ไทยสวนกลับสะเทือนปราสาทตาควาย หลังถูกถล่มอาวุธหนัก–จวกกัมพูชาละเมิดอนุสัญญา

เมื่อครู่นี้ ดิฉันได้อ่านข่าวหนึ่งซึ่งต้องบอกว่า ทำให้หัวใจหายวาบและรู้สึกเป็นห่วงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างยิ่งค่ะ ด้วยเหตุการณ์ที่มีความตึงเครียดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และครั้งนี้ดูเหมือนจะยกระดับความรุนแรงจนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

จากรายงานของกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธหนัก ไม่ว่าจะเป็น BM-21 รวมถึงปืนใหญ่ ยิงเข้ามายังฝั่งไทยแทบไม่ขาดช่วง สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วแนวเขตแดน และที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ กัมพูชานำ ‘ปราสาทตาควาย’ ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญ ไปใช้เป็นฐานปฏิบัติการทางทหาร

ดิฉันอ่านแล้วถึงกับสะท้านใจ เพราะโบราณสถานคือมรดกทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ไม่ควรถูกนำไปใช้เป็นพื้นที่ทางทหารตามหลักสากลอยู่แล้ว ซึ่งการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการละเมิด อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 ในการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในภาวะพิพาททางอาวุธอย่างชัดเจน และดูเหมือนว่าฝ่ายกัมพูชาจะกระทำเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่องโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อโบราณสถานแต่อย่างใด

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.30 น. ทางกองทัพไทยจำเป็นต้อง ยิงตอบโต้ไปยังฐานปฏิบัติการของกัมพูชาที่บริเวณปราสาทตาควาย หลังถูกโจมตีด้วยอาวุธหนักอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง เป็นปฏิบัติการที่ทำเพื่อป้องกันประชาชนและอธิปไตยของชาติอย่างเลี่ยงไม่ได้

ดิฉันยอมรับว่า เมื่ออ่านรายงานนี้แล้วก็รู้สึกกังวลใจอย่างมาก เพราะสถานการณ์เริ่มเห็นชัดว่ากำลัง “ลุกลาม” และกระทบต่อทั้งความมั่นคงและมรดกทางวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ ไม่ว่าจะเป็นของฝ่ายใดก็ตาม

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ดิฉันภาวนาให้สถานการณ์คลี่คลายลงโดยเร็ว
ให้ความปลอดภัยของพี่น้องตามแนวชายแดนเป็นสิ่งที่มาก่อน และหวังว่าทั้งสองประเทศจะกลับมาพูดคุยอย่างสันติ เพื่อลดการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อยค่ะ

หากท่านใดมีข้อมูลจากพื้นที่จริง หรือมีญาติพี่น้องที่กำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์ สามารถมาแบ่งปันเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นได้นะคะ ดิฉันเชื่อว่าหลายคนกำลังเป็นห่วงเช่นเดียวกับดิฉันค่ะ 🙏