กกน. ผู้ชายเลือกใส่แบบไหนสบาย “จู้ฮุกกรู…”
เมื่อเร็วๆ นี้ โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ได้จัดสัมมนา เรื่อง “อยากจู้ฮุกกรู เลือก บริฟส์ จีสตริง หรือบ็อกเซอร์” เพื่อให้คำตอบเกี่ยวกับสารพัดกางเกงชั้นในของคุณผู้ชายที่หลายคนอาจยังไม่ รู้ว่ามีมากมายหลายแล้ว พร้อมทั้งให้คำแนะนำว่า หนุ่มๆ ควรเลือกใส่ชั้นในแบบไหนถึงจะดีต่อสุขภาพมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน คงต้องแนะนำให้รู้จักกางเกงในของคุณผู้ชายกันก่อนว่ามีแบบไหนบ้าง
สำหรับแบบแรกที่มีชื่อว่า “บริฟส์” (เรียกให้งงไปอย่างนั้น) บริฟส์ ก็คือ กางเกงในชายยอด นิยมตลอดกาลหรือกางเกงในสามัญประจำบ้าน ที่ส่วนใหญ่หนุ่มน้อย ไม่น้อยใส่กันเป็นประจำนั่นแหละ อาจจะแตกต่างกันบ้างที่ขอบกางเกงชั้นใน ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะเลือกซื้อหา หรือไม่ทันสมัยหน่อยก็เลือกแบบที่มีสีสันลานตามาใช้
ชั้นในชายแบบที่ 2 “จีสตริง” นับเป็นกางเกงในสุดสยิวหรือที่เรียกว่า กางเกงในสายเดี่ยว ซึ่งไม่ได้สงวนไว้สำหรับสาวๆ เท่านั้น ใครจะรู้ เดี๋ยวนี้ผู้ชายก็เริ่มหันมาใส่จีสตริงเพิ่มขึ้นเพื่อเรียกคะแนนความเซ็กซี่ แหมฟังแล้วอาจขนลุก อย่าเพิ่งปฏิเสธ รู้นะว่าบางอารมณ์ก็อยากลองหยิบกางเกงในแบบนี้มาลองใส่อยู่เหมือนกัน
สำหรับกางเกงชั้นใน แบบสุดท้าย “บ็อกเซอร์” แบบคล้ายๆ กางเกงมวย บางแบบคล้ายกางเกงในเต็มตัว แต่ขากางเกงยาวกว่า และมีกระดุมอยู่ข้างหน้า กางเกงในแบบนี้วัยรุ่นผู้นิยมกางเกงเอวต่ำรู้จักดี และกลายเป็นแฟชั่นสุดฮิตไปเสียแล้ว กางเกงยิ่งเอวต่ำยิ่งต้องอวดลวดลายกางเกรงในหลากสีหลายสัน ส่วนใหญ่มักใส่กับกางเกงยีนส์หรือใส่นอน
เมื่อรู้จักกางเกงในแบบต่างๆ เป็นอย่างดีแล้ว คราวนี้ก็ถึงทีคุณหมอ มาช่วยไขปัญหา กางเกงในชายเพื่อ สุขภาพทางเพศที่ดี โดยนพ.วุฒิพันธ์ ศุภจัตุรัส แผนกสร้างเสริมสุขภาพ ประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท 1 บอกว่า กางเกงชั้นในทุกแบบต่างมีข้อดีและข้อเสียอยู่ในตัวของมันเอง ขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกใส่อย่างไร เหมาะกับลักษณะการดำเนินชีวิตของเราหรือไม่
อย่าง ถ้าทำงานในห้องแอร์ นั่งเก้าอี้ทั้งวัน เป็นหนุ่มออฟฟิศนอกจากกางเกงชั้นในทั่วๆ ไปแล้ว หากวันไหนจะเลือกใส่ “บ็อกเซอร์” หรือ “จีสตริง” ก็ไม่มีข้อห้ามอย่างใด ในทางกลับกันหากงานที่ทำอยู่เป็นงานกลางแจ้ง ต้องเดินไปนู้นมานี่บ่อยๆ กางเกงชั้นในแบบจีสตริงคงไม่เหมาะแน่ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการเสียดสีจนเป็นแผลได้
ส่วนบ็อกเซอร์ซึ่งค่อนข้างเป็นกางเกงชั้นในที่โปร่งโล่ง การต้องเดินมากๆ อาจทำให้ผู้ใส่รู้สึกไม่สะดวกในการทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนกัน ที่สำคัญคือ ควรเลือกกางเกงในชายที่เหมาะกับอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย ระบายง่าย ไม่หนาจนเกินไป
