เทรนด์การแต่งหน้าด้วยไข่มุกของ"พสจีน"ในยุคโบราณ
เคยดูซีรี่ส์จีนย้อนยุค แล้วเห็นเขาติดดอกไม้บ้าง ไข่มุกบนใบหน้าบ้าง เลยเกิดข้อสงสัยว่า เทรนด์แต่งหน้าที่ติดไข่มุกแบบนี้มีจริงไหม จึงได้ข้อมูลมาว่า หนึ่งในแฟชั่นสุดฮิตในหมู่ผู้หญิงสมัยราชวงศ์ซ่ง นั่นก็คือ การติดไข่มุกบนใบหน้านั้นมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังแล้ว แต่ได้รับความนิยมและแต่งกันอย่างแพร่หลายในสมัยราชวงศ์ซ่งดังนั้นผู้เขียนจึงขอตัดขวางแฟชั่นแต่งหน้าในส่วนเฉพาะราชวงศ์ซ่งเท่านั้น
การแต่งหน้าด้วยการประดับไข่มุก นั้นไม่ได้จำกัดในคนชั้นสูงเท่านั้น แต่น่าจะเป็นเพราะคนที่เข้าถึงได้ก็ต้องเป็นแต่คนชั้นสูงหรือในราชสำนัก เพราะไข่มุกแพงมาก ทำให้เราเห็นภาพไข่มุกบนหน้าไม่เยอะมากในหมู่รูปวาดชาวบ้าน
การประดับไข่มุกบนใบหน้ามีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งและเป็นที่นิยมอย่างมากในสมัยนั้น สตรีในสมัยโบราณใช้สีแดงและสีอื่นๆ ตกแต่งใบหน้า หรือสร้างลวดลายต่างๆ ด้วยวัสดุต่างๆ เช่น ทอง หยก ไข่มุก และกระดาษสี แล้วนำมาติดที่แก้ม ธรรมเนียมนี้เรียกว่า "เหมียนเย่"ส่วนการแต่งหน้าด้วยไข่มุกเรียกเฉพาะว่า "เจิ้นจู้เหมียนเย่"
การแต่งหน้าด้วยไข่มุกนั้น แท้จริงแล้วเป็นรูปแบบหนึ่งของการแต่งหน้าอันวิจิตรงดงามในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งต่อมาได้รับความนิยมในสมัยราชวงศ์ซ่ง เทรนด์นี้ยังคงดำรงอยู่ต่อไปส่วนหนึ่งเป็นเพราะราชวงศ์ซ่งยังคงสืบสานประเพณีของราชวงศ์ถังและราชวงศ์ห้า ซึ่งการตกแต่งใบหน้าได้รับการยกย่องอย่างสูง นอกจากนี้ การแต่งหน้าด้วยไข่มุกยังได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื๊อใหม่ของจูซี ซึ่งเน้นความสุภาพเรียบร้อยและความสง่างาม
โดยจะนิยมติดกันบริเวณหน้าผาก ริมฝีปากทั้งสองข้าง และขมับทั้งสองข้าง ซึ่งจำนวนไข่มุกที่ติดได้ก็จะเป็นไปตามตำแหน่งในวัง อย่างเช่น ฮองเฮา ก็จะต้องติดเรียง 9 เม็ดที่ขมับ ส่วนสนมที่ลำดับรองลงมาก็จะติดได้น้อยกว่านั่นเอง
วิธีติดก็ง่ายแสนง่ายใช้เพียงแค่กาว "เหอเจียว" ที่ทำจากกระเพาะปลา มาใช้ติด เพียงแค่เอากาวติด เป่าลมหรือเอาน้ำลายแตะเล็กน้อยให้กาวละลาย ก็สามารถติดไข่มุกได้แน่น เกาะกับผิวทั้งวันเลย อีกทั้งยังล้างออกง่ายด้วยน้ำอุ่น แถมยังไม่ทำลายผิวอีกด้วย วิธีนี้ได้รับการอธิบายไว้อย่างชัดเจนในบทกวี "หย่งโช่ว" ของจ้าวกวงหยวน ซึ่งเน้นย้ำถึงความสะดวกสบาย ส่วนการนำไข่มุกออกก็ง่ายไม่แพ้กัน เพียงแค่ประคบน้ำร้อนก็เพียงพอแล้ว จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เป็นธรรมชาติและอ่อนโยนต่อผิว
เหตุผลหลักในการเสริมความงามด้วยไข่มุกคือเพื่อเสริมความงาม ประกายแวววาวอันอ่อนโยนของไข่มุกช่วยเสริมความกระจ่างใสให้กับผิวและปรับรูปหน้าให้สวยงามยิ่งขึ้น ไข่มุกที่ประดับบนหน้าผากไม่ได้จำกัดอยู่เพียงชิ้นเดียว แต่มักมีลวดลายดอกไม้หรือรูปทรงเรขาคณิต ช่วยเสริมความงามให้กับหน้าผากและทำให้ใบหน้าส่วนบนดูสั้นลง ไข่มุกที่ประดับบนแก้มสามารถทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้นได้ เช่นเดียวกับเทคนิคการคอนทัวร์สมัยใหม่ ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
ทำไมผู้หญิงสมัยราชวงศ์ซ่ง ถึงนิยมติดไข่มุกบนใบหน้า? ไข่มุกมันสื่อถึงอะไร?
