10 อันดับปรากฎการณ์ธรรมชาติสุดประหลาด
1) พายุที่ไม่มีวันดับ
“สาย ฟ้าแห่งคาตาทุมโบ” (Catatumbo Lightings) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นบริเวณปากแม่น้ำคาตาทุมโบ ส่วนที่ต่อกับทะเลสาป Maracaibo ในประเทศเวเนซุเอรา เมฆพายุขนาดใหญ่และสายฟ้าที่ยาวกว่า 5 กิโลเมตรนี้ จะเกิดขึ้นประมาณ 140 ถึง 160 วันต่อปี และสายฟ้านี้จะผ่าติดต่อกันได้ถึงวันละ 10 ชั่วโมง และมากที่สุดถึงชั่วโมงละ 280 ครั้ง ข้อมูลล่าสุดบอกว่า หลังจากที่ได้เกิดขึ้นติดต่อกันมานานเป็นศตวรรษ (เท่าที่มีการบันทึก) สายฟ้านี้ได้หายไปตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2553 ซึ่งน่าจะเกิดมาจากความแห้งแล้งอย่างหนัก ทำให้เป็นที่กังวลว่าปรากฏการณ์ธรรมชาตินี้อาจหายไปได้
2) ฝนปลา
ฝน ปลา หรือที่ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า “Lluvia de Peces” นั้นเป็นปรากฏการณ์เหลือเชื่อที่เกิดขึ้นติดต่อกันมาเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้วในประเทศฮอนดูรัส โดยจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงกรกฏาคมของทุกปี ในเขตเมือง Yoro ทางตอนเหนือของประเทศ ตามปรกติจะเริ่มจากเมฆดำแล้วตามด้วยฟ้าผ่า, ลมพายุ, และฝนตกหนักราว 2-3 ชั่วโมง ซึ่งหลังจากฝนหยุดไปแล้ว จะพบปลาเป็นๆ หลายร้อยตัวดิ้นพรวดๆ อยู่บนพื้นดิน ซึ่งชาวบ้านจะจับไปทำเป็นอาหาร เชื่อกันว่าปรากฏการณ์นี้เกิดจากพายุหอบพัดปลาจากมหาสมุทธขึ้นไปแล้วพัดตกลง มาบนแผ่นดิน
3) แพะบนต้นไม้
แพะ ไม่ว่าที่ไหนบนโลกจะหากินบนพื้น แต่ในประเทศโมรอคโคนั้นคงเป็นที่เดียวในโลกที่แพะชอบที่จะปีนต้นไม้เพื่อหา อาหาร??? ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าแพะที่นี่ชอบกินผลของต้น Argan หรือที่รู้จักกันว่า Goat Tree ซึ่งเป็นต้นไม้พุ่มที่ขึ้นทั่วไปในโมรอคโค ชาวนาก็จะตามฝูงแพะเพื่อไปเก็บเมล็ดของต้น Argan (แพะย่อยไม่ได้) ซึ่งสามารถนำมาสกัดทำน้ำมันที่มีคุณค่าทางอาหารสูงและเป็นสินค้าส่งออกราคา แพงอันเป็นที่ต้องการของบริษัทผู้ผลิตน้ำหอมในยุโรป
4) ฝนเลือด
ใน ช่วงเดือนกรกฏาคมถึงกันยายนของปี 2544 ได้มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นในเมืองเคลาลาของอินเดีย นั่นคือมีฝนสีแดงตกลงมาทั่วทั้งฟ้า นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำฝนที่เก็บได้แล้วพบว่าสิ่งที่ ตกลงมานั้นไม่ใช่เลือดตามที่ชาวเมืองเข้าใจ แต่เป็นน้ำที่มีตะกอนฝุ่นสีแดงในปริมาณมากจนทำให้น้ำมีสีแดงคล้ายเลือด
5) รุ้งเพลิง
