นักเขียนยุคใหม่ ไส้ไม่แห้ง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังอยู่ในยุคที่การเขียนมีผลต่อปากท้องอย่างแท้จริง เพราะยุคนี้การเขียนไม่ได้มีไว้ใช้สำหรับการเขียนหนังสือเพียงอย่างเดียวแบบเมื่อก่อนแล้ว
หากคุณเป็นคนที่เคยคิดว่านักเขียนนั้น “ไส้แห้ง” ตอนนี้คงต้องคิดใหม่ แล้วรีบไปฝึกทักษะการเขียน เพราะไม่อย่างนั้นคุณอาจเป็นคนที่ไส้แห้งเองก็ได้
- คนที่เขียนเรซูเม่ได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสได้รับเลือกให้ทำงานมากกว่า
- คนที่เขียนขายได้เก่งกว่า ก็มีคนซื้อมากกว่า มีรายได้มากกว่า
- คนที่เขียนบทความได้เก่งกว่า ก็มีโอกาสที่จะมีผู้ติดตามมากกว่า
มีลูกเพจที่ขายของออนไลน์หลายคนส่งข้อความทางอินบ็อกซ์เข้ามาหาผม เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องการเขียนคอนเทนต์และเขียนขายสินค้า เพราะยุคนี้การขายออนไลน์แบบโพสต์รูปสินค้า เขียนข้อความทั่วไปแล้วพึ่งแต่การยิงโฆษณา ไม่ได้ผลเหมือนยุคแรกๆ อีกต่อไปแล้ว ยิ่งไวรัสโควิด-19 ระบาดหนัก ยิ่งทำให้หลายคนเข้ามาขายออนไลน์กันจนมีคู่แข่งเต็มไปหมด
สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างจากคนอื่นได้ก็คือ ความสามารถในการเขียนขาย แต่การเขียนที่ดีก็ไม่ใช่ว่าจะเขียนอะไรก็ได้ เพราะถ้าจะให้ได้ผลจริงๆ งานเขียนนั้นจะต้องมีอิทธิพลกับผู้อ่าน และต้องสามารถชี้นำให้ผู้อ่านคิดหรือทำในสิ่งที่เราต้องการได้ด้วย
ผมมีเทคนิคการเขียน 3 รูปแบบที่ผมใช้อยู่เป็นประจำมาแบ่งปันดังนี้ครับ
- เรื่องเล่า
งานวิจัยจำนวนมากพบว่าสมองของมนุษย์ชอบเรื่องเล่า และยังพบด้วยว่าสิ่งที่มนุษย์จดจำได้ดีที่สุดก็คือเรื่องเล่า ซึ่งตามประวัติศาสตร์แล้ว การเล่าเรื่องเป็นการสื่อสารรูปแบบแรกที่เกิดขึ้นบนโลก และเป็นรูปแบบการสื่อสารแรกที่เรารู้จักตั้งแต่เกิดอีกด้วย เพราะตั้งแต่เกิดมาพ่อแม่ก็เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัว ศาสนา และความเป็นไปของ
โลกนี้ให้ฟัง จะว่าไปคนเราเรียนรู้และจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้ก่อนที่เราจะอ่านหนังสือออกเสียอีก
หลายครั้งเวลาเราได้รับข้อมูลอะไรมา ไม่ว่าจะเป็นจากการฟังหรือการอ่าน จะสังเกตได้ว่าถ้าเป็นเรื่องเล่าเราจะสามารถจดจำมันได้ภายในครั้งเดียวและสามารถนำไปเล่าต่อได้เลย ต่างจากการฟังหรือ
อ่านข้อมูลทั่วไปโดยที่ไม่มีเรื่องเล่าประกอบ เราจะจำไม่ค่อยได้ นั่นจึงทำให้ทุกครั้งที่ผมเขียนอะไรที่เป็นเรื่องเล่าจะได้รับความสนใจและการแชร์มากเป็นพิเศษ
เพราะในสมองของคนเรามีเซลล์ที่เรียกว่าเซลล์ประสาทกระจกเงา ซึ่งทำให้มนุษย์สามารถสัมผัส รู้สึก เข้าใจความตั้งใจ การกระทำ และอารมณ์ของผู้อื่นได้ นั่นจึงทำให้เรื่องเล่าเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อกับความรู้สึกของคนเราได้ง่ายที่สุด แต่การจะเล่าเรื่องที่ดี ไม่ใช่การเล่าไปเรื่อยๆ ว่าวันนี้ฉันตื่นนอนขับรถไปทำงาน ทานข้าวเที่ยง แล้วกลับบ้าน ซึ่งมันไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมให้กับคนอ่านได้
