หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ปริศนาธรรมงานศพ...คุณรู้หรือยัง ?

โพสท์โดย โกษยา

             ในยุคนี้ที่ความเชื่อไม่ค่อย มีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของคนไทยมากมายเหมือนเมื่อก่อนพิธีกรรมต่าง ๆ ที่คนโบราณเคยถือปฏิบัติกันมา ก็ดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปกับกาลเวลาทุกวัน ทุกวันด้วยความคิดของคนที่เปลี่ยนไป และเห็นว่าพิธีกรรมเดิม ๆ ที่เคยทำกันมานั้นแสนจะยุ่งยากมากความซะเหลือเกินและพิธีกรรมเกี่ยวกับการทำศพก็คงเป็นหนึ่งในนั้นนั่นแหละค่ะ เพราะสมัยนี้เวลามีคนตายเมื่อไหร่.. วัด ก็ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ที่รับหน้าที่ทำศพไปอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่าได้เอาไปเทียบกับสมัยก่อนเชียวนะคุณ ๆ เพราะสำหรับคนโบราณแล้วกว่าจะถึงขั้นตอนการเผาศพหรือฝังศพได้เนี่ย ก็ต้องทำนู่นนี่อีรุงตุงนังมากมายเลยทีเดียวค่ะ
              แต่ขั้นตอนของการทำศพในสมัยก่อนจะต้องทำอะไรบ้างก่อนหลัง คงไม่ขอพูดถึงดีกว่าเพราะมันคงยาวยืดไปหลายตอนเลยทีเดียว.. เอาเป็นว่าครั้งนี้ ขอหยิบยกเรื่องราวเกี่ยวกับการทำศพของคนสมัยก่อนที่ไม่มีให้เห็นแล้วในสมัยนี้มาเล่าให้เด็กสมัยใหม่ฟังกันดีกว่าว่าแล้วก็ไปดูกันว่า พิธีกรรมการทำศพที่เลือนหายไปแล้วน่ะมีอะไรบ้าง

  

1. เงินปากผี สมัยก่อนคนโบราณจะนำเงินพดด้วงผูกเชือกใส่ไว้ในปากศพ ด้วยความเชื่ออยู่ 3 อย่างค่ะ
                      หนึ่ง คือ เป็นปริศนาธรรมว่าคนตายไปแล้ว แม้แต่เงินทองก็เอาไปไม่ได้ 
                      สอง คือ เป็นค่าจ้างให้กับสัปเหร่อ เพราะเจ้าภาพต้องวุ่นอยู่กับการต้อนรับแขก 
ไม่มีเวลาเอามาให้สัปเหร่อโดยตรง เลยเอาเงินค่าจ้างใส่ปากศพไว้ให้สัปเหร่อล้วงเอาไปนั่นแหละ
                      สาม คือ เป็นค่าจ้างสำหรับผู้นำดวงวิญญาณของคนตายไปสู่โลกของวิญญาณ

2. หมากปากผี คนโบราณจะตำหมากใส่ปากศพเพื่อเป็นปริศนาธรรมว่า นอกจากคนตายจะเอาทรัพย์สินไปไม่ได้แล้ว แม้แต่หมากที่คนโบราณชอบเคี้ยวกันทุกวัน พอตายไป ต่อให้ป้อนให้ก็ไม่สามารถเคี้ยวได้อีกต่อไปเหมือนกัน

3. อาบน้ำศพ คำว่าอาบน้ำศพของคนโบราณ คือการอาบน้ำทั้งตัวเลยค่ะ โดยจะต้มน้ำแล้วใส่สมุนไพรต่าง ๆ ลงไป จากนั้นรอให้น้ำอุ่นก่อนค่อยเอามาอาบน้ำให้ศพ แล้วค่อยอาบด้วยน้ำเย็นอีกครั้ง ก่อนฟอกด้วยขมิ้นชันเป็นอันเสร็จพิธีส่วนพิธีรดน้ำที่มือศพที่หลายคนเรียกกันว่าอาบน้ำศพในสมัยนี้ ต้องเรียกว่า รดน้ำศพ ถึงจะถูกค่ะ

