่อที่จะขาย ในราคาแสนแพง เหมือนกันทุกที่ละครับ
ขึ้นมาชั้นสอง ก็จะมี มุมที่ให้เขียน เมโม และผูกทิ้งไว้กัน พ่อแม่เลยเขียนถึงลูกทิ้งไว้
แล้วถ้าได้กลับมาเร็วๆนี้ ลูกๆ อาจจะได้มาอ่าน (ถ้ามันไม่เอาไปทิ้งซธก่อน)
มีกล้องส่องทางไกล แบบหยอดเหรียญด้วย แต่ส่องไปตอนนี้คงเห็นแต่ขาวๆ เหอๆ
ข้างๆ จะมีทางเดินไป จุดชมวิว แบบไม่เสียเงิน ที่จะอยู่ต่ำกว่าเยอะเลยะครับ แต่คนไปกันเยอะจัง
ได้มุมดีๆ ถ่ายมาฝากอีกซักรูป
เดินมาด้านหลัง โอ้ยหนักกว่าเก่า ขาวไปหมดเลย
เดินข้างบนอยู่ซัก 20 นาที ก็ตัดสินใจลงมาทานข้าวครับ
เลือกร้านนี้ไว้ตั้งแต่ ขาเดินขึ้นมาละ ถ้าใครเป้นแฟนหนังเรื่อง Forest Gump คงจะรู้จักดี
ชื่อร้านนี้ก็เอามาจาก บริษัท ตกกุ้ง ของ Gump นี้เอง เป็นอาหาร Seafood ไสตล์ อเมรกันครับ
เมนู ก็ดูเท่ๆ เปิดเป็น ไม้ปิงปอง กีฬาที่ Gump ไปคว้าเหรียญทองมา
และป้ายสีน้ำเงินแดงที่เห็น ตอนแรกๆ ผมก็งงว่าอะไร แต่พอเวลาเรียกพนักงาน
พนักงานก็บอกว่า ถ้า ยูอยากให้ไอมา สต็อป ที่ ยัว เทเบิ้ล ให้เปิดป้ายแดง
อ่อแบบนี้ นี้เอง แต่ไม่ได้ใช้ครับเพราะเรียกสังอาหารครั้งเดียวจบ
เครื่องดืมมาก่อน แหม๋ ดูดีเชียว (ไม่มี แอลกอฮอลนะครัย)
สั่งมาเป็นชุดรวม ซีฟู๊ดครับ ใช้ได้ทีเดียว อร่อยกว่าร้าน Manhattan ที่กรุงเทพอ่ะครับ ฮาๆ
ทานเสร็จลงมาชั้นล่าง โอ้วววววว คิวต่อลง Tram ยาวขนาดนนี้ ไปรถบัสดีกว่าาาาา
รถบัสไม่มีคิวเลย แฮๆ สบายตัว เป้นทางเลือกนะครับ จริงๆ Tram ก็ไม่เห็นมี วิว อะไรให้ดูเลย
แปะไว้ก่อนครับ ยังเหลืออีกครึ่งนึง คือฝัง เกาลูนครับ เดี๋ยวทานข้าวเสร็จมาต่อ
อย่าลืมไป Like Page http://www.facebook.com/namjaipainai ให้ด้วยนะครับ จะได้ติดตามกัน นานๆๆๆๆๆๆ
มาลงรถที่ Star Ferry ครับ ตอนนี้จะไปโรงแรมที่ มงก๊ก จริงๆไปรถใต้ดินจะสะดวกกว่ามาก
แต่อยากให้เมียได้ลองชิมบรรยากาศการเดินทางข้ามฝั่งสุด คลาสสิคด้วยเรือ เฟอรรี่ครับ
คนนั่งไม่เยอะครับ ผมยังจำได้เลยตอนเด็กๆหน่อยมากับพ่อ 20 ปีที่แล้ว คนยังเยอะอยู่เลย ฮาๆๆ
คนคงไปใช้รถใต้ดินกันหมดแล้ว สะดวกกว่าเยอะมากๆ นั่งไม่นานครับ แป็บเดียวก็ถึง
ลงจากเรือมาก็จะเจอ Bus Terminal หน้า Habour City ครับวุ่นวายมากๆครับตรงนี้
เสร็จแล้วมาลงใต้ดินแต่ต้องเดินข้ามสองสถานี โอ้ยขาลาก ไม่รุ้คุ้มมั้ยที่ลงเรือมาแล้วต้องเดินต่ออีกยาวเลย
โอเคมาถึงห้องพักแล้วที่ โรงแรม City View ซึ่งก็เหมือนชื่อจริงๆครับ City View จริงๆ อิอิอิ
หลังจากนั้นเก็บกระเป๋าเข้าห้องน้ำ เสร็จก็ลงใต้ดินกลับมาที่เดิมครับ เพื่อที่จะมาขึ้น Big Bus ที่ได้ตั๋วฟรีแบบเที่ยวเดียว
มาจาก HK Fan Club เห้นว่ารถจะไปจอดที่ Sky 100 จุดหมุ่งหมายพอดี แถมได้นั่งรถเปิดหลังคาดูเมืองกันอีก
เปิดหลังคาวิ่งไปตามถนนหลักๆของ มงก๊ก วิ่งๆ ก็เสียวป้ายดีนะครับ ป้ายเต็มไปหมดเลย
มีแต่ตึกสูงๆ ทั้งนั้น ไม่อยากคิดเลยถ้ามีแผ่นดินไหว
ที่ ฮ่องกงนี้ประหลาดดีครับ มีความไม่เท่าเทียมแนวดิ้งมากๆ
เพราะตึกสูงพวกนี้ ข้างล่างจะเป็นร้าน นาฬิกาแพง ร้านอาหารหรู ร้านขายของไฮเท็ค แต่พอเลยชั้นสามขึ้นมา
จะเป็น Apartment ที่ดูหย่งกับ ชุมชนแออัด แขวนเสื้อผ้า ห้อยแอร์ตัวเล็กๆ เต็มไปหมด
นั่งวนรอบเมืองก็อ้อมถึง Sky 100 แล้วฝั่งนี้เหมือนจะเป็นฝั่งเมืองใหม่ครับ Condo Apartment ฝั่งนี้จะดูดีมีคลาสมาก
และก็จะมีพื้นที่กำลังปลุกสร้างใหม่เยอะครับ
รถมาส่งใต้ตึก เราก็มาขึ้นลิฟไปชั้นบนได้เลย ขึ้นไปชั้นสุดเห้ยใช้เวลาไม่ถึงนาทีเองมั้ง
มีบอกข้อมูลทุกอย่างระหว่างทางขึ้นหมด ฟ้าในลิฟต์ใสเชียงแต่ของจริงไม่ใช่อ่ะ
ออกมาจากลิฟต์ จะเจอทางเดินที่เป้นกระจกใส ข้างล่างเหมือนเป็น โมเดลเล็กๆ จำลองเมืองฮ่องกงไว้ใต้เท้าเรา
ข้างบนเงียบมากครับ ไม่มีคนเลย จะนั่งแชาตรงไหนยืนดูตรงไหนได้สบายๆ เลย
แอบถ่ายแม่น้ำหวานมา เห้นหน้าตาเธอมีความสุขผมก็ดีใจ คราวหน้าพาลูกมาด้วยนะ จะสนุกกว่านี้อีก
เดินดูได้รอบเลย 360' จริงๆ ฮองกง นี้เป้นเมืองที่ตึกราบ้านช่องแออัดกันไปหมดจริงๆ ค่าครองชีพทีนี้ถึงแพงมากๆ
ทีดินนี้คงไม่ต้องพูดถึงเลย
เดินเล่น นั่งแช่กันจนมือครับ เพราะอยากจะเก็บภาพ ตอนไฟสลัวๆ และตึกเริ่มเปิดไฟป้ายกันครับ
จะได้ถ่ายรุปสวยๆ มาได้
มีมุมให้ถ่ายรุป 3D ด้วยครับ มีทั้งให้ปีนตึก มีทั้งให้ทำเป็นนั่งอยู่ในร้านน้ำชา
ลงมาก็เดินครับ เน้นเดิน เดินเลาะไปเรื่อยๆ เพื่อจะกลับไป Habour City ไปหาอะไรทานกัน
ระหว่างทางเจอ ไซด์ก่อสร้างขนาดใหญ่เลย ดูอลังการมาก ไฟสวยงามเลยถ่ายรุปมาเก็บไว้
เดินทะลุห้างมาเพื่อที่จะแวะไปเดินที่ The Avenue of Stars ห้างก็แลดูเงียบๆ ไม่ค่อยมีคนเลย
แล้วก็มาจบท้ายคืนนี้แบบโรแมนติกๆ ด้วยการดูแสงสีของฮ่องกง กันสองคน พ่อแม่ คิดถึงลูกเหมือนกัน
เจ้าน้ำใจเคยมาแล้วแต่คงจำไม่ได้ เจ้าจินยังไม่เคยมา อีกไม่นานคงต้องพามาแล้วก็ พอไม่เจอ มิกกี้เมาส์ด้วย
วันนี้จบแค่นี้ก่อนนะครับ แต่ Trip นี้ยังมีอีก 2 Location 2 วัน คือ Ngong Ping และ Nan lian Garden ครับ
ยังไงขอให้สมาชิกไปช่วยกด Like Page พวกเราด้วยนะครับ http://www.facebook.com/namjaipainai
แนะนำที่เที่ยว ที่กิน กิจกรรมสำหรับเด็กวัยซนจ้า