“วิหารแห่งแรกของโลก” อารยธรรมที่ซ่อนความลับกว่า 12,000 ปี
เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่าหากพูถึงอารยธรรมเก่าแก่ที่สุดในโลก หลายคนมักนึกถึง อารยธรรมสุเมเรียน ในภูมิภาคเมโสโปเตเมีย บริเวณริมแม่น้ำไทกรีกยูเฟรตีส หรือบริเวณประเทศอิรักในปัจจุบัน เมื่อประมาณ 6,000 ปีที่แล้ว ถือเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมมนุษย์
จนกระทั่งในปีคริสต์ทศวรรษที่ 1990 นักโบราณคดีชาวเยอรมัน เคลาช์ ชมิทซ์ (Klaus Schmidt) ได้อ่านเจอบทความสั้นๆ ที่ถูกเขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1963 โดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยชิคาโก เกี่ยวกับซากโบราณสถานแห่งหนึ่งบนเนินดินห่างออกไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของหมู่บ้านชานลึอูร์ฟา (Sanliurfa) ของประเทศตุรกี ทำให้เคลาช์จึงตัดสินใจเดินทางไปตรวจสอบจนได้ค้นพบกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่อายุกว่า 12,000 ปี นามว่า “โกเบคลี เทเป” ที่มนุษย์ในยุคนั้นซึ่งยังเป็นชนเผ่าเร่ร่อน สามรถสร้างสถาปัตยกรรมและงานประติมากรรมที่มีความประณีตขนาดนี้ได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นการล้มล้างความเข้าใจที่เรามีต่อประวัติศาสตร์มนุษย์ไปโดยสิ้นเชิง และสร้างแรงพลิกวงการวงโบราณคดีและมานุษยวิทยาครั้งใหญ่ทันที ทำให้แหล่งโบราณคดีแห่งนี้เป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่สุดในการศึกษาพัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ต่อมา โกเบคลี เทเปได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” โดยองค์การยูเนสโกในปี 2018 และเชื่อว่าเป็น “วิหารแห่งแรกของโลก”
ความแปลกประหลาดที่สุดของโกเบคลี เทเป คือเรื่องของอายุ จากหลักฐานพบว่าวิหารโบราณแห่งนี้มีอายุกว่า 12,000 ปี ซึ่งยังอยู่ใน ยุคหินใหม่ก่อน หรือ หลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุดลงได้ไม่นาน ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพคือ โกเบคลี เทเปนั้นเก่ากว่าพีระมิดถึงสองเท่า เป็นยุคที่มนุษย์ยังดำรงชีวิตด้วยการหาของป่า-ล่าสัตว์ สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่านักโบราณคดีว่า ทำไมมนุษย์โบราณที่ใช้ชีวิตด้วยการเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ ถึงสามารถสร้างสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ พร้อมงานศิลปะอันประณีตขนาดนี้ได้ และโกเบคลี เทเป อาจจะเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนทำให้เกิด การปฏิวัติยุคหินใหม่ (Neolithic