แล้ว รู้บ้างหรือไม่ว่าชั้นในชายก็ส่งผลต่อการปั้มลูกในสนามรักด้วยเหมือนกัน เรื่องนี้ นพ.วุฒิพันธ์ บอกว่า เราควรเลือกกางเกงในให้เหมาะกับขนาดซึ่งมีหลายไซส์ไม่ว่าจะM,L,XL โดยไม่ควรฟิตหรือรัดแน่นจนเกินไป และแม้ว่ากางเกงชั้นในจะไม่ถึงขนาดทำให้เป็นหมัน แต่กางเกงในรัดๆ ก็จะไปทำให้อุณหภูมิในถุงอัณฑะซึ่งผลิตเชื้ออสุจิสูงขึ้น
ทั้งนี้ อุณหภูมิที่เหมาะสมในการผลิตอสุจิอยู่ที่ 36 องศาเซลเซียส การที่อุณหภูมิสูงเกินไป จึงอาจส่งผลต่อคุณภาพของเชื้ออสุจิ เช่น มีจำนวนอสุจิน้อย หรือไม่แข็งแรง นอกจากนั้นอาจทำให้มีเหงื่อออกมาก ทำให้เป็นเชื้อราในร่มผ้าได้ ดังนั้นการใส่กางเกงชั้นในชนิดเบาสบายไม่รัดแน่น แค่ประคองเอาไว้ก็น่าจะพอแล้ว
ส่วน บางกิจกรรมเช่นการออกกำลังกาย จะเลือกใส่กางเกงในแบบรัดแน่นก็จะทำให้รู้สึกมั่นใจขึ้น แต่ก็ไม่ควรใส่นานๆ เพราะอาจจะร้อนอับชื้นจนเป็นเชื้อราในร่มผ้าได้เช่นกัน ที่น่าเป็นห่วงคือขอบยางกางเกงใน ซึ่งไม่ควรรัดแน่นเกินไปเพราะจะทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
นอกจากเชื้อราในร่มผ้าแล้วอีกโรคที่คนมักเข้าใจผิดกันมากว่าเกิดจากการไม่ใส่ชั้นใน คือ “โรคไส้เลื่อน”
นพ.วุฒิ พันธ์ อธิบายว่า ไส้เลื่อนมีสาเหตุมาจากการที่ผนังบุช่องท้องมีความอ่อนแอ และความดันภายในช่องท้องดันเอาลำไส้ออกมาตรงตำแหน่งที่ผนังบุช่องท้องที่ อ่อนแอนั้น โดยตำแหน่งของไส้เลื่อนที่พบได้บ่อย ได้แก่ บริเวณขาหนีบ และบริเวณลูกอัณฑะ บางครั้งเมื่อมีลำไส้เคลื่อนตามออกมา ลำไส้ก็อาจเคลื่อนกลับเข้าไปในช่องท้องได้ซึ่งจะไม่มีอาการอะไร ถ้าหากลำไส้ที่เคลื่อนออกมาแล้วกลับเข้าไปในช่องท้องไม่ได้ จะทำให้รู้สึกหน่วงๆ เวลายืนหรือเดิน ถ้าเกิดเป็นเวลานานๆ ลำไส้ที่เคลื่อนออกมาขาดเลือดมาเลี้ยงจะทำให้ลำไส้ตายและเน่าได้จะก่อให้ เกิดอาการปวดอย่างรุนแรงได้
“การเป็นไส้เลื่อนจึงไม่เกี่ยวกับการใส่หรือไม่ใส่กางเกงชั้นใน หรือการใส่กางเกงในแบบรัดรูปแน่นๆ ก็ไม่ได้ป้องกันไม่ให้เกิดไส้เลื่อน เพียงแต่ถ้าเป็นไส้เลื่อนอยู่ การใส่กางเกงใน อาจช่วยพยุงไม่ให้เป็นไส้เลื่อนหนักขึ้นจนเกิดอันตราย”
ส่วนข้อสงสัยอย่าง เวลาใส่กางเกงในแล้วชี้ขึ้นข้างบนหรือชี้ลงข้างล่างนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับสรรถภาพทางเพศ แล้วแต่ถนัดจะเก็บแบบไหนก็ได้ ส่วนการที่ผู้ชายชอบนั่งไขว่ห้าง จะเสี่ยงต่อการเป็นหมันนั่น ก็ไม่ต้องกังวลเพราะยังไม่มีผลวิจัยใดยืนยันเช่นนั้น
นอกจากนี้การเลือกชุดชั้นในชายให้เหมาะสมอย่างเดียวคงไม่เพียงพอต่อสุขภาพทาง เพศ นพ.วุฒิพันธ์ จึงจะลงลึกถึงวิธีการทำความสะอาดน้องชายว่า จริงๆ แล้วของลับของหวงของผู้ชายไม่ซ่อนเร้นลึกลับเหมือนกับจุดซ้อนเร้นของผู้หญิง การทำความสะอาดจึงง่ายไม่ยุ่งยาก อาจใช้แค่น้ำธรรมดาก็พอแล้ว เพียงแต่ต้องทำความสะอาดบริเวณหนังหุ้มปลายให้หมดจด ซึ่งคราบไคลอาจตกค้างอยู่ภายใน เพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมมจนเกิดกลิ่น แต่ถ้าเป็นคนที่มีเหงื่อไคลมากและมีกลิ่นจากส่วนนั้นมากเป็นพิเศษแล้ว ก็ควรจะใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเหมือนกันเพื่อกลิ่นที่สะอาดและนุ่ม นวลกว่านั่นเอง