พิสูจน์ สถานที่ลึกลับ รอบโลก มนุษย์ต่างดาวเคยมาเยือน
เคยสงสัยกันไหมครับว่า โบราณสถานเก่าแก่บางแห่งบนโลกนั้น มีอายุอานามมานับพันๆ ปี แต่ทำไมลักษณะสถาปัตยกรรมช่างดูยิ่งใหญ่อลังการ และมีโครงสร้างซับซ้อนจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของคนในยุคโบราณ แม้จะมีผู้คิดค้นทฤษฎีน่าเชื่อถือออกมามากมาย แต่สุดท้ายก็เหมือนจะกลายเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ หลายฝ่ายจึงตั้งข้อสงสัยว่า หากไม่ใช่ฝีมือมนุษย์ ก็อาจเป็นเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิปัญญาเหนือกว่าเราจากดาวดวงอื่น ที่เราเรียก 'มนุษย์ต่างดาว' นั่นเอง
ทฤษฎีเรื่องสิ่งมีชีวิตจากต่างพิภพนั้น เป็นหนึ่งในความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนาน บางส่วนก็ว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แต่จากหลักฐานที่นักโบราณคดีได้ค้นพบในสถานที่ต่างๆ ก็พอจะทำให้เชื่อได้ว่าเราอาจไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาลนี้ ต่อไปนี้คือสถานที่ท่องเที่ยวจากรอบโลก ที่มีความเชื่อ และหลักฐานว่ามนุษย์ต่างดาวอาจเคยมาเยือนโลกของเราจริง ดังต่อไปนี้ครับ
1. Crop Circles วงกลมประหลาดกลางทุ่ง
สถานที่ : พบหลายแห่งในประเทศแถบยุโรป ตามทุ่งข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ห์ ถั่วเหลือง ฯลฯ
Crop Circles ถูกพบครั้งแรกในปี 1678 ประเทศอังกฤษ วงกลมประหลาดที่เกิดจากต้นพืชนั้นล้มลงโดยที่ก้านจะไม่หักเลยซะทีเดียว แต่จะงอลงมาประมาณหนึ่งนิ้วจากพื้นดิน กินอาณาเขตกว้างกระจายไปทั่วทุ่ง เมื่อมองจากมุมสูงจึงจะเห็นเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่มีความสลับซับซ้อน ถึงปัจจุบันนี้มีรายงานการพบ Crop Circles กว่า 10,000 ครั้ง ส่วนวนใหญ่เกิดทางภาคใต้ และ 90 เปอร์เซนต์อยู่ในรัศมี 50 ไมล์จากสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) Crop Circles ในยุคแรกๆ มักเป็นรูปทรงกลมหรือวงกลมกับวงแหวน แต่ในยุคหลังจากปี 1990 เป็นต้นมา ขนาด และรูปแบบของมันจะเริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
ในช่วงแรกมีรายงานจากแหล่งข่าวต่างๆ ในอังกฤษกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า Crop Circles เกิดขึ้นจากฝีมือของคนกลุ่มหนึ่ง แต่ในท้ายที่สุดเรื่องราวก็ถูกเปิดเผยว่า เรื่องนี้เป็นเพียงความพยายามที่จะปิดข่าวลือเรื่องมนุษย์ต่างดาวของกระทรวงความมั่นคงประเทศอังกฤษเอง กระทั่งปี 2000 มีกลุ่มที่เรียกตนเองว่า Circlemakers ออกมาเปิดเผยตนเองว่าเป็นผู้สร้าง Crop Circles ที่วิจิตรพิสดารหลายสิบแห่งทางภาคใต้ของอังกฤษมากว่า 11 ปี ปัจจุบันจึงมีผลการศึกษาว่า ร้อยละ 80 ของ Crop Circles เป็นฝีมือของมนุษย์เอง ส่วนที่เหลือนั้นยังเป็นปริศนา ทฤษฎีหลายทฤษฎีถูกตั้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถามนี้ มันอาจเป็นข้อความ หรือภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างมนุษย์ต่างดาว หรืออาจเป็นแค่วงกลมที่สร้างขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจก็เป็นได้
2. Ancient Cave ภาพวาดโบราณในถ้ำหิน
สถานที่ : ตามถ้ำโบราณหลายแห่ง ทั่วโลก
ศิลปะโบราณอายุราวหลายพันปี ที่ชวนให้เชื่อว่ามนุษย์สมัยก่อนเคยติดต่อกับเทพเจ้า หรือผู้ที่มาจากฟากฟ้า สิ่งที่น่าแปลกคือภาพเขียนเหล่านี้มีปรากฏอยู่ทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่น
