หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กำเนิดมวยไทยสากลและตำนานนักชกผู้บุกเบิก

โพสท์โดย Thai Weapon Channel

เมื่อพูดถึง "มวยไทย" ภาพจำของคนส่วนใหญ่คือศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ดุดัน มีเอกลักษณ์ และสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ด้วยประวัติศาสตร์ที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมไทย เรามักเชื่อว่านี่คือวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นจากปรมาจารย์ชาวไทยเองโดยสมบูรณ์ แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด...ไม่ได้มาจากครูมวยชาวไทย แต่มาจากนักชกฟิลิปปินส์คนหนึ่งที่นำ 'อาวุธ' ที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเข้ามาสู่สังเวียน?

บทความนี้จะพาไปสำรวจจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ที่น่าประหลาดใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอิทธิพลจากแดนไกลได้เข้ามาผสมผสานและพลิกโฉมหน้าของมวยไทยไปอย่างสิ้นเชิง

จุดเปลี่ยนจากแดนไกล: นักชกฟิลิปปินส์ผู้พลิกโฉมวงการมวยไทย

เรื่องราวการปฏิวัติมวยไทยครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นกับชายคนหนึ่ง—นักมวยชาวฟิลิปปินส์นามว่า แบตตลิ่ง กิลโมร์ (Battling Gilmor) การมาถึงของเขาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมพอดี กล่าวคือหลังปี พ.ศ. 2470 วงการมวยไทยกำลังเฟื่องฟู มีการเปิดสนามมวยแห่งใหม่อย่าง สวนสนุก ซึ่งกระตือรือร้นในการนำนักมวยต่างชาติเข้ามาสร้างสีสันบนสังเวียน กิลโมร์เดินทางเข้ามายังประเทศไทยจากการชักชวนของ นายแอ ม่วงดี นักมวยไทยมุสลิมที่ได้พบเจอกับเขาขณะตระเวนชกมวยในแถบแหลมมลายู

กิลโมร์ไม่ได้เป็นเพียงนักมวยสากลฝีมือดี แต่เขายังหันมาฝึกฝนและขึ้นชกในกติกามวยไทย โดยนำสไตล์การชกแบบมวยสากลสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้อย่างชาญฉลาด ความสามารถของเขาร้ายกาจถึงขนาดที่สามารถเอาชนะหรือเสมอกับยอดมวยไทยแห่งยุคได้หลายคน ไม่ว่าจะเป็น สะเล็บ ศรไขว้ นักมวยเอกตั้งแต่ยุคคาดเชือกเวทีสวนกุหลาบ หรือ เสงี่ยม จุฑาเพชร เจ้าของฉายา "พยัคฆ์ร้ายแห่งสังเวียน" ความเก่งกาจของเขาถูกบันทึกไว้ในหนังสือพิมพ์ น๊อคเอาท์ ในช่วงปี พ.ศ. 2473-74 ว่า

“เสือร้ายแห่งชาติฟิลิปปีโน ผู้ได้สังหารนักมวยทั้งเทศและไทยไปหลายคนแล้ว... เขาเป็นนักมวยร่างค่อนข้างเล็ก ขนาด 9 สโตนกว่า ๆ แต่ก็ปราดเปรียว รวดเร็วราวกับแมวป่าตัวยง มีพิษสงอย่างร้ายกาจอยู่ที่หมัดขวาขว้างในทำนองเดียวกับแมวตบ”ต้นตำรับสไตล์ใหม่: "เจ้าหนูปรมาณู" นักชกตัวเล็กผู้ปฏิวัติวงการมวยโลก

สไตล์การชกที่แบตตลิ่ง กิลโมร์ นำมาใช้และสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการมวยไทยนั้น ไม่ใช่สไตล์มวยสากลแบบดั้งเดิมที่เน้นการยืนปักหลักจดจ้องเพื่อหาจังหวะแลกหมัด แต่เป็นสไตล์ที่ปฏิวัติวงการซึ่งมีต้นแบบมาจาก จิมมี่ ไวลด์ (Jimmy Wilde) นักชกชาวอังกฤษร่างเล็กเจ้าของฉายา "เจ้าหนูปรมาณู" (The Mighty Atom) และ "ปีศาจหมัดค้อน" (The Ghost with a Hammer in his Hand)

