ปิรามิด พลังงานและความลับของจักรวาล ตอน 5/8
ตอนที่แล้วเพื่อนๆ ได้เห็นความน่าอัศจรรย์แห่งมหาปิรามิดแล้วใช่ไหมครับ เป็นความชาญฉลาดของผู้สร้างในยุคนั้นจริงๆ เลยนะครับ ไม่รู้ว่าไปเอาศาสตร์ต่างๆ มารวมตัวเพื่อสร้างปิรามิดได้อย่างไรทั้งด้านสถาปัตยกรรม วิศวกรรมศาสตร์ และดาราศาสตร์ ซึ่งผมว่าเรื่องดาราศาสตร์คงเป็นกลุ่มหลักที่เป็นตัวกำหนดให้สถาปนิก และวิศวกรสร้างให้เป็นไปตามแบบที่ต้องการ วันนี้เรามาดูความมหัศจรรย์ของปิรามิดกันต่อดีกว่าครับว่ามีอะไรให้น่าตื่นเต้นอีก
ความมหัศจรรย์จากการทดลองพลังปิรามิด
ในสหรัฐมีการวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ จนกระทั่งมีการคั้งศูนย์วิจัยเกี่ยวกับปิรามิดขึ้น
ดร. โบริส เวอร์น (Dr. Boris Verm) ผู้อำนวยการโครงการวิจัยได้ทำการทดลอง โดยใช้ปิรามิดจำลองความสูงเพียง 10 นิ้ว ขึ้นแรก เขาใช้ไข่ดิบวางไว้ในปิรามิดจำลอง และหลังจากนั้นก็คือ ไข่ได้เกิดการแข็งตัวและเหือดแห้งภายในเวลาเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้นเองครับ และปรากฏว่าเชื้อราต่าง ๆ ที่มักจะเกิดตามเปลือกไข่ไม่เติบโตขึ้นเลย และหากนำไปไว้นอกปิรามิด แล้วเชื้อราจะเติบโตอย่างรวดเร็วครับ การทดลองอันนี้ได้ทดลองซ้ำๆ กันหลายครั้งและใช้วัสดุอื่นๆ เช่น ดอกไม้ ผลไม้ ผัก และสัตว์ต่างๆ เช่นปลา และแมลงต่างๆ
อีกท่านหนึ่งคือ เวอร์น คาเมรอน นักวิจัยชาวคาลิฟอร์เนีย ทำการทดลองกับเนื้อหมูกับปิรามิดจำลอง โดยทดลองกับเนื้อหมูประมาณ 2 ออนซ์ (56.6 กรัม) และไขมันดิบอีก 1 ออนซ์ (28.3 กรัม) และวางไว้ในปิรามิดจำลองอีกแล้ว และที่ที่จะทำให้มันเน่าเปื่อยได้เร็วที่สุด เขานำปิรามิดจำลองนี้ไปไว้ในห้องน้ำครับ ต่อมาเขาก็นำไปไว้ในห้องที่มีอากาศร้อน และห้องที่มีไอน้ำมาก เพื่อให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
ในการเฝ้าดู เขาสังเกตว่าวันที่ 3 จะมีกลิ่นเหม็นจากเนื้อหมู คล้ายๆ กับจะมีการเน่าเปื่อยเกิดขึ้น แต่พอ 6 วัน กลิ่นนั้นก็หายไปและเนื้อหมูแห้งโดยไม่มีการเน่าเปื่อยเลยครับ เป็นเวลาหลายเดือน เนื้อหมูก็ไม่เน่าเปื่อย ยังสามารถนำมาทานได้อีก
คาเมรอนยังได้ทดลองกับแตงโมอีก ก็วางไว้ในปิรามิดจำลองเช่นเดิม ไว้ในห้องน้ำอีกครั้งครับ จากนั้นเพียง 2-3 วัน ปรากฏว่าแตงโมจะเหือดแห้ง แต่ยังสามารถทานได้และไม่เน่าเปื่อยครับ นอกจากนั้นเขาก็ยังทดลองกับน้ำนม หรือของเหลวอื่น ๆ อีกมากมายครับ
