ไม้ตายจัดการเจ้าหนี้นอกระบบ อย่างอยู่หมัด
เจ้าหนี้หน้าเลือดต้องเจอ พี่บัวขาว รับรองน็อคทุกราย
มาตรการที่ภาครัฐนำมาใช้จัดการกับเจ้าหนี้นอกระบบอยู่ในปัจจุบันก็จะมีทั้งไม้นวม ไม้แข็ง เริ่มจากไม้นวมก็คือ การเรียกเจ้าหนี้นอกระบบที่ถูกร้องเรียนมาเจรจา อย่างเช่น กรณีที่ฟ้องลูกหนี้ 240,000 บาท เจ้าหนี้ต้องรู้อยู่แก่ใจว่าจริง ๆ แล้วลูกหนี้กู้เงินไปเท่าไร จะยอมตัดลดหนี้ให้ลูกหนี้หรือไม่ โดยจะชี้แจงให้ฟังว่า
ประมวลรัษฎากร ม. 91/2(5) ได้บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดประกอบธุรกิจเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ เช่น ให้กู้ยืมเงิน มีรายได้จากดอกเบี้ย ต้องปฏิบัติดังนี้
1. ขอจดทะเบียนธุรกิจเฉพาะ ถ้าไม่จดทะเบียนถือว่าผิด
2. ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราร้อยละ 3 บวกกับภาษีบำรุงท้องถิ่นอีก ร้อยละ 0.3 รวมเป็น ร้อยละ 3.3
3. กรมสรรพากรจะตรวจสอบย้อนหลัง 10 ปี หากเจ้าหนี้ไม่เคยยื่นแบบเสียภาษีว่าเคยมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ เจ้าหนี้ก็จะมีความผิดที่แจ้งฐานภาษีเงินได้ผิดไปจากความเป็นจริง ต้องเรียกชำระเงินเพิ่มอีกหนึ่งเท่า ค่าปรับอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือน จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าปรับต้องย้อนหลังไป 10 ปี (120 เดือน)
การใช้มาตรการทางภาษีเช่นนี้ ยากที่เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบจะปฏิเสธได้ว่าไม่เคยมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ เพราะหลักฐานมีชัดเจน ก็คำพิพากษาที่เจ้าหนี้ใช้ฟ้องบังคับคดีเอากับลูกหนี้นั่นแหละ แล้วจะปฏิเสธได้อย่างไรว่าไม่เคยมีรายได้จากดอกเบี้ยเงินกู้ เมื่อเจอหมัดสวนอย่างนี้ เจ้าหนี้เงินกู้หลายรายก็ต้องยอมเจรจาตัดลดหนี้ให้กับลูกหนี้ นอกจากมาตรการทางภาษีแล้ว ก็ยังมีกฎหมายเกี่ยวกับความผิดที่เรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และความผิดฐานกรรโชกทรัพย์และฟอกเงิน ซึ่งจะนำไปสู่การยึดทรัพย์สินของนายทุนเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหดต่อไป