ลักษณะเด่นในสไตล์การชกของจิมมี่ ไวลด์ คือการตั้งการ์ดต่ำ, การใช้ฟุตเวิร์คเต้นเข้าออกอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และที่สำคัญคือการใช้หมัดหน้าแย็บ (jab) โจมตีคู่ต่อสู้ซ้ำๆ เพื่อก่อกวนและตัดกำลัง ว่ากันว่าเขาคิดค้นสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ขึ้นมาจากการสังเกต "การเล่นกับแมว" สไตล์ของไวลด์ถือเป็นการปฏิวัติวงการมวยสากลอย่างแท้จริง และเป็นที่กล่าวขานว่าแม้กระทั่งยอดมวยในตำนานอย่าง มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali) ก็ยังใช้สไตล์การชกที่คล้ายคลึงกันในยุคต่อมา

"หมัดหนูไต่ราว" อาวุธใหม่ที่สร้างตำนานและความเจ็บปวด

เทคนิคที่โดดเด่นและสร้างผลกระทบต่อวงการมวยไทยมากที่สุดที่กิลโมร์นำมาใช้ก็คือ "หมัดแย็บ" ซึ่งนักมวยไทยในสมัยนั้นยังไม่เคยพบเจอมาก่อน และได้ตั้งชื่อให้มันว่า "หมัดหนูไต่ราว"

ความร้ายกาจของหมัดหนูไต่ราวนี้ไม่ได้เป็นเพียงคำกล่าวอ้าง แต่ได้สร้างประวัติศาสตร์อันน่าสะเทือนใจ เมื่อ ครูพูน พระขรรค์ชัย ยอดมวยไทยแห่งยุค ต้องเผชิญหน้ากับกิลโมร์ และพิษสงของหมัดหนูไต่ราวทำให้ดวงตาของท่านข้างหนึ่งต้องบอบช้ำจนสูญเสียการมองเห็นไปในที่สุด เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิผลของเทคนิคใหม่ที่นักมวยไทยยังหาทางรับมือไม่ได้ จนปรมาจารย์มวยอย่าง ครูบัว วัดอิ่ม ถึงกับต้องเขียนกลอนสอนวิธีแก้ทางมวยนี้ไว้ว่า:

“หมัดหนูไต่ราวต้องยาวแทง”

นี่ไม่ใช่แค่คำแนะนำเชิงกวี แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์การป้องกันตัวขั้นพื้นฐานที่เกิดขึ้นจากความจำเป็นเพื่อเอาตัวรอดจากอาวุธชนิดใหม่นี้ ซึ่งหมายถึงการใช้เท้าถีบสกัดเพื่อรักษาระยะ ไม่ให้คู่ต่อสู้เข้ามาใช้หมัดแย็บได้อย่างต่อเนื่องนั่นเอง

จาก "มวยไทย" สู่ "มวยไทยสากล" การผสมผสานที่ยังคงอยู่

อิทธิพลของแบตตลิ่ง กิลโมร์ ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเปลี่ยนอุปกรณ์จากการคาดเชือกมาเป็นการสวมนวม แต่มันคือการเปลี่ยนแปลง "สไตล์" การชกของมวยไทยไปโดยสิ้นเชิง นักมวยไทยรุ่นหลังได้เริ่มนำเอาวิธีการใช้ฟุตเวิร์คและการใช้หมัดแย็บมาปรับใช้จนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ ดังที่เห็นได้จากสไตล์ของ สุริยา ลูกทุ่ง ที่ถูกบรรยายไว้ว่า "...เริ่มเต้นฟุตเวิร์คกรีดกรายเหมือนนางระบำผู้เชี่ยวชาญ...โยกตัวหลบโอนไปเอนมา จนหมัดหุ้มนวมของคู่ต่อสู้แหวกว่ายอยู่ในอากาศอันว่างเปล่า..."

ภาพการปะทะกันระหว่างมวยสองสไตล์ที่ชัดเจนที่สุดคือการชกกันระหว่าง "ยักษ์สุข" สุข ปราสาทหินพิมาย นักมวยสไตล์เก่าที่เน้นความหนักหน่วง กับ "เทพบุตรสังเวียน" ชูชัย พระขรรค์ชัย ศิษย์ของครูพูนผู้เคยลิ้มรสความเจ็บปวดจากหมัดหนูไต่ราวมาแล้ว ชูชัยใช้ฟุตเวิร์คและหมัดแย็บเข้าทำและหลบหลีกอย่างต่อเนื่อง จนยักษ์สุขที่เดินหน้าไล่กลับเป็นฝ่ายหมดแรงและพ่ายแพ้ไปอย่างขาดลอย