เรื่องเล่าที่ดีก็เหมือนการดูหนังเรื่องหนึ่ง คือต้องมี จุดเริ่มต้น อุปสรรค ดิ้นรน และทางออกกับผู้อ่าน เพื่อให้เรื่องสมเหตุสมผล โดยข้อมูลจะมีอยู่หลักๆ 3 อย่าง
จุดเริ่มต้น คือ การเปิดเรื่อง เป็นส่วนที่คุณต้องให้ข้อมูลที่จำเป็นคือ สร้างบริบท วางฉาก แนะนำตัวละคร ซึ่งสิ่งสำคัญของส่วนนี้คืออย่ายาวจนเกินไป ควรปูเรื่องให้สั้นและตรงประเด็น
อุปสรรค คือ จุดที่ตัวละครเริ่มเจอเหตุการณ์บางอย่างที่เป็นอุปสรรค เรื่องเล่าที่ดีจำเป็นต้องมีอุปสรรคหรือสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นมันจะไม่สนุก โดยอุปสรรคนั้นมีอยู่หลักๆ 5 อย่าง คือ คน ธรรมชาติ สังคม สิ่งแวดล้อม ตัวเอง
ดิ้นรน คือ จุดที่สำคัญที่สุดของเรื่องเล่า เพราะมันสร้างอารมณ์ร่วมให้กับผู้อ่านและสามารถดึงความสนใจได้มากที่สุด โดยจุดนี้ให้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ตัวละครต้องต่อสู้กับอุปสรรคนั้นๆ ถ้าคิดไม่ออกให้ลองนึกภาพหนังเรื่องไททานิก ฉากที่ผู้คนกำลังดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดจากเรือที่พุ่งชนภูเขาน้ำแข็ง จะเห็นว่าฉากนี้เป็นฉากที่คนดูจะสนใจ เกิดอารมณ์ร่วม และลุ้นมากที่สุดจนไม่อยากลุกไปไหนเลย
ทางออก คือ จุดที่บ่งบอกว่าทางออก จุดคลี่คลายของการดิ้นรนต่อสู้กับอุปสรรคนั้นคืออะไร หรือที่เรียกง่ายๆ ว่าจุดไคลแมกซ์นั่นแหละ
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากจะเล่าเรื่องให้ทรงพลัง อย่าเล่าไปเรื่อยๆ เพราะมันจะวนไปวนมาและหาจุดจบไม่ได้ แต่ให้วางโครงเรื่องตามองค์
ประกอบนี้ให้ครบ เพราะมันจะทำให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ร่วมมากที่สุด
โดยเทคนิคนี้สามารถนำไปใช้กับการพูดก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นว่าต้องใช้กับการเขียนอย่างเดียว
- เขียนบทความ
ปัญหาส่วนใหญ่ของคนเขียนบทความ คือไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดำเนินเรื่องอย่างไร และก็หาจุดจบที่ลงตัวไม่ได้ จึงทำให้หลายครั้งต้องเสียเวลาไปกับการเขียนที่จับจุดไม่ได้
เทคนิคที่ผมใช้เป็นโครงร่างแล้วดีมาก แถมยังช่วยประหยัดเวลาในการเขียนบทความได้มาก คือการใช้หลักการ O-R-E-O MAP จากหนังสือศาสตร์แห่งการเขียนที่โน้มน้าวใจได้ทุกคน เขียนโดยชง ซุก
ซึ่งถูกแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนตามตัวย่อ ดังนี้
- Opinion (ความเห็น) นำเสนอความเห็นที่เป็นข้อสรุปของเรื่อง
- Reason (เหตุผล) พิสูจน์ข้ออ้างด้วยเหตุผลและหลักฐาน
- Example (ตัวอย่าง) ยกเหตุการณ์หรือยกตัวอย่างประกอบ
- Opinion/Offer (ความเห็น/ข้อเสนอ) การเน้นย้ำข้อสรุปของเรื่องอีกครั้ง ถ้าเป็นการขายสินค้าก็ยื่นข้อเสนอ ถ้าอยากเห็นภาพชัดขึ้นให้ลองพลิกกลับไปดูในหัวข้อ “ทักษะการบริหารเงิน" ที่ผมเล่าเรื่องเกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิต ซึ่งมีองค์ประกอบ
ของ O-R-E-O MAP ครบถ้วน
เริ่มตั้งแต่ Opinion การนำเสนอความคิดเห็นที่เป็นข้อสรุปของเรื่องคือ บัตรเครดิตไม่ใช่ตัวร้าย เพราะถ้าใช้เป็นและมีวินัยทางการเงินก็มีแต่จะได้ประโยชน์