4. ประตูป่า ก็ คือประตูที่ทำเพื่อเอาศพออกโดยเฉพาะ ซึ่งสมัยก่อนคนโบราณจะรื้อฝาบ้านแล้วเอากิ่งไม้มาปักไว้แล้วรวบเป็นซุ้ม แล้วค่อยนำศพออกจากบ้าน โดยเอาปลายเท้าศพออกก่อน เพื่อไม่ให้ศพเห็นบ้านได้ ซึ่งพอเอาศพออกไปแล้ว เค้าก็จะรื้อประตูป่าทิ้งทันที แล้วปิดฝาบ้านที่ทำแบบนี้ เพราะเชื่อว่าวิญญาณคนตายจะหาทางเข้าบ้านไม่ได้นั่นเอง(สมัยนี้ จะให้ทุบกำแพงบ้านที่เป็นปูนก็กระไรอยู่.. ก็มันไม่ได้ทำด้วยไม้เหมือนแต่ก่อนนี่หว่า)
5. บันไดผี นอก จากศพจะออกทางประตูไม่ได้แล้ว ยังลงบันไดเดียวกับคนเป็นไม่ได้ด้วยค่ะดังนั้นเมื่อเอาศพออกจากบ้านแล้ว ต้องทำบันไดชั่วคราวไว้สำหรับขนศพลง พอขนศพลงปุ๊บ ก็รื้อบันไดออกทันที ด้วยความเชื่อเดียวกันว่า จะทำให้วิญญาณกลับบ้านไม่ได้ให้ไปอยู่ในโลกของวิญญาณ ไม่ต้องห่วงลูกห่วงอะไรทางโลกคนเป็นอีก

 

6. บอกทางวิญญาณ เป็น พิธีที่ทำขณะขนศพไปวัด โดยญาติจะบอกทางกับศพไปตลอดทางว่าเลี้ยวซ้ายนะ เลี้ยวขวาแล้วนะ เพื่อให้วิญญาณตามศพไปค่ะ พิธีนี้ยังเห็นเค้าทำกันอยู่บ้างแถบภาคอีสานค่ะ ในภาพนี้เป็นพิธีการนำขบวนศพเข้าสู่ป่าช้าของทางภาคเหนือตอนบน ซึ่งนิยมใส่ปราสาทตามฐานะของผู้วายชนม์

7. ซัดข้าวสาร ปัดเสนียดจัญไร สมัยโบราณตอนเอาศพออกจากบ้าน ถือว่าต้องปัดความอัปมงคลออกจากบ้านด้วยการซัดข้าวสารพร้อมคาถา เพื่อให้ความอัปมงคลจากไปพร้อมกับศพค่ะ
8. โปรยข้าวสารตอก ขณะ เคลื่อนศพไปวัด คนโบราณจะโปรยข้าวสารตอกเป็นปริศนาธรรมให้กับคนเป็นว่า คนเราตายแล้วไม่ฟื้น ก็เหมือนข้าวสารตอกที่โปรยลงดินแล้วไม่งอกขึ้นได้นั่นแหละ

9. จุดเทียนขี้ผึ้ง แต่ก่อนพอคนตายแล้ว ยังไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าตายจริงหรือเปล่าดังนั้นคนโบราณจะใช้การจุดเทียนขี้ผึ้งแล้วรอจนกว่าเทียนดับ ถ้าเทียนดับแล้วไม่ฟื้นก็แสดงว่าคนตายแน่แล้ว ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาได้อีกค่ะ และแฝงไว้ว่าชีวิตของคนเราก็เปลี่ยนเสมือนเทียน  เมือจุดไฟเทียนมันก็ละลายไปเรื่อย ๆ  เหมือนชีวิตคน เป็นการย้ำให้คิดทำความดี

10. หวีผมแล้วหักหวี เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่ามีที่ไหนยังทำอยู่หรือเปล่านะคะ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนเค้าจะหวีผมให้ศพ โดยหวี 3 ครั้ง หวีไปข้างหน้าซีกหนึ่ง ข้างหลังซีกหนึ่ง สำหรับคนเป็นและตายเสร็จแล้วจะหักหวี อันนี้เป็นปริศนาธรรมอีกว่า หวีดี ๆ พอถูกหักก็ใช้การไม่ได้อีกเหมือนชีวิตคนนั่นแหละ

 

"ทุกสรรพสิ่งย่อมสอนเรา"

 

 

ที่มา: http://www.dhammajak.net/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
โกษยา's profile


โพสท์โดย: โกษยา
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
8 VOTES (4/5 จาก 2 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"เหมือนเป๊ะ! แตงโมจัดเต็มโคฟเวอร์ 'เจ๊มิ่ง' แซ่บเวอร์ทุกดีเทล"น้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่นโบราณสถานอายุกว่า 1,300 ปี แห่งไซบีเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยปริศนาที่รอคำตอบเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3 มาแน่! คนทั่วไปรับผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กระตุ้นเศรษฐกิจปี 2568
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
น้ำใจยิ่งใหญ่! หนุ่มไร้เงินขอติดรถกลับบ้าน เจอผู้ให้เต็มคันสุดอบอุ่น
ตั้งกระทู้ใหม่