กรุงเทพเมืองแฟชั่น โครงการดีๆ ที่อยากให้กลับมาอีกครั้ง
นักออกแบบ เรียกร้องให้รัฐบาลส่งเสริมโครงการกรุงเทพเมืองแฟชั่นให้กลับมาอีกครั้ง พร้อมใช้วิกฤตในสหรัฐ ให้เป็นประโยชน์กับสินค้าแฟชั่นของไทย
หลังจาก “กรุงเทพ เมืองแฟชั่น” หนึ่งในโครงการยอดฮิตสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หายเงียบไปนานแสนนาน แต่มาวันนี้รัฐบาลของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” กำลังขุดโครงการนี้เข้ามาใหม่ เพื่อสร้างความคึกคักให้กับเศรษฐกิจกันอีกครั้ง
หากโครงการฯไม่ล่มไปก่อน ตามแผนเดิมเชื่อว่าในปี 48 ไทยคงเป็นศูนย์กลางแฟชั่นและศูนย์กลางธุรกิจแฟชั่นในอาเซียนไปแล้ว จากนั้นปี 50 กรุงเทพฯ ก็เป็นศูนย์กลางธุรกิจแฟชั่นในเอเชีย หรือแฟชั่นเมืองร้อน และปีนี้ก็เป็นศูนย์กลางแฟชั่นอีกแห่งหนึ่งของโลกได้อย่างสบาย
ขณะที่บางกลุ่มมองว่ามันเป็นเพียงการแข่งกันฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ จึงไม่แปลกที่รัฐบาลถัด ๆ มา จึงยกเลิกไป เพราะงบฯที่อนุมัติไปนั้น เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า และหลายฝ่ายมองว่าฝันเฟื่องเกินความจริง เพราะเน้นประชาสัมพันธ์มากกว่าเน้นความสัมฤทธิผล ที่สำคัญหากต้องการเป็นศูนย์กลางของโลกตอนนี้คงสู้ฮ่องกง ญี่ปุ่น หรือแม้แต่สิงคโปร์คงยาก ส่วนประเทศฝรั่งเศส อิตาลี คงไม่ต้องพูดถึง เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากกว่าไทย และพื้นฐานด้านการพัฒนาออกแบบเค้ามีมาตั้งนาน
โดยนายอานนท์ ไพโรจน์ เจ้าของบริษัท อานนท์ ไพโรจน์ ดีซาย สตูดิโอ จำกัด กล่าวว่า โครงการนี้ส่งผลดีต่อวงการออกแบบของไทย เพราะเป็นการส่งเสริมให้นักออกแบบสร้างสรรค์ผลงานได้ตรงความต้องการตลาด เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่นำวิกฤติสหรัฐที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ให้เป็น โอกาสส่งเสริมธุรกิจการออกแบบของไทย เพราะขณะนี้ค่าเงินของสหรัฐเอื้อต่อการค้าของไทยมาก และขอให้เร่งทำการค้ากับประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงการส่งเสริมโครงการ กรุงเทพเมืองแฟชั่นให้กลับมาอีกครั้ง และควรทำแบบจริงจังให้เห็นผลแบบ ยั่งยืนมากขึ้น
สำหรับสินค้าไลฟสไตล์ที่เข้าร่วมโครงการนี้ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์ จนเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก เช่น เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ อานนท์ ไพโรจน์,ดอทส์ และ NOV.05 เป็นต้น
ถ้าโครงการ "กรุงเทพ เมืองแฟชั่น" ไม่ล่มไปก่อนเราอาจเห็นกรุงเทพฯ เป็นศุนย์กลางด้านแฟชั่นในทวีปเอเชีย ทัดเทียมเกาหลี ญี่ปุ่น ฮ่องกง ก็เป็นไปได้
ขอบคุณ
voice tv
คุณอัจฉราวรรณ
คุณมนัส แวววันจิตร