ต่อมาผมก็ Reason พิสูจน์ข้อสรุปนั้นด้วยการใช้ Apple watchที่ได้จากสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตเป็น series 5 ราคา 16,500 บาท
หลักฐานแล้วก็ Example ยกเหตุการณ์เทคนิคการใช้บัตรเครดิตจนได้ Apple watch series 5 มาครอง ขึ้นมาประกอบจบด้วย Opinion เน้นย้ำข้อสรุปของเรื่องอีกครั้งว่า บัตรเครดิตก็เป็น
แค่เครื่องมือทางการเงินอย่างหนึ่ง ถ้าใช้เป็นมันก็ให้ประโยชน์สูงสุด แต่ถ้าใช้ไม่เป็น ไม่มีวินัย มันก็จะให้โทษ แล้วตบท้ายด้วยคําคมเพื่อให้
บทความนี้ทรงพลังมากขึ้น
การใช้เทคนิค O-R-E-O MAP เป็นโครงร่างเวลาเขียนบทความจะทำให้เราสามารถเขียนบทความได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น แถมยังช่วยให้เราประหยัดเวลาในการเขียนจากการหลุดประเด็นกลางทางได้อีกด้วย
- เขียนขายบนโซเชียล
ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองเป็นคนที่เขียนขายได้ดีมากๆ คนหนึ่งจากหลายๆ คอมเมนต์ของลูกเพจที่มักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ผมเป็นคนที่เขียนขายได้น่าอ่านมาก ทั้งที่รู้ตัวว่าผมกำลังขายของ แต่ก็ยังอยากจะอ่านจนจบ”
ซึ่งผมเรียกเทคนิคการเขียนนี้ว่า "การเขียนแบบป้ายยา” เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่มีใครหลงเข้ามาอ่านจะเกิดความอยากขึ้นมาจนต้องทักเข้ามาสั่งซื้อสินค้าอย่างกับโดนป้ายยาเลยทีเดียว
คุณลองนึกภาพว่าตัวเองกำลังพาหลานคนหนึ่งไปเดินห้าง แล้วสังเกตเห็นว่าหลานของคุณกำลังต้องการของกินอะไรสักอย่าง ซึ่งคุณก็พอเดาออกว่าเด็กๆ ก็คงชอบกินมาร์ชเมลโล คุณจึงไปหามาร์ชเมลโลมาป้อนให้หลาน แล้วพอคุณเริ่มเห็นว่าหลานกำลังมีความสุขและเพลิดเพลินไปกับมาร์ชเมลโลนี้ คุณก็ดึงกลับไม่ให้กินต่อ จนหลานคุณ
ต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้นเพราะต้องการมาร์ชเมลโลของคุณ
การเขียนขายสินค้าก็ทำในลักษณะเดียวกันนี้ครับ คือ
- ค้นหาปัญหาของลูกค้า แล้วนำมากางออกให้เขาเห็นอย่างชัดเจน
- นำลูกค้าไปสู่สถานะที่ดูเหมือนว่าปัญหานั้นสามารถแก้ได้แล้ว
- นำลูกค้ากลับมาอยู่ในสถานะเดิม
- ยื่นข้อเสนอแนวทางแก้ปัญหา โดยกําหนดราคาในใจของลูกค้าให้สูงกว่าราคาที่จะขายจริง
- เสนอสินค้าหรือบริการ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาในใจที่ได้ตั้งเอาไว้ เพื่อให้รู้สึกถึงความคุ้มค่า
เพิ่มเติม : กำหนดให้สินค้ามีจำนวนจำกัด
ผมเคยท้ายอดขายหนังสือเกี่ยวกับการท่าคอนเทนต์ได้ 1,000 เล่มจากการใช้เทคนิคนี้ ซึ่งบทความนั้น ผมขยี้ “ปัญหา (1)” ที่คนขาย
ออนไลน์ยุคนี้เจอ นั่นก็คือค่าโฆษณาที่แพงขึ้น สวนทางกับยอดขายที่ลดลง โดยการขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า
“ถ้าทำคอนเทนต์ดี ก็ไม่ต้องเสียเงินยิงโฆษณาสักบาท”
จากนั้นผมก็ดำเนินเรื่องด้วย “แนวทางแก้ไขปัญหา (2)" โดยการอธิบายประเภทของการทำคอนเทนต์ และเทคนิคการทำคอนเทนต์ให้คนแชร์จำนวนมาก เปรียบเสมือนการให้หลานลองชิมมาร์ชเมลโล
