เลสเบี้ยน ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ของสังคม
เมื่อปี 1925 เวอร์จิเนีย วูล์ฟ นักเขียนหญิงชาวอังกฤษเคยพรรณาถึงความรักที่มีต่อเพื่อนสาวของเธอ วิตา แซควิลล์ เวสต์ ไว้ในไดอารีของเธอ ซึ่งต่อมาได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่
นั่นหมายถึงว่าในปี 1925 วูล์ฟยอมรับว่าตัวเองเป็น "เลสเบี้ยน" ด้วยความรู้สึกชื่นชมในความเป็นอิสระและ ทรงอำนาจ ของตนเอง หลังจากนั้นอีก 3 ปี เธอก็เขียนนวนิยายเรื่อง Orlando ซึ่งเป็นเรื่องราวของชายที่จู่ ๆ ก็กลายเป็นหญิง และเธออุทิศหนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญแห่งรักแด่วิตา
เรื่องอย่างนี้ไม่เคยปรากฎขึ้นก่อนศตวรรษที่ 20 ก่อนหน้านี้ ประวัติศาสตร์ของเลสเบี้ยนเงียบกริบ ไม่มีการพูดถึง ไม่มีการแสดงความพึงพอใจ และไม่มีการเขียนถึง ราวกับไม่มีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ประวัติศาสตร์ ของ วรรณกรรมเลสเบี้ยนพลอยเงียบเหงาไปด้วย
อันที่จริงเรื่องราวของผู้หญิงรักผู้หญิงมีมานานแล้ว แต่ประสบการณ์ของสตรีเหล่านั้นล้วน ถูกปิดบังซ่อนเร้น อยู่เสมอมา แม้ว่าบางครั้ง เราอาจได้ยินเรื่องราวของมิตรภาพแสนหวานระหว่างหญิงกับหญิง หรือเรื่องของผู้หญิง ที่แต่งกาย และทำงานได้ราวกับชาย แต่กลับไม่เคยปรากฎเรื่องของเลสเบี้ยน
ประวัติศาสตร์ของเลสเบี้ยนกับเกย์นั้นแตกต่างกันมาก โดยทั่วไปแล้ว รักร่วมเพศระหว่างชายกับชายจะถูก มองว่าเป็นเรื่องอันตราย น่าเกลียดชังและผิดกฎหมาย แต่เลสเบี้ยนเป็นเรื่องของสตรีเพศ เมื่อเพศหญิงเป็นเพศ ที่ไร้พลังอำนาจใด ๆในสังคม เรื่องของรักร่วมเพศหญิงจึงถูกมองว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญไปโดยปริยาย
ความที่กฎเกณฑ์ของสังคม กำหนดให้ชาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือสามี เป็นผู้มอบสถานะให้หญิง ความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ระหว่างหญิงด้วยกัน จึงมิได้สั่นสะเทือนอำนาจของเพศชาย เด็กสาวที่เคยร่วมเตียงกันจึงถูกละเลย และเพิกเฉยไปได้ และถูกมองว่านั่นเป็นเพียงช่วงผ่านสั้น ๆก่อนที่เธอจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่โดยสมบูรณ์
ในศตวรรษที่ 1 กฎหมายของอังกฤษทำให้หญิงเลสเบี้ยนไม่มีตัวตนอยู่จริงในสังคม พระราชบัญญัติเกี่ยวกับ โฮโมเซ็กช่วลในปี 1885 กล่าวถึงแต่"ผู้ชาย"เท่านั้น มิได้รวมผู้หญิงเข้าไปด้วย สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์ ระหว่างหญิงกับหญิง ยังมิได้เป็นที่ยอมรับของสังคม แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ในอังกฤษ ผู้หญิงคนหนึ่งไม่สามารถ หย่าขาดจากสามีได้ หากคนรักใหม่ของเธอเป็นหญิง