ด้วยเหตุนี้ อาจารย์โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ จึงได้สรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า มวยไทยที่เราเห็นกันในปัจจุบันจึงไม่ใช่ "มวยไทยเดิม" อย่างที่เข้าใจกัน แต่ควรจะถูกเรียกว่า "มวยไทยสากล" ซึ่งเป็นการผสมผสานหลักการของมวยสากลเข้ามาในรากฐานของมวยไทยเดิม

ทำนองเดียวกับที่เราเรียกเพลงสมัยใหม่ ซึ่งเอาหลักการดนตรีฝรั่งมาใช้ว่า “เพลงไทยสากล” นั่นเอง

เรื่องราวของแบตตลิ่ง กิลโมร์ และการเปลี่ยนแปลงของมวยไทย คือตัวอย่างที่น่าทึ่งของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ที่ไม่ได้ทำลายรากเหง้าเดิม แต่กลับเข้ามาเสริมสร้างและพัฒนาศิลปะการต่อสู้ให้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง การนำสไตล์การชกแบบใหม่เข้ามาไม่ได้ลบเลือนความเป็นมวยไทย แต่ได้เพิ่มมิติและความซับซ้อนให้กับการต่อสู้ จนกลายเป็นรูปแบบที่แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในระดับสากลดังเช่นทุกวันนี้

คำถามที่น่าขบคิดทิ้งท้ายก็คือ การยอมรับและปรับตัวต่ออิทธิพลจากภายนอกเช่นนี้ อาจเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ 'มวยไทย' ยังคงเป็นศิลปะการต่อสู้ที่มีชีวิตและแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้ใช่หรือไม่?

 

โพสท์โดย: Thai Weapon Channel
อ้างอิงจาก: หนังสือ ตำราแม่ไม้มวยไทย การกำเนิดมวยไทยสากลมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนแปลงกฎกติกาจากการคาดเชือกมาใช้ถุงมือ การใช้เวที และการนับคะแนนแบบสากล ตำราหรือหนังสือที่บันทึกประวัติศาสตร์มวยไทยอาจกล่าวถึงจุดเปลี่ยนนี้, หนังสือ BOXING A HISTORY OF THE FIGHT GAME FROM 1700-2005 เป็นหนังสือประวัติศาสตร์มวยสากลโลก แม้จะไม่ใช่ไทยโดยตรง แต่จะช่วยให้เห็นบริบทของมวยสากลที่แพร่หลายเข้ามาในประเทศไทยและเป็นรากฐานของ "มวยไทยสากล" รวมถึงอาจมีเนื้อหาส่วนที่กล่าวถึงมวยไทยในฐานะศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่ง
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Thai Weapon Channel's profile


โพสท์โดย: Thai Weapon Channel
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวนไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้วคลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หากไม่ลงทะเบียน ใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ได้ เริ่ม 20 ธ.ค.- 5 ม.ค. 69สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่นด่วน ปภ.แจ้งเตือนสงขลา ฝนตกหนัก 3 อำเภอ ระวังน้ำท่วมและดินถล่มจึ้งตั้งแต่ช็อตแรก! “เบสท์ รักษ์วนีย์” ปล่อยภาพชุดว่ายน้ำวันพีซ ริมสระ ทำไอจีลุกเป็นไฟ 🔥ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติดทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
จึ้งตั้งแต่ช็อตแรก! “เบสท์ รักษ์วนีย์” ปล่อยภาพชุดว่ายน้ำวันพีซ ริมสระ ทำไอจีลุกเป็นไฟ 🔥ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีนเครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจหุ้น Facebook ลงเกือบ 30% ในคืนเดียวอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีให้คะแนนไทยในการจัดซีเกมส์ 100 เต็ม 10 พร้อมส่งกำลังใจถึงทีมชาติช้างศึกหลังพลาดเหรียญทองเลขเด็ด "คำชะโนด (ปกเขียว)" งวดวันที่ 2 มกราคม 69 มาแล้ว!..ส่องเลย เลขไหนมาแรง!!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เด็กสาวคอโค้ง 90 องศา จากปากีสถาน สู่รอยยิ้มครั้งใหม่หลังการผ่าตัดในอินเดียภาพวาดดินสอดำของเด็กอนุบาล เสียงตะโกนเงียบ ๆ ที่ผู้ใหญ่ต้องฟังให้ได้เพื่อนชิ่งบิล 1,262 หยวน ทิ้งให้ “นายจาง” จ่ายคนเดียว เรื่องจริงที่สอนว่า กินข้าวต้องมีสติ ไม่ใช่แค่สั่งเมนูมารู้จักหน่วย BHQ หน่วยองครักษ์ พิทักษ์ฮุนเซน
ตั้งกระทู้ใหม่