แล้วพอผู้อ่านเริ่มรู้สึกว่าปัญหาที่เขากำลังเจอสามารถแก้ไขได้แล้ว ผมก็เริ่มดึงมาร์ชเมลโลกลับมาไม่ให้กินต่อ “เป็นการนำลูกค้ากลับมาอยู่ในสถานะเดิม (3)” โดยการบอกว่า “ทั้งหมดนี้คือเทคนิคที่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำเพจได้ แต่ความจริงแล้วมันยังมีวิธีอีกมากมายเลยที่จะทำให้เราสามารถทำคอนเทนต์แบบออแกนิกได้ ซึ่งผมไม่ได้เก่งตั้งแต่เกิด แต่ผมไปเรียนมาจากคอร์สราคา 8,000 บาท
เพื่อกําหนดราคาในใจ (4)
แต่ข่าวดีคือ วันนี้ครูที่สอนผมทำคอนเทนต์เขาเขียนหนังสือออกมา ซึ่งเหมือนการเอาบทเรียนราคา 8,000 บาท ในคอร์สมายัดลงหนังสือ
ในราคา 245 บาท “เป็นการเสนอสินค้าหรือบริการ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาในใจที่ได้ตั้งเอาไว้ (5)
ฉะนั้นมันคุ้มค่ามากกับความรู้ที่ทำให้เราสามารถประหยัดค่ายิ่งโฆษณาในราคาหลายหมื่นบาทได้
แต่ประเด็นคือ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีวางขายตามร้านหนังสือทั่วไป เพราะทางผู้เขียนพิมพ์ออกมาครั้งละจำนวนจำกัด ตอนนี้เหลือเพียง 43 เล่มเท่านั้น “แจ้งสินค้ามีจำนวนจำกัด” เพื่อเป็นการแสดงให้เห็น
ว่าจะลังเลไม่ได้ถ้าอยากได้ต้องรีบกดทักมาทางอินบ็อกซ์ตอนนี้เลย
หลังจากบทความนี้ถูกเผยแพร่ออกไปไม่ถึง 1 นาที ก็มีคนเข้ามาสั่งซื้อหนังสือจำนวนมากจนผมแทบไม่ได้นอนเลยตลอด 3 วัน
แต่กฎข้อหนึ่งของ “การเขียนแบบป้ายยา” คือห้ามเริ่มต้นด้วยการขาย เช่น โปรโมชั่น ส่วนลด ข้อเสนออื่นๆ หรือแม้แต่ตัวสินค้าและบริการ เพราะโดยธรรมชาติของคนจะไม่ชอบอ่านอะไรที่เป็นการขายอยู่แล้ว ถ้าคุณไปเริ่มต้นด้วยการขาย คนจะเลื่อนผ่านทันที
หลายคนที่นำเทคนิค “การเขียนแบบป้ายยา" ไปใช้มักจะกลับมาบอกผมว่าได้ผลเป็นอย่างดีและมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน แถมประหยัดค่าโฆษณาอีกด้วย เพราะตั้งแต่เปลี่ยนวิธีการเขียนขายก็มียอดแชร์แบบออแกนิกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากธรรมชาติของคนจะแชร์อะไรที่เสริมภาพลักษณ์ให้กับตัวเองมากกว่าการแชร์โพสต์ขายสินค้าตรงๆ อยู่แล้ว
นี่แสดงให้เห็นแล้วว่า ถ้าคุณมี “ทักษะการเขียนที่ดี คุณภาพชีวิตของคุณจะดีขึ้นขนาดไหน และถ้าคุณอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแบบนี้ ก็ลองเอาเทคนิคการเขียนเหล่านี้ไปฝึกฝนและปรับใช้ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองกันดูนะครับ เพราะสุดท้ายไม่ว่าคุณจะใช้เทคนิคไหน ผู้คนก็จะจดจำงานเขียนได้จาก “ตัวตน” ของคุณเท่านั้น
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
"ธรรมนัส" สวนดราม่าจัดซีเกมส์ ย้ำไทยพร้อม 100% แต่ขอทำแบบ "พึ่งตัวเองล้วนๆ"
Unseen ไทยแลนด์ เกาะรูปหัวใจ "ทุ่งทะเลหลวง" สุโขทัย
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
เผยคำทำนาย "บาบา วานก้า" ปลายปี 2025 มนุษย์ต่างดาวอาจโผล่กลางงานฟุตบอลโลก
WOOF แก่แบบมีคุณภาพ เทรนด์การเงินใหม่ของคนวัยเกษียณ พึ่งตัวเอง มีเงินใช้ ไม่เป็นภาระลูกหลาน
แฮ็กสมอง อารมณ์ดีใน 10 วินาที เปลี่ยนอารมณ์ลบให้ดีขึ้นภายใน 10 วินาที
นักวิเคราะห์ นักเทรด และนักคณิตศาสตร์ประกัน