Revolution) ซึ่งเป็นจุดกำเนิดการตั้งถิ่นฐานอย่างถาวรและสังคมเกษตรกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ชุมชนเกษตรกรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลกถือกำเนิดขึ้น โครงสร้างขนาดใหญ่ซึ่งถูกตีความว่าเป็นอาคารสาธารณะขนาดใหญ่ (พื้นที่ปิดล้อม) สร้างขึ้นโดยกลุ่มนักล่าสัตว์และรวบรวมอาหารในยุคหินใหม่ก่อนยุคเครื่องปั้นดินเผา (10-9 พันปีก่อนคริสตกาล) โบราณสถานเหล่านี้น่าจะถูกใช้ในกิจกรรมทางสังคมและพิธีกรรมต่างๆ มีเสาหินปูนรูปตัว T ที่โดดเด่น บางต้นสูงถึง 5.50 เมตร เสาบางต้นซึ่งเป็นภาพนามธรรมของรูปร่างมนุษย์ ยังมีภาพนูนต่ำของเสื้อผ้า เช่น เข็มขัดและผ้าเตี่ยว รวมถึงภาพนูนสูงและต่ำของสัตว์ป่า การขุดค้นเมื่อไม่นานมานี้ยังพบซากของสิ่งก่อสร้างที่ไม่ใช่อนุสาวรีย์ ซึ่งดูเหมือนจะมาจากอาคารที่พักอาศัย
เคลาซ์ สมิธ (Klaus Schmidt) ศาสตราจารย์ด้านโบราณคดีชาวเยอรมันและทีมงานอีกจำนวนหนึ่งโดยความร่วมมือของพิพิธภัณฑ์ซานลิอูร์ฟา ทำการสำรวจพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของตุรกี ห่างออกไปราว 6 ไมล์ จากเมืองอูร์ฟา เมืองหลักของจังหวัดซานลิอูร์ฟา พื้นที่แถบนี้ในอดีตเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคเมโสโปเตเมียตอนบน หรืออารยธรรมลุ่มแม่น้ำไทกริส-ยูเฟรตีส ใน 4 อารยธรรมลุ่มแม่น้ำสำคัญของโลกยุคโบราณ
อย่างไรก็ตามการขุดค้นโดยทีมงานของศาสตราจารย์ เคลาซ์ สมิธ นำไปสู่การค้นพบโกเบคลี เทเป พวกเขาพบสิ่งปลูกสร้างโครงสร้างหินฝีมือมนุษย์ยุคโบราณ ตั้งอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 1,000 ฟุต ก่อนเรียกโบราณสถานนี้ว่า “โกเบคลี เทเป” แปลว่า Potbelly Hill หรือ “เนินท้องโต”หรือ “เนินพุงพลุ้ย” ในภาษาตุรกี ตามลักษณะที่ตั้งบนเนินเขานั่นเอง
โกเบคลี เทเป มีลักษณะเป็นหินสลักขนาดใหญ่และเสารูปตัวที (T) ตั้งเรียงรายเป็นวงกลม บางเสาสูงถึง 6 เมตร และมีน้ำหนักถึง 200 ตัน การขุดค้นครั้งแรกพบเสาหินจำนวน 43 ต้น ข้อสันนิษฐานว่าหินเหล่านี้ถูกขุด ตัด และขนย้ายมาจากเหมืองหินจากเนินเขาอีกแห่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของที่ตั้งของโบราณสถานนี้ โดยเสาหินแต่ละต้นมีรูปสลักเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ มีทั้ง สุนัขจิ้งจอก สิงโต วัว แมงป่อง งู หมูป่า แร้ง นกน้ำ แมลง รวมถึงมนุษย์ ในลักษณะของหญิงเปลือย บางเสาแกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม แต่บางเสาว่างเปล่า ไม่ถูกสลัก ทั้งนี้ ไม่มีสัญลักษณ์ที่สื่อว่าเป็นตัวอักษรหรือรูปแบบการเขียนบันทึก มีเพียงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงอำนาจศักดิ์สิทธิ์บางอย่างที่อาจเข้าใจได้ว่าหมายถึง “เทพเจ้า”
