ดาวดึงส์ภูมิ
ดาวดึงส์ภูมิ (สวรรค์ชั้นที่ 2)
ต่อจากชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไป เป็นที่ประทับอยู่ของเทพผู้เป็นใหญ่ ซึ่งเป็นสหายกัน 33 องค์ มีท้าวสักเทวราชเป็นผู้ปกครองเทพทั้งปวง
สวรรค์ชั้นนี้เป็นแดนสุขาวดี ซึ่งเป็นที่สถิตย์ อยู่แห่งปวงเทพยดาชาวฟ้าผู้อุปปัติเทพ สวรรค์ชั้นนี้อยู่เหนือจาตุมหาราชิกาขึ้นไปอีก 336,000,000 วา (ประมาณ 168,000,000 กิโลเมตร มองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ เพราะตั้งอยู่คนละภพ)
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์มีอาณาเขตกว้าง 8,000,000 วา มีเมืองชื่อไตรตรึงษ์ มีประตู 1,000 ประตู มีกำแพงแก้วล้อมเมือง ทุกประตูมียอดปราสาทแก้วงดงามวิจิตรพิสดารเวลาเปิดปิดประตู จะมีเสียงดังไพเราะราวกับดนตรี กลางนครไตรตรึงษ์ มีไพชยนต์ปราสาท มีรูปทรงสูงเยี่ยม เอี่ยมอ่องไป ด้วยรัศมีสัตตรัตน์ เพราะประดับไปด้วยแก้ว 9 ประการ งามสุดจะพรรณา เป็นที่ประทับอยู่ แห่ง สมเด็จพระอมรินทราธิราช เมื่อเทียบเวลาระหว่างมนุษย์ กับ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แล้ว 100 ปีในมนุษย์ เท่ากับ 1 วัน ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ (เทียบคร่าวๆ เพราะหน่วย1วัน ของแต่ละภพก็ต่างกัน)
บนยอดเขาพระสุเมรุเป็นที่อยู่ของพระอินทร์ มีช้างทรงของพระอินทร์ ชื่อช้างเอราวัณ สูง 1,200,000 วา เมื่อเวลาพระอินทร์จะประทับ ช้างจะเนรมิตกายสูงใหญ่ บนเศียรมีวิมาน มีปราสาท มีอุทยาน มีนางฟ้าร่ายรำ ช้าง 33 เศียร มีงา 231 งา สระ 1,617 สระ กอบัว 11,319 กอ ดอกบัว 79,233 ดอก 554,631 กลีบ นางฟ้าร่ายรำ 3,882,417 นาง บริวารอีก 27,176,919 นาง
ความเป็นอยู่ของเทวดาในชั้นดาวดึงส์ ล้วนแต่เป็นผู้เสวยทิพยสมบัติจากผลบุญที่ได้กระทำไว้ อารมณ์ที่ได้รับในชั้นดาวดึงส์ จึงล้วนแต่เป็นอารมณ์ที่ดีเลย เทพบุตรจะมีวัย 20 ปี ส่วนเทพธิดามีวัย 16 ปี เหมือนกันทุก ๆ องค์ ไม่มีการแก่ เจ็บ ตาย ให้เห็น มีแต่ความสวยงาม เป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดไป เทพบุตรองค์หนึ่ง อาจจะมีนางฟ้าเป็นบาทบริจาริกา(ภรรยา) 500 ถึง1,000 หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่ได้ทำไว้เทวดาในโลกนี้ มีการไปมาหาสู่ เบียดเบียนกันเช่นเดียวกับมนุษยโลก มีนักดนตรี นักร้อง เทพบุตร เทพธิดา มีความรักใคร่ปรารถนาเป็นคู่ครองกัน หากขาดคู่ครอง ก็ย่อมจะเกิดความเบื่อหน่ายในความเป็นอยู่ของตน ไม่เบิกบานรื่นเริงเหมือนเทวดาที่มีคู่ครอง
เทวดาที่อยู่ชั้นดาวดึงส์มีอยู่ ๒ จำพวก ได้แก่
1. ภุมมัฏฐเทวดา
คือ เทวดาที่อยู่บนพื้นดิน ได้แก่ พระอินทร์ และ เทวดาผู้ใหญ่ 32องค์ พร้อมทั้งบริวาร และเทวอสุรา 5 จำพวกที่อยู่ใต้เขาสิเนรุ
2. อากาสัฏฐเทวดา
คือ เทวดาที่อยู่ในอากาศ ได้แก่ เทวดาที่มีวิมานลอยไปในกลางอากาศ ตั้งแต่เหนือพื้นดินยอดเขาสิเนรุ ไปจดขอบจักรวาล บางวิมานก็มีเทวดาอยู่ บางวิมานก็ไม่มีเทวดาอยู่ (เมื่อมนุษย์หรือสัตว์ภพใดมีกรรมดีถึงพร้อม จะมีวิมานเกิดขึ้นเพื่อรอให้มาอาศัพเมื่อกายสลายไป นันทิยะ มนุษย์ผู้มีบ้านบนสวรรค์ )
สถานที่สำคัญ
ศาลาสุธรรมาเทวสภา
สถานที่ฟังธรรมในเทวโลก บรรดาเทวดาทั้งหลายจะมาประชุมกันเพื่อฟังธรรม โดยมีท้าวสักกะเทวราช องค์อมรินทร์เป็นประธานศาลาแห่งนี้ ประกอบด้วยรัตนะ 7 ประการ สูง 500 โยชน์ วัดโดยรอบได้ 1,200 โยชน์ พื้นที่ประกอบด้วยแก้วผลึก เสาเป็นทองเครื่องบน คือ ขื่อ คาน ระแนง ทำด้วยรัตนะทั้ง 7 หลังคามุงด้วยอินทนิล เพดาน เสา ประกอบด้วยแก้วประพาฬ ลวดลายต่าง ๆ ช่อฟ้า ใบระกา ทำด้วยเงิน ตรงกลางศาลา เป็นที่ตั้งธรรมาสน์ สูง 1 โยชน์ ทำด้วยรัตนะทั้ง 7 ปกกั้นด้วยเศวตฉัตรสูง 3 โยชน์ ข้างธรรมาสน์ เป็นที่ประทับของท้าวโกสีย์เทวราช ถัดไปเป็นที่ประทับของเทวดาผู้ใหญ่ 32 องค์ และ เทวดาอื่น ๆ
ต้นปาริชาต (กัลปพฤกษ์)
ต้นปาริชาต หรือ กัลปพฤกษ์ซึ่งเป็นต้นไม้ทิพย์ ต้นกัลปพฤกษ์ นี้ 100 ปี ถึงจะออกดอกครั้งหนึ่ง เมื่อถึงคราวนั้น ดอกไม้ในสวรรค์นี้ก็จะบานสะพรั่ง เหล่าเทพบุตร เทพธิดา ก็จะพากันมารื่นเริง ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาเฝ้าจนกว่าดอกไม้จะบาน เมื่อดอกไม้สวรรค์บานแล้ว จะปรากฏแสงรุ่งเรืองงดงามยิ่งนัก รัศมีดอกปาริชาติจะส่องรัศมีรุ่งเรืองไปไกลหลายหมื่นวา เมื่อลมรำเพยพัดพาไปในทิศใด ย่อมส่งกลิ่นหอมไปในทิศนั้น เป็นระยะไกลแสนไกล ดอกไม้นี้จะบานสะพรั่งไปทุกกิ่งก้านทั่วทั้งต้น ถ้าเทพบุตรเทพธิดาองค์ใดปรารถนาจะได้ดอกปาริชาตก็จะตกลงมาในมือดั่งรู้ใจ ถ้ายังไม่ได้รับในมือ ดอกก็ยังไม่ทันตกลงดิน โดยมีลมชนิดหนึ่ง จะพัดชูดอกไว้ในอากาศ จนกว่าเทพยดาผู้ใดประสงค์ก็จะมารับเอาไป
พระเกศจุฬามณีเจดีย์
เป็นเจดีย์มีทรงสัณฐานใหญู่ ตั้งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของเทพนครไตรตรึงษ์ แลดูงดงามรุ่งเรืองนัก สร้างด้วยแก้วอินทนิลอันเป็นทิพย์ ตั้งแต่กลางถึงยอดเจดีย์ทำด้วยทองคำเนื้อแท้ แล้วประดับด้วยสัตตพิธรัตนะหรือประดับด้วยรัตนะ 7 ประการ สูง 80,000 วา มีกำแพงทองคำล้อมรอบทั้ง 7 ทิศ มีความยาว 7600,000 วา ประดับด้วยธงนานาชนิด มีสีนานา แดงบ้าง เหลืองบ้าง เขียวบัาง ประดับประดา แลดูงามพรรณรายนักหนา ฝูงเทพยตาพากันถือเครื่องตีเครื่องเป่า สังคีตสรรพดริยางค์ทั้งหลาย มาบรรเลงถวายบูชาพระเจดีย์เจ้าทุกวันมิได้ขาด ภายในพระเกศจุฬามณีเจดีย์ ซื่งสถิตประดิษ ฐานอยู่บน สวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์นั้น พระเกศาจุฬามณีเจดีย์นี้ เป็นที่บรรจุสิ่งสำคัญอันหาค่ามิได้ถึง 2 อย่างด้วยกัน คือ พระเกศโมลี และ พระบรมธาตุ
ทางไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ในทานสูตรว่า...
" ในการให้ทานนั้น บุคคลไม่มีความหวัง ให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทานแล้วให้ทาน ไม่มุ่งการสั่งสมให้ทาน ไม่ได้ให้ทานด้วยความคิดว่า ตายไปแล้ว เราจักได้เสวยผลทานนี้ แต่ให้ทานด้วยความคิดว่า การให้ทาน เป็นการกระทำที่ดี
เขาผู้นั้น ให้ทานด้วยอาการอย่างนี้แล้ว เมื่อทำกาลกิริยา ตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาทั้งหลายในชั้นดาวดึงส์สวรรค์ "
.......................................................................................