ทว่าขณะที่กฎหมายยังไม่ยอมรับการดำรงอยู่ของเลสเบี้ยน ในทางการแพทย์กลับยอมรับแล้วนับตั้งแต่ปี 1869 แนวคิดของนักวิทยาศาสตร์สมัยนั้น ที่มองเห็นเด็กหญิงที่ชอบแต่งกายเหมือนผู้ชาย พูดจาโผงผาง และเป็นที่รักใคร่ ชอบพอของผู้หญิงด้วยกันสภาวะเช่นนี้เป็นความผิดปกติเป็นความเบี่ยงเบน
เลสเบี้ยนในสมัยนั้น นอกจากจะถูกนิยามด้วยคำดังกล่าวแล้ว ยังถูกกล่าวหาว่าเป็น"ผู้ป่วยทางจิต" เป็นคนบ้า และโหดเหี้ยม วิปริต เป็นฆาตรกรอีกต่างหาก
ทอมดี้เลส ถูกเรียกกันมาแต่ดั้งเดิมว่า "อัญจารี" มาจากคำว่า อัญ บวกกับ จารีต ตรงกับภาษาอังกฤษว่า เลสเบี้ยน (Lesbain)
แต่คำว่า Lesbian สำหรับผู้หญิงไทยแล้วดูเหมือนจะสร้างความรู้สึกในด้านลบ ทั้งๆ ที่ก้อเป็นเพียงศัพท์ธรรมดา
ที่แสดงความหมายชัดเจนดี ในต่างประเทศคำว่า Lesbian ไม่ได้มีความหมายเป็นลบเลย
จึงบอกได้ว่าเป็นแค่คนไทยเท่านั้นที่รู้สึกว่า คำว่า Lesbian มีความหมายในแง่ลบ
ส่งผลให้ทอม-ดี้ ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็น lesbian ทั้งๆ ที่การเป็นทอมหรือดี้ ก้อคือ หญิงรักหญิง และก้อคือ Lesbian นั่นเอง
ทอม เป็นหญิงรักหญิงที่ไม่ได้พึงพอใจความเป็นหญิงในตัวเอง การแต่งตัว ก้อจะแต่งตัวไม่ให้มีความเป็นหญิงมากนัก
หรือจะเป็นชายไปเลยก็ได้ รวมไปถึงสิ่งของเครื่องประดับด้วย
คุณดี้เคยสังเกตุพฤติกรรมของ คุณทอมมั้ยค่ะว่า ทอมมีนิสัยที่ห้าวหาญกว่าหญิงสาวทั่วไปแต่ก็ไม่มากมายนัก
เหตุผลหลักที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะกฏเกณฑ์ ของสังคมและครอบครัว ทำให้เธอทั้งหลายต้องปกปิดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบ
ต่อชีวิตและหน้าที่การงาน ระดับความเป็นทอมมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับระดับการแสดงออกถึงการเป็นชาย
ทอมที่แสดงความเป็นผู้ชายมากก็จะถูกมองว่ามีความเป็นทอมมาก
เล่าความมายของทอมมาก็มากแล้ว มาดูความหมายของ ดี้ กันค่ะ
คำว่า "Lady" เป็นคำที่ตั้งขึ้นกันเอง ในหมู่ทอมดี้ไทย เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ใช้สำหรับเรียกผู้หญิง ที่รักชอบทอม
เป็น เรื่องยากสำหรับทุกคน ที่จะมองว่าผู้หญิงคนไหนเป็นดี้หรือไม่ เพราะเธอเหล่านี้เป็นหญิงสาวธรรมดาทั่วไป จะรู้สึกได้ต่อเมื่อเธอแสดงความสนใจทอม ด้วยเสน่หาอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าดี้จะชอบผู้หญิงที่มีความเป็นชาย ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะชอบผู้ชายในแง่เสน่หา
เธอเป็น เพื่อนกับผู้ชายได้ แต่ไม่สนที่จะเป็นคู่รักกับชายเลย ถึงแม้ว่าชายคนนั้นจะหล่อเหลาหรือดูดีมากแค่ไหน และที่สำคัญดี้ไม่ชอบที่จะเข้าใกล้ผู้ชาย ดี้หลายคนบอกว่ามองเห็นผู้ชายจะรู้สึกเฉย ๆ แต่ถ้าได้เห็นทอมแล้ว จะรู้สึกตื่นเต้น และในใจจะแอบกรี๊ดกร๊าด หรือบางคนจะเก็บความรู้สึกไม่อยู่แสดงออกทางสายตาหรือสีหน้าได้ทันที
ดี้เป็น สาวที่มีความมั่นใจในตนเองสูง เลือกที่จะมีความสุขกับคนรักอย่างเต็มที่ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหญิง ไม่สนใจกับคำกล่าวหาหรือครหาจากคนรอบข้าง
จะเห็นดี้มายมายที่เดินควงกับทอม และไม่สนใจสายตาผู้พบเห็น ว่ากันว่าดี้มี ความเป็นหญิงมากกว่าผู้หญิงทั่วไป เป็นผู้หญิงเกินร้อย พิถีพิถันในด้านต่าง ๆ รวมถึงการแต่งตัว ที่มักจะแต่งตัวให้ทันสมัย เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดด้วยความมั่นใจ
แล้วทอมดี้ แบ่งออกกี่ประเภทน๊าส์
สงสัยกันแล้วใช่มั้ยค่ะ ว่า เพื่อนเนี๊ย จัดอยู่ใน หมวดไหน
กลุ่มคนที่เป็นวันเวย์ - ในเรื่องบนเตียงฝ่ายทอมจะเป็นผู้กระทำฝ่ายเดียว ฝ่ายดี้ก้อจะเป็นผู้ถูกกระทำเท่านั้น พูดชัดๆ เข้าใจง่ายๆ ก้อคือดี้เป็นคนเดียวที่มีความสุขสมสำเร็จความใคร่เพียงคนเดียว ทอมก้อเก็บกดต่อไป ดูดี้สุขสมอารมณ์หมายแล้วตัวเองก้อสุขใจที่ทำให้คู่ตนเองขึ้นสวรรค์ได้ ทอมบางคนก้อเก็บกดจนอาจจะตายด้านไปแล้วก้อได้ บางคนก้อแอบช่วยตัวเองด้วยหลายวิธี เช่น แอบเอาเป้าตัวเองเสียดสีกับที่นอน หรือ หมอน หรือ ต้นขาของคู่นอน ในขณะที่กำลังกระทำให้คู่นอนของตนเอง แบบว่าไม่ให้คู่รู้ว่าแอบช่วยตัวเองด้วยไง หรือบางคนก้อจะลุกไปเข้าห้องน้ำช่วยตัวเองภายหลัง แบบไหนจะยอดฮิตก้อบอกไม่ได้นะคะ
กลุ่มคนที่เป็นทูเวย์ - ในเรื่องบนเตียง ทั้งสองฝ่ายจะช่วยกันทำให้ต่างฝ่ายต่างมีความสุขสุขทั้งคู่ จะผลัดกันทำหรือทำพร้อมกันก้อเป็นไปได้หมด
รู้เรื่องรามของทอมดี้ไปแล้ว มาดูเรื่องรามของสาวเลสบ้างค่ะ
เลสเบี้ยน แบ่งได้ดังนี้
เลสคิงและควีนจะมีพฤติกรรมบนเตียงแตกต่างกัน แต่เหมือนทอมดี้วันเวย์ คือเลสคิงจะเป็นฝ่ายทำฝ่ายเดียว
เลสควีนจะเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียว
เลสทูเวย์ คือ เลสทั่วไปที่มีมาก่อนหน้านี้
ไบ คือ คนที่รักและใคร่ได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย ไม่จำกัดว่าผู้หญิงพวกนี้จะชอบทอมหรือเลส แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน
เลสไบ คือเลสธรรมดาทั่วไป ที่มัก ชอบ เสน่หาได้ทั้งผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน และตัวเองก้อยังสามารถรักชอบผู้ชายได้
(มีอะไรบนเตียงได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิงค่ะ)