จากเสากลุ่มแรกที่ขุดค้นเจอ นักโบราณคดีเชื่อว่าเสาเหล่านี้สามารถรองรับหลังคาที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 10 – 30 เมตร แต่ภายหลังการสำรวจทางธรณีวิทยาบนพื้นที่เนินเขานั้น มีการเปิดเผยว่าใต้พื้นดินรอบ ๆ บริเวณนั้นยังมีเสาหินอีกกว่า 250 ต้น โดยเป็นโครงสร้างแบบเดียวกันนี้จำนวนถึง 16 ส่วน/วงด้วยกัน จากลักษณะและโครงสร้างดังกล่าว นักโบราณคดีส่วนใหญ่ลงความเห็นว่าโกเบคลี เทเป เป็น “วิหาร” หรือ “ศาสนสถาน” สำหรับประกอบพิธีกรรมของชุมชนแถบนั้น เมื่อทีมนักโบราณคดีพิสูจน์อายุการก่อสร้าง ทำให้ทราบว่าโกเบคลี เทเป สร้างขึ้นในยุคหินใหม่ มีอายุราว 11,000-12,000 ปี หรือ 1 หมื่นปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในบรรดาศาสนสถานที่ถูกค้นพบ วิหารแห่งนี้จึงเป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดในโลก หรือ “วิหารแห่งแรกของโลก” (The World’s First Temple) นั่นเอง เพื่อให้เห็นภาพความเก่าแก่ของโกเบคลี เทเป ชัดเจนขึ้น เราสามารถเทียบเคียงอายุของวิหารแห่งแรกของโลกกับอารยธรรมอื่น ๆ เช่น อารยธรรมอียิปต์โบราณ (Ancient Egyptian, 3,200 ปีก่อนคริสตกาล) ในทวีปแอฟริกา อารยธรรมสุเมเรียน (Sumerian, 3,500 ปีก่อนคริสกาล) ในภูมิภาคเมโสโปเตเมียตอนใต้ ซึ่งเป็นอารยธรรมแรกที่ใช้ตัวอักษร หรือเทียบกับสิ่งปลูกสร้างลักษณะใกล้เคียงกันอย่างสโตนเฮนจ์ (Stonehenge, 2,000-3,000 ปีก่อนคริสกาล) บนเกาะอังกฤษ จะเห็นว่าความเก่าแก่ของโกเบคลี เทเป ยังคงทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น จากความเก่าแก่นี้เอง ทั้งงานประติมากรรมและสถาปัตยกรรม ทุกสิ่งที่ประกอบสร้างขึ้นเป็นวิหารโกเบคลี เทเป ล้วนเกิดขึ้นก่อนมนุษย์รู้จักการทำเครื่องปั้นดินเผา การถลุงโลหะ การประดิษฐ์ตัวอักษร การใช้ล้อ และอาจรวมถึงความรู้ในการทำเกษตรด้วย สิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่นักโบราณคดี-นักวิชาการอย่างมาก เพราะถือเป็นการหักล้างความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างทางความเชื่อหรือศาสนสถานในอดีต ที่เดิมเชื่อว่าจะพบเฉพาะในชุมชนขนาดใหญ่ที่พัฒนาเป็นสังคมเกษตรกรรมแล้วเท่านั้น
ปัจจัยสนับสนุนทฤษฎีการเป็น “วิหารแห่งแรกของโลก” ที่เกิดก่อนมนุษย์รู้จักทำการเกษตรคือ นักสำรวจไม่พบหลักฐานการตั้งถิ่นฐานหรือชุมชนโบราณบริเวณนั้นเลย ไม่มีร่องรอยสิ่งของเครื่องมือ-เครื่องใช้ หรือเตาสำหรับประกอบอาหาร พบเพียงชิ้นส่วนกระดูกสัตว์มากกว่าแสนชิ้น มีรอยตัดและกระแทกด้วยของมีคมที่บ่งชี้ว่าสัตว์เหล่านี้ถูกชำแหละหรือปรุงสุกก่อนบริโภค ในบรรดากระดูกที่พบล้วนเป็นสัตว์ป่า เช่น ละมั่ง (เกิน 60% ) หมูป่า แกะ และกวางแดง รวมถึงนกสายพันธุ์ต่าง ๆ เช่น แร้ง กระเรียน เป็ด และห่าน จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าชุมชนที่สร้างโกเบคลี เทเป เป็นกลุ่มนักล่าหรือกลุ่มพรานป่ามากกว่าที่จะเป็นเกษตรกรนักเพาะปลูกที่มีปศุสัตว์เป็นของตนเอง กระนั้น นักวิชาการบางส่วนเชื่อว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถพัฒนาจากสังคมล่าสัตว์มาสู่สังคมเกษตรกรรมแล้วระหว่าง 10,000-12,000 ปีมาแล้ว ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเวลาที่สร้างโกเบคลี เทเป อีกทั้งการไม่พบเครื่องมือเกษตรกรรมไม่ได้แปลว่ามันไม่เคยมีอยู่ ข้อพิสูจน์อันชัดเจนว่าชุมชนที่สร้างวิหารแห่งแรกของโลกเป็นชุมชนพรานป่าขนาดใหญ่ที่ยังไม่รู้จักการเพาะปลูกหรือเป็นชุมชนเกษตรกรรมกลุ่มแรก ๆ จึงไม่สามารถฟันธงได้
อย่างไรก็ตาม เป็นที่แน่ชัดว่าโกเบคลี เทเป ถูกสร้างเพื่อการประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อหรือทางศาสนาของมนุษย์ยุคโบราณอย่างแน่นอน และมีวัตถุประสงค์เพื่อการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทวยเทพ หรือพระเจ้าของพวกเขา ซึ่งข้อเท็จจริงนี้เป็นรากฐานสำคัญในแวดวงมานุษยวิทยาสำหรับการศึกษาพัฒนาการทางความเชื่อและการเกิดศาสนาในสังคมมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เพราะสถานะ “วิหารแห่งแรกของโลก” ถึงกับทำให้นักวิชาการบางคนอ้างว่า โกเบคลี เทเป เป็นที่ตั้งของสวนเอเดน (Garden of Eden) ในพระคัมภีร์ไบเบิลเลยทีเดียว แต่ใครจะรู้ อาจมีสิ่งปลูกสร้างทางศาสนสถานที่เก่าแก่กว่าโกเบคลี เทเป ซ่อนอยู่ใต้ชั้นดินบางแห่งและรอการค้นพบอยู่อีก ก็เป็นได้
นอกจากนี้กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของตุรกีได้ประกาศเรื่องนี้เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Taş Tepeler” หรือการศึกษาเนินหินของมองโกเบคลี เทเป ซึ่งรวบรวมสถาบันวิทยาศาสตร์ 36 แห่ง และนักวิจัยเกือบ 220 คน รูปปั้นนี้ถูกขุดพบในโพรงผนัง เป็นเครื่องยืนยันถึงพิธีกรรมที่จงใจสร้างขึ้น ทีมงานนำโดยศาสตราจารย์เนคมี คารุล จากมหาวิทยาลัยอิสตันบูล เน้นย้ำถึงความสำคัญของการแทรกซึมทางสถาปัตยกรรมนี้ ซึ่งน่าจะเชื่อมโยงกับเครื่องสักการะ
