คดีสะเทือนขวัญแห่งราชสำนัก!! "ปลงพระชนม์มเหสี ร.6"
โพสท์โดย คุณชายชุน
พระนางเธอลักษมีลาวัณ พระมเหสีในรัชกาลที่6
พระนางเธอลักษมีลาวัณ (3 กรกฎาคม พ.ศ. 2442 – 29 สิงหาคม พ.ศ. 2504) มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้าหญิงวรรณพิมล วรวรรณ(ภายหลัง ร.6 ทรงพระราชทานพระนามใหม่ว่า"หม่อมเจ้าหญิงลักษมีลาวัณ") พระองค์ทรงเป็นพระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ กับหม่อมหลวงตาด วรวรรณ (สกุลเดิม มนตรีกุล) ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระขนิษฐาต่างชนนีของอดีตพระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี
หม่อมเจ้าหญิงลักษมีลาวัณทรงเปิดพระองค์อยู่ในสังคมชั้นสูงที่มีกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสังคมและความบันเทิง ทำให้หลายคนต่างมองเห็นภาพความสนุกสดใสของบรรดาพระธิดาในกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ได้ไม่ยากนัก ซึ่งในเรื่องนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงศ์ ทรงเล่าไว้ใน เกิดวังปารุสก์ ตอนหนึ่งว่า "... ไม่มีผู้หญิงคนไทยครอบครัวใดที่จะช่างคุยสนุกสนานเท่าองค์หญิงตระกูลวรวรรณ เท่าที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักพบมา..."
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่6 และ พระนางเธอลักษมีลาวัณ ขณะทรงสถาปนาขึ้นเป็น"พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองศ์เจ้าลักษมีลาวัณ"
พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสนิทสนมกับตระกูลวรวรรณ และมีโอกาสได้ทรงคบหากับหม่อมเจ้าหญิงวัลลภาเทวีและหม่อมเจ้าหญิงลักษมีลาวัณ ต่อมาได้ทรงสถาปนา หม่อมเจ้าวัลลภาเทวี ขึ้นเป็น พระวรกัญญาปทาน พระองค์เจ้าวัลลภาเทวี ในฐานะพระคู่หมั้นในเดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ.2463 แต่กระนั้นพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าก็ทรงคบหากับหม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ พระขนิษฐาของพระวรกัญญาปทานอย่างเปิดเผย ทั้ง ๆ ที่อยู่ระหว่างที่ทรงหมั้นอยู่ และพบว่าทรงติดต่อกันทางจดหมายเพื่อระบายความทุกข์ส่วนพระองค์ได้ทรงมีพระราชนิพนธ์ถึงหม่อมเจ้าลักษมีลาวัณอยู่เสมอ แต่ไม่นานนักพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงถอนหมั้นกับพระวรกัญญาปทาน เนื่องจากพระอัธยาศัยพระวรกัญญาปทานไม่ต้องพระราชนิยม
หลังจากการถอดถอนหมั้นเพียงไม่กี่เดือน ก็ทรงสถาปนาหม่อมเจ้าลักษมีลาวัณ ขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ เมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2464 ขณะพระชันษาได้ 22 ปี และในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2464 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณ พร้อมกับทรงหมั้น และมีพระราชวินิจฉัยว่า จะได้ทรงทำการราชาภิเษกสมรส
พระนางเธอลักษมีลาวัณทรงมีพระสิริโฉมงดงาม ดังปรากฏในพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งพรรณนาไว้ว่า....
รูปน้องประกอบเบญจางคะลักษณะอย่าง
พิเศษพิสุทธิ์สตรี
ประภัสสรพรรณฉวีเกศางามมี
ละเลื่อมสลับแดงปน
เนตรแม้นดาราน่ายลระยับอยู่บน
นภางคะเวหา
ส่วนพระกิริยาอัธยาศัย ก็งดงามนัก ดังพระราชนิพนธ์ ความว่า....