คน ส่วนใหญ่จะรู้จักรุ้งกินน้ำว่าเป็นแถบสีรูปโค้งบนท้องฟ้าหลังฝน แต่ถ้ารุ้งกินน้ำไม่ได้เป็นรูปโค้งล่ะ? คงจะเป็นสิ่งที่ผิดหูผิดตาผู้คนไม่น้อย รูปแบบที่แปลกตาและหาดูยากที่สุดเห็นจะเป็นสิ่งที่รู้จักกันในชื่อ รุ้งเพลิง (Fire Rainbow) ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับเปลวเพลงสีรุ้งพาดผ่านท้องฟ้า ปกติจะเห็นเป็นแถบขนานไปกับขอบฟ้า แต่อาจเปลี่ยนไปขึ้นกับตำแหน่งที่เกิด
6) เมฆตะปุ่มตะป่ำ
Mammatus Cloud หรือที่บางทีเรียกว่า เมฆตะปุ่มตะป่ำ (Bumpy Cloud) เป็นปรากฏการณ์ที่มักเกิดตอนมีพายุหรือทอร์นาโด มักเกิดขึ้นในช่วงตอนกลางและตะวันออกของสหรัฐฯ เมฆจะปรากฏพื้นผิวที่เรียบและดูตะปุ่มตะป่ำเหมือนกับฟองน้ำ ซึ่งรูปลักษณ์ที่แปลกตานี้เกิดจากส่วนผสมของน้ำแข็งกับน้ำในก้อนเมฆ
7) คลื่นทวนแม่น้ำ
คุณ อาจแปลกใจว่าสถิติของคลื่นที่มีความยาวที่สุดในโลกนั้นไม่ได้เกิดในทะเล แต่เกิดขึ้นในแม่น้ำ?? ในช่วงระหว่างเดือนกุมภาพัทธ์ถึงมีนาคมของทุกปี น้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกจะดันน้ำบริเวณปากแม่น้ำอเมซอนในบราซิลให้ไหลกลับ เข้าไปในแม่น้ำ ทำให้เกิดคลื่นที่อาจสูงได้ถึง 4 เมตรเคลื่อนที่ทวนแม่น้ำกลับเข้าไปในแม่น้ำได้ลึกถึง 13 กิโลเมตร (จากปากแม่น้ำ) ซึ่งคลื่นที่ยาวที่สุดนั้นเกิดขึ้นในปี 2546 ซึ่งวัดความยาวคลื่นได้ถึง 12 กิโลเมตร และเกิดขึ้นนานถึง 37 นาที เป็นหนึ่งในสถานที่เล่นกระดานโต้คลื่นยอดนิยม
8) ตะวันดำ
ใน ช่วงก่อนตะวันตกดินในฤดูใบไม้ผลิของทุกปีของประเทศเดนมาร์ก จะมีกลุ่มก้อนสีดำเคลื่อนที่ผ่านขอบฟ้าและมีการเปลี่ยนรูปร่างระหว่าง เคลื่อนที่ สิ่งนี้รู้จักกันในชื่อ ตะวันดำ (Black Sun) แต่ที่จริงนั้นเป็นกลุ่มของนกอพยพชนิดหนึ่งที่เรียกว่า startlings ซึ่งบินจากที่ต่างๆ มารวมตัวกันก่อนที่จะเคลื่อนย้ายไปยังบริเวณแพร่พันธุ์ในแถบสแกนดิเนเวีย
9) เสาลำแสง
เสา ลำแสง (Light Pillar) เป็นภาพลวงตาที่เกิดขึ้นการสะท้อนของผลึกน้ำแข็งขณะที่พระอาทิตย์อยู่บริเวณ ขอบฟ้า ทำให้เห็นเป็นลำแสงพุ่งตรงขึ้นไปบนท้องฟ้า ซึ่งนอกจากแสงอาทิตย์แล้วปรากฏการณ์นี้ยังสามารถเกิดได้จากแหล่งกำเนิดแสง อื่นเช่น แสงจันทร์ หรือ แม้กระทั่งแสงไฟบนถนน
10) รุ้งพระจันทร์
ถ้า การที่รุ้งกินน้ำพาดผ่านท้องฟ้ายามกลางวันอาจฟังเป็นเรื่องแปลกสำหรับบางคน แต่รุ้งที่เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วนี่นับว่าแปลกยิ่งกว่า Moonbow หรือ รุ้งพระจันทร์ นี้เป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงและเกิดในบางสถาน ที่เท่านั้น หนึ่งในสถานที่ที่ดีที่สุดที่จะเห็นรุ้งนี้ได้คือ น้ำตก Cumberland Falls ในรัฐเค็นตั๊กกี้ของสหรัฐฯ รุ้งประเภทนี้เกิดจากแสงที่สะท้อนมาจากดวงจันทร์ จึงมีสีที่ค่อนข้างซีดและมักจะเกิดขึ้นในทิศทางตรงข้ามกับพระจันทร์