เขาพยายามค้นหาสาเหตุเขาจึงได้ประดิษฐ์ เครื่องวัดแสงรังสี (Aurameter) ขึ้น ใช้สำหรับวัดรังสีสนามพลังของวัตถุ เขากล่าวว่าพลังงานที่แผ่ขยายจากยอดปิรามิดจำลองอันเล็กๆ มีลักษณะคล้ายกับโครงสร้างของหินชั้นบนของปิรามิด ซึ่งมีสนามพลังแผ่กระจายลงมาถึงฐานลงมาเป็นแนวตั้ง
พลังปิรามิดแห่งอียิปต์ เซอร์ ดับบลิว ซีแมนส์
อีกหนึ่งความสามารถของปิรามิดในการแสดงปฏิกิริยา เหมือนเครื่องสะสมไฟฟ้าสถิตครับ เซอร์ ดับบลิว ซีแมนส์ นักประดิษฐ์ค้นคว้าชาวอังกฤษ เขาเคยไปสัมผัสกับความลึกลับของมหาปิรามิดในอียิปต์มา ในขณะที่เขายืนอยู่ภายในห้องเก็บศพอียิปต์ ตรงกับยอดของปิรามิดเขาพบว่า เมื่อใดที่เขาชูมือทั้งสองข้างขึ้นและกางนิ้วออก โสตประสาทของเขาได้ยินเสียงกังวาลเบาๆ จากเบื้องบนของปิรามิด แต่ที่น่าตกใจอีกแล้ว เขายกมือขึ้นแล้วใช้นิ้วชี้ตรงไปยังยอดของปิรามิดเขามีความรู้สึกคล้ายๆ กับ ถูกเข็มจิ้มที่ปลายนิ้วครับ ต่อมาเขาก็ยกขวดไวน์ ที่ติดตัวดื่มแก้กระหาย ก็เกิดอาการกระตุกบริเวณปากขวด ขณะแตะริมฝีปาก และเขาใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ที่เปียกชื้นพันรอบ ๆ ขวด ปรากฏว่า มีการอาการกระตุก เกิดจากไฟฟ้า และขวดไวน์นั้นก็กลายเป็นเครื่องสะสมไฟฟ้าที่เรียกว่า ลีเดน จาร์ (Leyden Jar)
The Leyden Jar
ลีเดน จาร์ เป็นเครื่องทดลองสะสมไฟฟ้ายุคแรกที่ประกอบด้วย ขวดแก้วมีแผ่นดีบุกไว้ทั้งภายในและภายนอก
แผ่นดีบุกที่อยู่ข้างในติดกับแท่งโลหะ มีปลายเป็นปุ่มโลหะ
นักฟิสิกส์หลายคนเชื่อว่า ปิรามิดไม่เพียงแต่จะเป็นสิ่งสะสมพลังงานเท่านั้นครับ มันยังสามารถกระจายพลังอำนาจต่างๆ ออกไปอีกด้วย จากวัตถุใดๆ ก็ตามที่มีการสั่นสะเทือนของคลื่นความถี่แห่งพลังงานนั้นๆ ก็จะมีความสามารถเกิดปฏิกิริยาทางฟิสิกส์ขึ้นมาครับ คลื่นความถี่นี้จะปรับกับระดับความถี่ของธรรมชาติ เช่นพลังงานแม่เหล็กโลก พลังงานคอสมิก จนกระทั่งก่อให้เกิดพลังงานชนิดใหม่ขึ้นมาครับ น่าทึ่งจริง ๆ
เป็นยังไงบ้างครับ สนุกไหมครับกับตอนที่ 5 มีเพื่อนคนไหนได้ลองทำปิรามิดจำลองดูบ้างมั๊ยครับ ผมว่าจะลองทำก็ยังไม่ได้ทำเลยครับ ถ้าทดลองทำแล้วได้ผลในทางบวกจะนำมาลงให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน สำหรับเพื่อนๆ ที่อ่านแล้วมีอะไรเพิ่มเติมก็ยินดีนะครับ เพราะจะได้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านหรือเยาวชนที่เข้ามาศึกษาหาความรู้ ยังเหลืออีก 3 ตอน อย่าลืมติดตามนะครับ ขอบคุณครับ
เรียบเรียงโดย พรชัย สังเวียนวงศ์ (mata)
ที่มา: ufokaokala.com