งามพร้อมจริตกริยาไพเราะวาจา
จะตรัสก็หวานจับใจ
เย็นฉ่ำน้ำพระหฤทัยสุจริตผ่องใส
สอาดประเสริฐเลิศดี
รู้จักโอบอ้อมอารีเอาใจน้องพี่
แลญาติมิตรทั่วกัน
ปราศจากฤษยาอาธรรพ์โทโสโมหัน
ก็รู้จักข่มเหือดหาย
หลังจากการเฉลิมพระยศได้เพียงหนึ่งเดือนสิบเก้าวัน พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงอภิเษกสมรสกับ "พระสุจริตสุดา" ธิดาของเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี (ปลื้ม สุจริตกุล) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2464 และทรงตัดสินพระราชหฤทัย "แยกกันอยู่" กับพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักษมีลาวัณซึ่งยังมิได้อภิเษกสมรสกัน ต่อมาพระองค์เจ้าลักษมีลาวัณก็ได้รับโปรดเกล้าสถาปนาขึ้นเป็น พระนางเธอลักษมีลาวัณ เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2465 เสมือนรางวัลปลอบพระทัย
หลังจากนั้นพระนางเธอลักษมีลาวัณก็ทรงพอพระทัยที่จะแยกพระตำหนักไปประทับอยู่ห่างจากเจ้าพี่เจ้าน้อง แม้เจ้าพี่เจ้าน้องจะคอยมาสนใจความเป็นอยู่แต่พระองค์ก็มิได้นำพา โดยรับสั่งด้วยสำนวนติดพระโอษฐ์ว่า "I don't care" ทรงประทับอยู่อย่างสันโดษ และเพื่อเลี่ยงความเงียบเหงาพระนางจึงทุ่มเทไปกับงานพระนิพนธ์ และการเขียนบทละครร้องและการรื้อฟื้นคณะละครปรีดาลัยของพระบิดา ทั้งนี้หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้รับส่วนแบ่งจากพระราชมรดก อาทิ เพชร, ทอง, สังวาล, กระโถนทอง และพานทอง
พระนางเธอลักษมีลาวัณในช่วงบั้นปลายแห่งพระชนม์ชีพ ทรงฉายพระรูปขณะมีพระชนมายุ60พรรษา
และเมื่อยิ่งมีพระชนมายุที่สูงขึ้นก็ทรงพอพระทัยในความวิเวกสันโดษ ทรงเก็บพระองค์ในพระตำหนักลักษมีวิลาศไม่มีพระประสงค์จะพบปะสังสรรค์กับผู้ใด พระนางทรงเป็นมเหสีที่ทรงอาภัพยิ่งแม้ตอนช่วงสุดท้ายของพระชนม์ชีพ ก็สิ้นพระชนม์ด้วยความเดียวดายและเศร้าสลดน่าสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่ง
เหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์
เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2504 เวลา 15:30น. พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ ทรงได้รับโทรศัพท์แจ้งจากนางสาวแน่งน้อย แย้มศิริ นิสิตบัญชีปี3จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยถวายงานเป็นข้าในพระนางเธอลักษมีลาวัณ ในพระตำหนักลักษมีวิลาศ ว่าน่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในพระตำหนัก เนื่องจากเธอได้ไปกดออดเรียก และโทรศัพท์เข้าไปแต่ไม่มีผู้รับสาย
เมื่อเสด็จในกรมฯ ทรงทราบจึงเสด็จโดยรถยนต์ส่วนพระองค์มายังพระตำหนักลักษมีวิลาศ สี่แยกพญาไทโดยด่วน ปรากฏว่าบนพระตำหนักเงียบวังเวงปราศจากผู้คนอาศัยอยู่ ด้วยความร้อนพระทัยจึงได้เสด็จขึ้นไปชั้นบนพระตำหนักเพื่อตามหาพระนางเธอฯ พระขนิษฐา(น้องสาว) เสด็จในกรมฯ ทรงพระวิตกว่าพระนางเธอฯ จะได้รับอันตราย จึงทรงตรวจค้นห้องพระบรรทม พบเครื่องฉลองพระองค์และพระราชทรัพย์ถูกรื้อกระจาย แล้วจึงเสด็จลงมาตรวจบริเวณพระตำหนักอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมเปล่งพระสุรเสียงเรียกพระนางเธอฯ ตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีเสียงขานรับอย่างใด
พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ พระเชษฐาในพระนางเธอลักษมีลาวัณ
หมายเหตุ...อย่าสับสนกับพระนามของพระบิดาของพระองค์นะครับ พระบิดาของพระองค์ทรงมีพระนามว่า "พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์"
เสด็จในกรมฯ ไม่ทรงพบใครอยู่ภายในพระตำหนักแต่กลับได้กลิ่นเหม็นเหมือนกลิ่นเน่า จึงเสด็จดำเนินตามกลิ่นไปถึงโรงรถบริเวณหลังพระตำหนัก เมื่อเสด็จถึง ถึงกับทรงตะลึง ทรงพบพระศพของพระนางเธอ ในสภาพเน่าอืด แล้วจึงทรงเร่งมาแจ้ง นายร้อยเวรสถานีตำรวจพญาไท เพื่อให้ชันสูตรพระศพโดยด่วน
เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้ชำนาญได้เริ่มลงมือชันสูตรพระศพซึ่งเริ่มส่งกลิ่น พบว่าที่พระวรกายบริเวณพระอุระพบบาดแผลฉกรรจ์คล้ายถูกแทงอย่างโหดเหี้ยม 4แผล ที่พระศออีกแผลหนึ่ง ที่พระเศียรด้านหลังนั้นถูกตีจนน่วมมีพระโลหิตไหล สิ้นพระชนม์บนพื้นคอนกรีต เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสิ้นพระชนม์มาแล้วไม่ต่ำกว่า ๓ วัน แล้วจึงส่งพระศพไปยังแผนกนิติเวช เพื่อชันสูตรอีกชั้นหนึ่ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตรวจหาร่องรอย ภายในพระตำหนักอย่างละเอียด พบกรรไกรเปื้อนครอบโลหิตตกอยู่กลางห้องพระบรรทม เงินส่วนพระราชสมบัติหายไปโดยไม่ทิ้งไว้แม้จนบาทเดียว ที่ตู้เซฟเก็บเครื่องฉลองพระองค์ ที่เก็บเครื่องประดับต้นตระกูลแต่ครั้งรัชกาลที่ ๑ มูลค่านับล้านบาท ยังคงอยู่ในสภาพปกติ สันนิษฐานว่าคนร้ายไม่อาจหากุญแจไขได้สำเร็จเพราะต้องรีบเตลิดหนีก่อนที่จะมีคนมารู้เห็นเข้า
หนังสือพิมพ์ลงข่าวเหตุการณ์พระนางเธอลักษมีลาวัณถูกลอบปลงพระชนม์
เกี่ยวกับพระศพของพระนางเธอที่พบนั้น เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าการที่พบพระศพอยู่บริเวณโรงรถติดกับห้องคนรับใช้นั้นเป็นการพรางตา คาดว่ากลุ่มฆาตกรน่าจะสังหารตั้งแต่บนห้องบรรทมชั้นบน เพราะพบคราบพระโลหิตติดอยู่ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้วจึงช่วยกันลากพระศพมาทิ้งไว้ที่โรงรถก่อนที่จะหลบหนีไป
ภายหลังผู้ต้องหาถูกจับกุมได้โดยได้รับการแจ้งจากร้านทองที่รับจำนำของมีค่า ว่ามีผู้ต้องสงสัยนำเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาจักรี จุลจอมเกล้าและตราอื่นๆ จึงสามารถตามจับกุมได้ ต่อมาถูกพิพากษาประหารชีวิตแต่ให้การรับสารภาพ ระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน
ในภาพคือ พระรูปพระนางเธอพระมเหสีในรัชกาลที่6 และผู้ต้องหานายแสง นายวิวัช อดีตผู้รับใช้ภายในวัง
หมายเหตุ.... ภาพอาคารในรูปนั้นไม่ใช่ตำหนักลักษมีวิลาศของพระองค์นะครับ แต่เป็นอาคารตรงข้าม เนื่องจากไม่เคยปรากฏภาพตัวพระตำหนักใหญ่
บริเวณพระตำหนักลักษมีวิลาศ แยกพญาไท ปัจจุบันถูกรื้อทั้งหมด เพื่อสร้างตึกสมัยใหม่
เครดิต; face bookคลังประวัติศาสตร์ไทย ,http://www.clipmass.com/story/76667, pantip และ wikipedia เรียบเรียงโดยคุณชายชุน
ที่มา:
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
230 VOTES (4.5/5 จาก 51 คน)
VOTED: มยุริญ ผดผื่นคัน, brawut, Melodies of Life, Databased
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
"เหมย หมึกเป็นซาซิมิ" แฉผัวตัวดีแอบกินกิ๊กเด็กในร้าน
10 ประเด็นร้อนฉ่าที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุดในปี 2568
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
"กล้วยหอม" จากผลไม้พื้นบ้านสู่สินค้าเปลี่ยนโลก
คุกกี้เสี่ยงทาย... ทายนิสัยความขี้อ้อนของคนเกิดทั้ง 7 วัน
เตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัวHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หมอปลาย พรายกระซิบ รีเทิร์นแบบฮาๆ! ทำนายพลาดทัวร์ลงหนัก ขอโทษยกมือไหว้ วอนชาวเน็ตให้โอกาสแก้ตัว ไม่งั้นเลิกดูดวงไปจับผีเต็มตัวซะเลย!
ไทยยันคำเดิม “เขมรต้องหยุดยิงก่อน” เสธ.ทบ. ลั่นกู้คืนพื้นที่ได้ 90% แล้ว เหลืออีกนิดเดียวยึดคืนได้ทุกพื้นที่
พุทธศิลป์แนวใหม่หรือวัตถุนิยม? กระแสวิจารณ์ "หัวใจพระพุทธเจ้า" ทรงอนาโตมี
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ








