เด็กยุคนี้..มองคนอื่นโง่กว่าตน ด้อยกว่าตน ทำให้สังคมแตกแยกจริงหรือ??
ทำไมเด็กนักเรียนต้องเรียนพิเศษ (เรียนไม่มีเวลาหยุด แม้วันเสาร์ วันอาทิตย์ วันปิดภาคเรียน หรือช่วงเย็นหลังเลิกเรียน) เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัสกับนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียนและครูได้สังเคราะห์ ถึงสาเหตุหรือปัจจัยมานั้นมาจากหลายปัจจัยมาก แต่ที่จะนำเสนอครั้งนี้ ขอนำเสนอสัก ๕ ประเด็น
๑. สังคมยกย่องคนเก่ง โดยเฉพาะสังคมไทยยกย่องคนเก่ง ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ เมื่อผู้ปกครอง พ่อแม่ พบปะกัน มักจะมีคำถามที่เกี่ยวกับลูกก็คือ ลูกเรียนหนังสือเป็นอย่างไร ได้คะแนนเท่าไร เกรดเท่าไร จบท้ายว่าด้วยคำว่า ลูกเรียนเก่ง เก่งเหมือนพ่อ เก่งเหมือนแม่ เก่ง...ไม่มีใครเคยถามเคยถามกัน ถึงลูกของอีกฝ่ายว่า ลูกได้ทำดีอะไรบ้าง หรือลูกดีนะ
๒. พ่อแม่ บังคับให้ลูกเรียน ต้องการให้ลูกเก่ง เหมือนลูกคนอื่น ๆ เมื่อไปเรียนผลก็คือ ขาดความตั้งใจ ไม่สนใจ ไปเรียนตามคำสั่ง ผลก็ไม่ได้อะไร(สงสารพ่อแม่ ผู้ปกครองที่จ่ายค่าเรียน ค่ารถ ค่า...ให้ลูกไปเรียน)เด็กมีแต่ความทุกข์ ทุกข์ทั้งกายและทุกข์ทั้งใจ
๓. ค่านิยมหรือแฟชั่นของเด็ก แฟชั่นของนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลเป็นต้นไปส่งลูกไปเรียนพิเศษเกือบทั้งนั้น แม้ผู้ปกครองบางคนจะไม่มีเงินแต่ก็ไปขวนขวายหามาให้ลูกได้ไปเรียนพิเศษ เพราะเด็กคนอื่นเขาเรียนกันหมด ดังนั้น ตนเองก็ไปเรียนจะได้เป็นคนทันสมัย สมัยใหม่ เท่ห์ ทั้งที่ใจจริงก็ไม่มีความตั้งใจในการเรียน
๔. ครูบังคับ มีครูหลายคน หลายวิชา หลายโรงเรียน เวลาสอนในชั่วโมงปกติก็สอนไม่เต็มที่ บางครั้งก็ไม่เข้าสอน มีพฤติกรรมบังคับให้เด็กนักเรียนเรียนพิเศษกับตน เป็นครูที่ไม่มีจิตวิญญาณของความเป็นครู เป็นครูธุรกิจ(เงินที่ได้จากสอนพิเศษมากกว่าเงินเดือนที่รัฐจ่ายให้) หากินกับเด็กนักเรียน ถ้าเด็กนักเรียนคนไหนไม่เรียนพิเศษกับตนผลก็คือได้เกรดไม่ดี (ครูจะนำข้อสอบที่ใช้สอบ มาติวให้กับเด็กที่เรียนพิเศษด้วย) เด็กที่เรียนพิเศษด้วยทุกคนได้เกรด ๔ ทุกคน
๕. แนวนโยบายแห่งภาครัฐ ภาคเอกชน ก็คือ ยังวัดความสามารถของเด็กนักเรียนด้วยการทดสอบ(แบบทดสอบ) นั่นคือวัดความเก่ง(การท่องจำเก่ง ท่องจำมาสอบ ลอกข้อสอบ ทุจริตการสอบด้วยวิธีการต่างๆ ในกรณีที่จับไม่ได้) และการเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นต่าง ๆ ตั้งแต่ ม.๑ ม.๔ ระดับมหาวิทยาลัย(อุดมศึกษา) หรือการเรียนหรือการเข้าทำงาน ของหน่วยงานหรือสถาบันต่าง ๆ ทุกสถาบันยังนิยมชมชอบกับคนที่ทำคะแนนจากแบบทดสอบได้สูงสุดเป็นคนที่ได้รับโอกาสที่ดีกว่า คนดีคือคนที่ได้คะแนนความเก่งน้อยกว่า
นี่คือเสียงสะท้อนจากเด็กนักเรียน จากผู้ปกครอง และจากครู ที่มองสังคมไทยให้ความสำคัญกับคนเก่งมากกว่าคนดี แม้บางครั้งจะมีคนคิด จะนำคะแนนความประพฤติ(ความดี)มาพิจารณาประกอบ แต่ถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์คงต่ำมาก ไม่ถึงร้อยละ ๑๐ แน่นอน
ถ้าเมื่อไรสังคมไทยยังเป็นเช่นนี้ เชื่อแน่เหลือเกินว่า ปัญหาก็จะตามมาเพราะคนเก่งจะเชื่อมั่นในตนเองสูง ไม่เชื่อความคิดของคนอื่น มองคนอื่นโง่กว่าตน ด้อยกว่าตน ทำให้สังคมแตกแยก