ลูกชายที่ดี อย่างวันเฉลิม
"เขาว่ากันว่า ถ้าเป็นลูกชายที่ดี เหมือนมีพระมีเทวดามาโปรด"
ลูกชายที่ดี ในบัญญัติ 10 ประการ มีดังนี้ คือ
1. เป็นผู้นำโดยอัตโนมัติ - คิดเอง พูดเอง ทำเอง ถ้าคิดว่าทำถูกต้องไม่จำเป็นต้องทำตามใครเลย
2. รักพ่อรักแม่ให้เท่ากัน - อย่าลำเอียงว่ารักใครฝ่ายไหนมากกว่ากัน ต่อให้ฝ่ายไหนทำผิดก็ไม่แคร์ (ดูอย่างวันเฉลิิมก็ยังรักแม่มั่นคง)
3. ศรัทธาในความดีงาม - รักในสิ่งที่ถูกต้อง สิงไหนไม่ดีอย่ายุ่งเกี่ยว จะทำให้ชีวิตตกต่ำ
4. ขยันมานะอดทน - ความขยันทำให้เด็กชายตัวน้อยๆ จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ร่ำรวย และกลายเป็น เถ้าแก่น้อยได้
5. อย่าหลงผิดกับหญิงทราม - ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะรักลูกชายได้ดีเท่าคนเป็นแม่ ดังนั้น เมียจึงไม่สามารถตีตัวมาเสมอกับแม่ได้
6. ตั้งใจเรียน สู้เพื่อพ่อแม่ - พ่อแม่ทุกคน ถ้าหากว่าลูกตัวเองแล้วยิ่งถ้าเป็นลูกชายเรียนเก่ง คนรอบข้างต่างพากันสรรเสริญยกย่อง
7. ประหยัดเท่าที่จะได้ - ดีที่ลูกชายไม่ต้องไปหมดเงินกับการแต่งตัวแต่งหน้า แต่งสบายๆแต่ก็มีเสน่ห์ล้นหลามแล้ว
8. ตอบแทนพระคุณเลี้ยงดูพ่อแม่ - เพราะพวกท่านคือผู้สร้างเราและผู้ให้กำเนิดเรามาเป็นมนุษย์ได้
9. อย่าคบเพื่อนเลว - เพราะเพื่อนเลวไม่เคยหวังดีกัับเรา คนที่คอยให้คำแนะนำก็คือ ครอบครัวเราและจิตสำนึกที่ดีของเราเอง
10. บวชเพื่อเสริมบารมีและทดแทนพระคุณบิดามารดา - การบวช คือ หน้าที่ของลูกชายเท่านั้น
{ความรู้เพิ่มเติม}
ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีอัตราการเกิดทารกเพศชายสูงที่สุดในโลก และมีแนวโน้มว่าจีนจะกลายเป็นมหาอำนาจอันดับ1ของโลกแทนที่อเมริกาในไม่ช้า ผลวิจัยนี้ได้นำมาจากเว็บไซต์ Sina.com ซึ่งเป็นเว็บท่า (Portal) อันดับหนึ่งของประเทศจีนที่กล่าวถึงความเชื่อและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับ ‘ความลับ’ ในการกำหนดเพศของเด็กชาย ที่อยู่ในท้อง ในวงเล็บ ‘โดยใช้ความรักที่ยิ่งใหญ่ในครอบครัว’
หลายๆคนย่อมทราบดีอยู่แล้วว่า การเกิดของเพศ มาจากพ่อเป็นหลัก แต่นั่นเอง ทำให้ต้องคิดค้นต่อยอดไปว่า ความรัก อารมณ์ของผู้เป็นพ่อนั้น มีส่วนกำหนดเพศของลูกได้ด้วย เพราะใครๆต่างก็รู้ดีอยู่แล้ว(โดยเฉพาะผู้ชาย) ว่าระดับความเข้มข้นของน้ำอสุจิ เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาจากอารมณ์ของผู้ชาย
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีการวิเคราะห์ในด้านอื่นๆที่น่าสนใจ จึงมีผลการทดสอบ-วิจัยเชิงวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง มีดังนี้
1. คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ถ้ามีความจำดี ทารกที่คลอดออกมามักจะเป็นเพศชาย!!!
นีล วัตสันศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและทีมงานวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยไซมอน เฟรเซอร์ (Simon Fraser University) ประเทศแคนาดา โดย ศ.วัตสัน ทำการวิจัยเป็นเวลา 18 เดือน เพื่อทดสอบความสามารถในการรับรู้ของสตรีตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดบุตรออกมาแล้ว โดยในระหว่าง 18 เดือน ได้มีการทดสอบความสามารถในการฟัง ความสามารถในการจดจำ และความสามารถในการคำนวณ รวม 8 ครั้ง
ผลการวิจัยปรากฏว่า ว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งท้องเด็กผู้ชายนั้นมีความจำที่ดีกว่าว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งท้องเด็กผู้หญิงอย่างเห็นได้ชัดทั้งก่อนและหลังการคลอด โดยมีผลคะแนนในการทดสอบต่างๆ ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
2. หากภรรยามีสามีที่รักและดูแลจริงๆ ทารกที่คลอดออกมามักจะเป็นเพศชาย!!!
ดร.คาร์ล นอร์เบิร์ก นักวิจัยด้านการแพทย์แห่งศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐฯ (NBER) ได้ทำการศึกษาจากกลุ่มตัวอย่างซึ่งเป็นสตรีมีบุตร 86,436 คน พบว่า ถ้าหากก่อนคลอดบุตร สามีและภรรยาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน อัตราการคลอดทารกออกมาเป็นเพศชายจะสูงกว่ากรณีที่ภรรยาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวถึงร้อยละ 14
ดร.นอร์เบิร์ก สรุปด้วยว่า การที่คู่สามีภรรยาจะได้ทารกเพศใดนั้นไม่เกี่ยวพันกับแรงปรารถนาของพ่อแม่ ไม่เกี่ยวกับอายุของพ่อแม่ ไม่เกี่ยวกับระดับการศึกษาของพ่อแม่ รวมทั้งไม่เกี่ยวข้องกับระดับรายได้อีกด้วย
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ในสภาวะที่สังคมพัฒนาไปเป็นครอบครัวเชิงเดี่ยวมากขึ้น มีอัตราการหย่าร้างสูงขึ้น และจำนวนคุณแม่ที่เป็น Single Mom เพิ่มขึ้น สัดส่วนการเกิดของทารกเพศชายกลับลดลง ขณะที่สัดส่วน การเกิดของทารกเพศหญิงกลับเพิ่มขึ้น เพราะทั้งหมดนี่คือ ครอบครัวพื้นฐานที่ไม่สมบูรณ์นั่นเอง!!!!!
จะเห็นชัดได้ว่า การเกิดทารกเพศชาย ขึ้นอยู่กับความรักที่ดีของครอบครัวนั้นๆ มากกว่าการเกิดทารกเพศหญิงที่ครอบครับมักจะหย่าร้างกันไป เป็นเหตุจูงใจให้บุตรสาวหลายๆคน ไม่ค่อยชอบผู้เป็นบิดามักโทษว่าไม่รักรวมไปถึงมองผู้ชายในด้านลบ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ใครจะไปรู้สาเหตุที่แท้จริงของการหย่าร้างกันได้ดีไปกว่า ผู้เป็นพ่อและแม่ของบุตรเอง
สรุป โดยเฉลี่ยแล้ว ลูกชายมักจะมีครอบครัวที่แสนดีและอบอุ่นมาก
3. ระหว่างตั้งครรภ์ หากรับประทานธัญพืชและอาหารที่มีประโยชน์มากๆ ทารกที่คลอดออกมามักจะเป็นเพศชาย!!!
จากการศึกษาพฤติกรรมการรับประทานของสตรีมีครรภ์จำนวน 740 คน โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์และมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดประเทศอังกฤษ พบว่า ในตอนเช้าระหว่างตั้งครรภ์สตรีที่ชอบ รับประทานธัญพืช (Cereal) ก็มีโอกาสที่จะคลอดทารกเพศชายสูงกว่าเพศหญิง โดยผลการวิจัยระบุว่าสตรีมีครรภ์ที่นิยมทานอาหารเช้าที่ให้พลังงานสูง ร้อยละ 59 จะคลอดทารกออกมาเป็นเพศชาย ขณะที่สตรีมีครรภ์ที่ไม่ชอบทานธัญพืชเป็นอาหารเช้ามีโอกาสในการคลอดทารกเพศชายต่ำกว่ามาก หรือเพียงร้อยละ 43 เท่านั้น
การศึกษาวิจัยดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า พฤติกรรมการบริโภคของคุณแม่ระหว่างตั้งครรภ์นั้นมีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ไม่เฉพาะเรื่อง ความสมบูรณ์แข็งแรงของทารกเท่านั้น แต่ยังอาจรวมถึงเพศของทารกด้วย
สรุปได้ว่า ความแข็งแรงและโภชนาการที่ดีของคุณแม่ที่มีมาก จะได้ลูกชาย