สังคมของ โกเบคลี เทเป ยังคงไม่พัฒนาวิธีการเลี้ยงสัตว์หรือการเกษตรกรรม การยังชีพของพวกเขาขึ้นอยู่กับการล่าสัตว์และการเก็บเกี่ยวหญ้าซีเรียลป่าแบบคัดเลือก ดูเหมือนว่า มนุษย์ จะเริ่ม เลี้ยงสัตว์ภายในพื้นที่อันกว้างใหญ่ของวัฒนธรรม โกเบคลี เทเป และความพยายามในช่วงแรกในการจัดการสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงสัญลักษณ์และวิธีการดักจับ ดูเหมือนจะสอดคล้องกับพัฒนาการของ โกเบคลี เทเป อย่างเห็นได้ชัดในงานศิลปะเกี่ยวกับสัตว์ ช่วงเวลาที่เก่าแก่ที่สุดของการนำสัตว์มาเลี้ยงจริง ๆ คือประมาณ 9,000 ปีก่อนคริสตกาลสำหรับแพะและแกะประมาณ 8,500 ปีก่อนคริสตกาลสำหรับหมู และประมาณ 8,000 ปีก่อนคริสตกาลสำหรับวัว ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ทางตอนเหนือของเมโสโปเตเมีย ที่มีการนำสัตว์มาเลี้ยง ครั้งแรก เกิดขึ้น เนื่องจากหมูอาจถูกนำมาเลี้ยงครั้งแรกที่นั่นเมื่อ 8,500 ปีก่อนคริสตกาล แต่โกเบคลี เทเป นั้นเริ่มดำเนินการเกษตรกรรมตั้งแต่ 9 พันปีก่อนคริสตกาล แหล่งโบราณคดี โกเบคลี เทเป จำนวนมากประกอบด้วยอาคารหินขนาดใหญ่ที่มีเสาโอเบลิสก์รูปตัว T ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของ โกเบคลี เทเป แหล่งโบราณคดีเหล่านี้มีลักษณะโดดเด่นคือความยิ่งใหญ่อลังการ ซึ่งทำให้แตกต่างจากแหล่งโบราณคดียุคหินใหม่ก่อนยุคเครื่องปั้นดินเผา เช่นKörtik Tepeซึ่งไม่รวมอยู่ในประเภทของ โกเบคลี เทเป
อาคารเหล่านี้อาจเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดสำหรับการบูชาบรรพบุรุษ พวกมันตกแต่งด้วยแผ่นศิลาจารึกรูปตัว T เช่นของGöbekli Tepe , Karahan Tepeหรือแผ่นศิลาจารึกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าของÇayönü Tepe ศิลาจารึกเหล่านี้เชื่อกันว่าเป็นภาพสัญลักษณ์ของมนุษย์หรือเทพเจ้า แผ่นศิลาจารึกหลายแผ่นมีภาพนูนต่ำคล้ายมนุษย์หรือแม้กระทั่งศีรษะมนุษย์สลักอยู่ การค้นพบเหล่านี้ชี้ให้เห็นถึงการบูชาแผ่นศิลาจารึก ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของพิธีกรรมที่แพร่หลายใน ยุค หินใหม่ก่อนยุคเครื่องปั้นดินเผาและยังคงแพร่หลายในตะวันออกใกล้จนถึงสหัสวรรษที่ 1 ก่อนคริสตกาล พบโทเท็มที่รวมมนุษย์และสัตว์ไว้ในเกอเบกลีเทเปและเนวาลีโครี โทเท็มในเนวาลีโครีเป็นรูปนก ซึ่งน่าจะเป็นแร้ง ยืนอยู่บนหลังมนุษย์สองคนที่นั่งอยู่ติดกัน ความหมายของโทเท็มดังกล่าวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด
สัญลักษณ์รูปอวัยวะเพศชายดูเหมือนจะเป็นลักษณะเด่นของศิลปะที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ทัสเทเปเลอร์ รูปปั้นชายถืออวัยวะเพศชายตั้งตรงสามารถพบเห็นได้จากเยนีมาฮัลเล ( รูปปั้น มนุษย์อูร์ฟา ที่มีชื่อเสียง ) เกอเบกลีเทเป ฮาร์ เบตสึวันเทเปซี คาราฮันเทเปหรือไซบูร์ช มีการถกเถียงกันว่าแผ่นจารึกเหล่านี้อาจเป็นรูปอวัยวะเพศชายของบรรพบุรุษ โดยทั่วไปแล้วรูปปั้นเหล่านี้จะมีปลอกคอรูปตัววีรอบคอ