ภาพเขียนจานบินและมนุษยต์ต่างดาวที่ทะเลทราย ซาฮาร่า อายุประมาณ 6000 ปี ก่อนคริสต์ศักราช
ภาพวาดตามผนังของชนเผ่าอบอริจินที่เมือง Kimberly อายุประมาณ 5,000 ปีก่อน
ภาพวาดในถ้ำที่ Val Camonica ประมาณ 10,000 ก่อนคริสต์ศักราช
3. The Bermuda Triangle สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา น่านน้ำอาถรรพ์
สถานที่ : มหาสมุทรแอตแลนติคภาคตะวันตก ไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดา และเปอร์โตริโก
อาณาเขตลึกลับที่ปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า เหตุใดทุกสิ่งที่ผ่านไปบริเวณนั้นจึงได้หายสาบสูญไป เสมือนไม่ได้มีตัวตนอยู่บนโลกนี้ นักวิทยาศาสตร์ นักสมุทรวิทยา และผู้เชี่ยวชาญต่าง ๆ ต่างก็พยายามหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น หนึ่งในทฤษฎีที่ใช้อธิบายก็คือ เป็นไปได้ว่าอาจมีมนุษย์ต่างดาวหรือมนุษย์ที่อาศัยอยู่ใต้มหาสมุทรบริเวณนั้นต้องการขโมยเรือหรือเครื่องบิน และสิ่งมีชีวิตลงไปใต้มหาสมุทรเพื่อศึกษาหรือทดลองบางอย่าง ข้อสันนิษฐานนี้ก็สอดคล้องกับรายงานที่ว่า มีผู้พบเห็นจานบินลึกลับร่อนไปร่อนมาเหนือสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าอยู่หลายครั้ง
4. Easter Island ยักษ์ใหญ่แห่งเกาะอีสเตอร์
สถานที่ : เกาะอีสเตอร์ มหาสมุทรแปซิฟิค, ชิลี
เกาะปริศนาโดดเดี่ยวกลางมหาสมุทร แต่กลับมีรูปสลักหินลึกลับขนาดมหึมากว่า 800 รูป เรียงรายอยู่เต็มเกาะที่ไม่มีคนอยู่อาศัย มีผู้อธิบายว่าเป็ฝีมือของชาวพื้นเมือง โพลีนีเซียน ที่เข้ามาตั้งรกรากในปี ค.ศ. 400 แต่ด้วยวิวัฒนาการในอดีตนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะลากหินหนัก 75 ตัน มาตั้งตามชายฝั่งได้
5. Sacsayhuaman กำแพงหิน ป้อมปราการยักษ์
สถานที่ : เมืองคัซโค, เปรู
เมื่อนึกถึงโบราณสถานในเปรู ส่วนใหญ่คงนึกถึงนครสาบสูญ Macchu Picchu แต่ยังมีอีกสถานที่ที่สร้างความฉงนได้มากกว่ามหานครบนภูเขา นั่นคือ Sacsayhuaman (แซคไซวามาน) กำแพงหินประหลาดที่ขนาดใหญ่โตมโหฬาร แต่ละก้อนสูงกว่า 6 เมตร ยาวสุด 400 เมตร คาดว่าสร้างในช่วงปีค.ศ. 900-1200
ความพิเศษของมันก็คือ หินแต่ละก้อนมีรอยตัดที่ปราณีตราวกับตัดด้วยเครื่องมือทันสมัย นักวิจัยส่วนมากเชื่อว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นป้อมปราการ แต่คำถามก็คือ วิธีการสร้าง และการขนย้ายหินปูนหนักราว 200 ตัน มายังหุบเขานั้น คนโบราณเขาทำได้อย่างไร?
6. Stonehenge กลุ่มหินปริศนาแห่งอังกฤษ
สถานที่ : ทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี่ ตอนใต้ของอังกฤษ
สโตนเฮนจ์ ตั้งอยู่กลาง 'ทุ่งราบซัลลิสเบอร์รี่' มีจำนวนแท่งหินทั้งหมด 112 ก้อน ตั้งเรียงเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง และวางเรียงในลักษณะที่ต่างกัน ทั้งวางนอน วางพาดกัน และวางตั้งขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้คำนวณอายุของหินกลุ่มนี้ พบว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 3,000–2,000 ปีก่อนคริสตกาล
เรื่องน่าสนใจคือ หินแต่ละก้อนแต่ละชั้นนั้นมีอายุไม่เท่ากัน และถูกนำมาจากต่างสถานที่ ต่างยุคกัน บริเวณที่ราบดังกล่าวไม่มีก้อนหินขนาดมหึมานี้อยู่เลย ที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือมาจาก 'ทุ่งมาร์ลโบโร' ที่อยู่ไกลออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร คำถามคือ สมัยนั้นไม่น่ามีเครื่องทุ่นแรงอย่างที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงนำหินมาขัด แต่งให้มีความเหลี่ยม ความมน มีสลัก และเดือยซึ่งจะทำให้หินพาดกันได้อย่างพอดี ว่ากันว่าเป็นฝีมือของมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลก โดยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยในการสร้าง บ้างก็ว่าเป็นผลงานศิลปะของยักษ์ในยุคก่อน
