ดีนะที่มันเป็นแค่นิทาน..
ลองมาดูอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องของทัศนคติและมุมมองของคน ที่ส่งผลต่อพฤติกรรมและการแสดงออกได้อย่างดี เรื่องนี้ผมไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้แต่ง แต่อ่านแล้วได้ใจมากๆ เลยครับ
หญิงโสดคนหนึ่งย้ายบ้านใหม่ พบว่าข้างบ้านเป็นครอบครัวยากจนประกอบด้วยแม่หม้ายและลูกอีกสอง ก็เลยมองคนข้างบ้านแบบว่าเป็นคนยากจนที่ไม่มีอะไรกิน และทรัพย์สินอะไรก็คงจะไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่
อยู่มาคืนหนึ่ง ไฟฟ้าเกิดดับ หญิงคนนั้นจึงจุดเทียนไข สักพักมีคนมาเคาะประตู เป็นเด็กข้างบ้านนั่นเอง เด็กถามอย่างตื่นเต้นว่า “คุณน้า.. ในบ้านมีเทียนไหมครับ?”
หญิงโสดคิดในใจ “บ้านเขาจนถึงขนาดไม่มีเทียนไขรึ ..ช่างหัวมันเถิด เดี๋ยวได้คืบจะเอาศอก”
หญิงจึงตอบเด็กแบบมะนาวไม่มีน้ำว่า ..“ไม่มี!”
ขณะที่เตรียมจะปิดประตูส่งแขก เห็นเด็กคนนั้นยิ้มให้พร้อมกับพูดว่า “นึกแล้วว่าน้าต้องไม่มีเทียนไขแน่เลย”
พอพูดจบ เด็กควักเทียนไข 2 เล่มออกจากอกเสื้อและพูดอย่างใจดีว่า “คุณแม่ของผมเป็นห่วงคุณน้า เพราะคุณน้าอยู่คนเดียว กลัวว่าจะไม่มีเทียนไข ก็เลยให้ผมเอามาให้คุณน้า 2 เล่ม”
ทันใดนั้นเอง… หญิงคนนั้นก็รู้นึกอึ้งไป และรู้สึกผิดกับความคิด และความรู้สึกของตนเองอย่างมาก
อ่านจบแล้วรู้สึกอย่างไรครับ นี่ก็คือ ผลของมุมมอง และทัศนคติของคนเรา ซึ่งมันมีผลอย่างมากต่อชีวิตของเรา เมื่อรู้แบบนี้แล้ว เราก็น่าจะปรับทัศนคติของเราให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ชีวิตเราก็จะดีขึ้นเช่นกันครับ