สัญลักษณ์รูปอวัยวะเพศชายอาจเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบประติมากรรมที่สมจริงอย่างมีพลัง เช่นที่เห็นใน Göbekli Tepe ซึ่งโดยทั่วไปแล้วสัตว์ต่างๆ จะถูกแสดงด้วยฟันที่แยกเขี้ยว อุ้งเท้าที่แข็งแรงหรือมีงาที่ยาว ซึ่งทำให้บรรยากาศของโบราณสถานดูคุกคาม ตัวอย่างมนุษย์จากBoncuklu Tarla มีอายุย้อนไปถึง 9000-8500 ปีก่อนคริสตกาล และÇayönü มีอายุย้อนไปถึงประมาณ 8300-7500 ปีก่อนคริสตกาล เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทางพันธุกรรมเมื่อเร็วๆ นี้ ในฐานะสมาชิกของกลุ่ม Mesopotamia-Neolithic รวมกับ ตัวอย่าง Nemrik 9 บางส่วน ในการศึกษานี้ กลุ่ม Mesopotamia-Neolithic ปรากฏเป็นบรรพบุรุษหลักของบุคคลหลาย คน ในยุคสำริด เลแวนไทน์และ อียิปต์โดยเฉพาะจากEbla , Ashkalon , Baq'ahและNuwayrat โดยเฉพาะบุคคล Nuwayrat ซึ่งเป็นชายชาวอียิปต์วัยผู้ใหญ่จากอาณาจักรเก่า ที่มีสถานะค่อนข้างสูงเมื่อคำนวณอายุด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีในช่วง 2855–2570 ปีก่อนคริสตกาล และได้รับการขนานนามว่า “ บุคคลจากอาณาจักรเก่า” พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษในยุคหินใหม่ตอนเหนือของแอฟริกา แต่บรรพบุรุษทางพันธุกรรมของเขาสามารถสืบเชื้อสายมาจากบริเวณเสี้ยวพระจันทร์อันอุดม สมบูรณ์ทางตะวันออก ซึ่งรวมถึงเมโสโปเตเมียซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มเมโสโปเตเมียยุคหินใหม่ โปรไฟล์ทางพันธุกรรมแสดงได้ใกล้ชิดที่สุดโดยแบบจำลองสองแหล่ง ซึ่ง 77.6% ± 3.8% ของบรรพบุรุษสอดคล้องกับจีโนมจากแหล่งโบราณคดี Skhirat-Rouazi ของโมร็อกโกในยุคหินใหม่ตอนกลาง มีอายุถึง 4780–4230 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งประกอบด้วยบรรพบุรุษยุคหินใหม่ Levant เป็นหลัก 76.4 ± 4.0% และ บรรพบุรุษยุค Iberomaurusian รอง 23.6 ± 4.0%
ในขณะที่ส่วนที่เหลือ 22.4% ± 3.8% มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับจีโนมที่ทราบจากเมโสโปเตเมีย ในยุคหินใหม่ มีอายุถึง 9000–8000 ปีก่อนคริสตกาลไม่มีแบบจำลองสองแหล่งอื่นใดที่ตรงตามเกณฑ์นัยสำคัญ (P>0.05) มีแบบจำลองสามแหล่งเกิดขึ้นทั้งหมดสองแบบ แต่มีสัดส่วนของบรรพบุรุษที่คล้ายคลึงกัน โดยมีองค์ประกอบลำดับที่สามที่เล็กกว่ามากจากเลแวนต์ยุคหินใหม่/ยุคหินใหม่ Lazardis ระบุว่า “สิ่งที่ตัวอย่างนี้บอกเราคือ ในยุคแรกเริ่มดังกล่าว มีผู้คนในอียิปต์ที่มีเชื้อสายแอฟริกันเหนือเป็นส่วนใหญ่ แต่มีเชื้อสายบางส่วนมาจากเมโสโปเตเมีย” Girdland-Flink ระบุว่า ความจริงที่ว่า 