อ่านเรื่องStonehenge เพิ่มเติมได้ที่นี่
7. Nazca Lines ลายเส้นขนาดยักษ์ สร้างขึ้นเพื่อให้มองลงมาจากฟ้า
สถานที่ : ที่ราบนาซก้า, เปรู
ลายเส้นลึกลับกลางทะเลทรายนาซคา ประเทศเปรู ลักษณะมีการขีดเน้นอย่างจงใจและประณีต ขนาดใหญ่โตถึง 200เมตร และรูปทั้งหมดครอบคลุมเนื้อที่กว่า 500 ตารางกิโลเมตร ท้าทายแดด ลม ฝน เป็นเวลากว่าสองพันปี มีตั้งแต่ภาพวาดง่ายๆ อย่างรูปทรงเรขาคณิตทั่วไป จนถึงภาพสัตว์ประเภทต่างๆ ทั้งนก ปลาวาฬ ลิง แมงมุม นกฮัมมิ่งเบิร์ด (ซึ่งที่เปรูไม่มีนกชนิดนี้) คาดอายุประมาณ 100 ปีก่อนคริสตกาล
แม้จะเป็นลายเส้นง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลา และการวางแผนอย่างมาก เพราะจะต้องมองให้เห็นชัดเจนจากท้องฟ้า มองจากพื้นดินจะเห็นเป็นเพียงคลองหรือถนนเท่านั้น บางเส้นลากยาวไปไกลพาดข้ามภูเขา ปัจจุบันยังคงเป็นปริศนาว่า เหตุใดชาวนาซคาจึงต้องทุ่มเทวาดภาพสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาทั้งๆ ที่ตัวเองไม่อาจมองเห็นได้
8. Dendera Temple สิ่งประดิษฐ์ผิดยุค
สถานที่ : เมืองเดนเดร่า, อียิปต์
ภายในวิหารเดนเดรา ของชาวไอยคุปต์ ประเทศอียิปต์ ปรากฏภาพสลักของสิ่งที่ไม่น่าจะมีในสมัยนั้น นั่นคือ 'หลอดไฟฟ้า' ทั้งๆ ที่กว่าเราจะมีหลอดไฟใช้ ก็หลังจากที่โธมัส อัลวา เอดิสัน เขาค้นพบนั่นแหละ
ในภาพสลักยังมีรูปของตัวเครื่องกำเนิดไฟฟ้าอีกด้วย สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ยังไปสอดคล้องกับเรื่องที่ว่า ภายในพีระมิดไม่มีคราบเขม่าควันไฟใดๆ เลย ทั้งที่ภายในนั้นมืดมาก และยากต่อการสร้าง หรือวาดภาพในที่มืดทึบขนาดนั้น ถึงอย่างไรก็ตาม หากนี่ไม่ใช่วิทยาการอันก้าวหน้าแล้ว ภาพสลักนี้อาจมีความหมายอย่างอื่นในเชิงสัญลักษณ์ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับหลอดไฟเลยก็ได้
9. Pyramids of Giza มหาพีระมิดเมืองกิซา
สถานที่ : เมืองกิซ่า, อียิปต์
บนโลกใบนี้มีพีระมิดถูกสร้างขึ้นมามายหลายประเทศ กระจายอยู่ทั่วโลก ทั้งที่คนในสมัยก่อนไม่น่ามีการเดินทางไปมาหาสู่กัน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันได้ง่ายๆ แต่พีระมิดที่โด่งดังที่สุด ยิ่งใหญ่ที่สุด และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ยุคเก่าของโลกเพียงหนึ่งเดียวที่คงสภาพสมบูรณ์มาถึงยุคปัจจุบัน ก็คือ พีระมิดแห่งเมืองกิซ่า นั่นเอง
พีระมิดแห่งเมืองกิซ่า สร้างมาประมาณ 4,500 ปีมาแล้ว สร้างด้วยหินทรายตัดเป็นแท่ง หนักประมาณก้อนละ 2 ตัน มากกว่า 2 ล้านก้อน บางก้อนหนักถึง 16 ตัน ซ้อนกันไปเรื่อยๆ จึงทำให้มันมีความคงทน เชื่อกันว่าอยู่ได้นานถึง 5,000 ปี แม้จะถูกใช้เป็นสุสานฝังพระศพของฟาโรห์ แต่ความลับมากมายของมันก็ยังไม่ถูกไขกระจ่าง ทั้งเรื่องวิธีการสร้างที่ดูแล้วล้ำหน้ากว่าผู้คนในสมัยนั้นมาก และทิศทางที่กลุ่มพีระมิดหันหน้าไปทางกลุ่มดาวโอไรออน คล้ายกับว่าจะบอกถึงทิศทางของดวงดาวนอกโลก
ข้อมูล : wikipedia, allmysteryworld, siamrecorder,oknation
ข้อมูล : wikipedia, allmysteryworld, siamrecorder,oknation
โพสท์โดย: I sea u