20% ของบรรพบุรุษของชายคนนี้ตรงกับจีโนมเก่าจากเมโสโปเตเมียมากที่สุด ชี้ให้เห็นว่าการอพยพของชาวเมโสโปเตเมียเข้าสู่อียิปต์อาจมีจำนวนมากพอสมควรในบางช่วงเวลา ไม่สามารถคำนวณเวลาของเหตุการณ์การผสมได้โดยตรงจากการศึกษาทางพันธุกรรมในปี 2025 การศึกษาในปี 2025 แสดงให้เห็นว่าตัวอย่าง Nuwayrat มีความสัมพันธ์มากที่สุดกับตัวอย่างจากเมโสโปเตเมียยุคหินใหม่ที่มีอายุย้อนไปถึง 9000-8000 ปีก่อนคริสตกาล ในเวลาเดียวกัน การศึกษาอื่นๆ ได้แสดงให้เห็นว่าในช่วงยุคหินใหม่ในช่วง 10,000-5,000 ปีก่อนคริสตกาล ประชากรจากเมโสโปเตเมียและซากรอสได้ขยายไปยังตะวันออกใกล้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอานาโตเลีย ซึ่งนำพาชุดนวัตกรรมทางเทคโนโลยียุคหินใหม่มาด้วย พืชที่ปลูกในบ้าน เครื่องปั้นดินเผา และการตั้งถิ่นฐานที่มากขึ้น อียิปต์อาจได้รับผลกระทบจากการอพยพดังกล่าวเช่นกัน การเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในการวัดฟันและเนื้อเยื่อฟันได้รับการสังเกตเห็นในหุบเขาไนล์ประมาณ 6000 ปีก่อนคริสตกาล การไหลเข้าทางวัฒนธรรมที่ตามมาจากเมโสโปเตเมียได้รับการบันทึกไว้ในช่วงสหัสวรรษที่ 4 (3999-3000 ปีก่อนคริสตกาล) โดยมีลักษณะของอูรุกตอนปลายปรากฏในช่วงปลายยุคก่อนราชวงศ์ของอียิปต์
อย่างไรก็ตาม การค้นพบวิหารโบราณของโกเบคลี เทเป ทำให้เราพลิกหน้าประวัติศาสตร์อารยธรรมของมนุษย์อีกครั้งจากที่เราเคยเชื่อว่าดินแดนลุ่มแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรตีส คือดินแดนอารยธรรมแห่งแรกของมนุษย์กว่า 6,000 ปี นี่คือการค้นพบครั้งใหม่ที่ส่งผลต่อการทราบถึงวิวัฒนาการของอารยธรรมมนุษย์ต่อไป
***********
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
“ย้อนวันวานอาหารจานละ 2-3 บาท กินอิ่มทั้งบ้านด้วยเงินไม่กี่บาท ราคาน่ารักที่วันนี้หาไม่ได้แล้ว”
ทัพฟ้าไทย พร้อมรบ 24 ชั่วโมง โชว์ยุทโธปกรณ์สุดล้ำ โจมตีแม่นยำ "ไม่ให้ใครย่ำยี" น่านฟ้าไทย
ทำไมต้องหย่ากัน หลังถูกคดีความ? เหตุผลที่ฟังดูดราม่า…แต่จริงกว่าที่คิด
น้องแร็คคูนบุกร้านค้า ดื่มจัดหนัก จนเมาค้าง เห็นแล้วนึกถึงคนเหมือนกันนะเนี่ย (ฮา)
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
อัลปากา VS อัลปากา: พลังศักดิ์สิทธิ์จากสัตว์แห่งอินคา สู่โลหะมงคลในวงการพระเครื่องไทย
ถอดรหัสเสน่ห์ร้ายของยอดนักรัก! ทายนิสัยความเป็น "คาสโนว่าและคลาสโนวี่" ตามเดือนเกิด พร้อมส่องพฤติกรรมการแสดงออก
เปิดตำนาน "ฮัตเชปซุต" ฟาโรห์หญิงผู้ต้อง "สวมเครา" ท้าทายกฎบุรุษ จนถูกลบชื่อนาน 3,500 ปี!
บัวน่าปลูก...สายมูต้องห้ามพลาด! เสริมมงคลให้ชีวิตรุ่งเรือง