1. เพื่อความงาม หลัก ๆ จะเน้นไปที่ความงามครับ คนสมัยนั้นมองว่าไข่มุกให้ความเงางาม ติดแล้วดูอ่อนหวาน อีกทั้งยังทำให้ใบหน้าดูสว่าง มีออร่า แล้วก็ยังปรับสัดส่วนให้หน้าดูเล็กลงด้วย อย่างการติดไข่มุกเรียงลงมาที่ขมับสองข้าง ก็ทำให้หน้าดูเรียวเหมือนกับการคอนทัวร์กรอบหน้าในยุคปัจจุบัน
2. เพื่อปกปิดตำหนิ บางครั้งอาจติดไข่มุกไว้ที่แก้ม หรือขมับเพื่อปกปิดรอยตำหนิ รอยแผล อารมณ์คล้าย ๆ กับคอนซีลเลอร์นั่นเอง
3. เพื่อแสดงถึงฐานะ เพราะไข่มุกถือเป็นสิ่งล้ำค่า มีเพียงชนชั้นสูงเท่านั้นที่ใช้ได้ ยิ่งติดเยอะ ก็ยิ่งแสดงให้เห็นว่าตำแหน่งสูงกว่า ส่วนหญิงสามัญชนจะไม่ติดไข่มุกบนใบหน้า แต่จะใช้วัสดุอื่นแทน อย่างเช่น ดอกไม้
วิธีการแต่งหน้าด้วยมุก
ภาพเหมือนทางประวัติศาสตร์ของจักรพรรดินีราชวงศ์ซ่งแสดงให้เราเห็นวิธีการแต่งหน้าด้วยไข่มุกอย่างถูกต้อง รวมถึงตำแหน่งและจำนวนไข่มุกที่ใช้ พร้อมด้วยแนวทางปฏิบัติที่เข้มงวด การแต่งหน้าแบบมาตรฐานประกอบด้วยการประดับไข่มุกที่หน้าผาก ข้างปาก และขมับ เพื่อให้เกิดความสมมาตร จักรพรรดินีราชวงศ์ซ่งส่วนใหญ่ยึดถือวิธีการนี้
ยกตัวอย่างเช่น ในภาพพระนางโจโฉในรัชสมัยจักรพรรดิเหรินจง พระองค์สวมชุดพระราชพิธีและมงกุฎประดับด้วยไข่มุกและหยก มีเครื่องประดับไข่มุกวางอยู่เหนือคิ้ว ประดับบนฐานหยก นอกจากนี้ ริมฝีปากทั้งสองข้างของพระนางอยู่ในระดับเดียวกับริมฝีปาก พระองค์ยังประดับด้วยเครื่องประดับไข่มุกขนาดเล็กที่ตรงกับเครื่องประดับบนหน้าผาก
ในสมัยราชวงศ์เจิ้งเหอของจักรพรรดิฮุยจง กฎเกณฑ์ได้ระบุจำนวนเครื่องประดับดอกไม้และไข่มุกสำหรับมงกุฎของสตรีผู้สูงศักดิ์ไว้ดังนี้: เครื่องประดับดอกไม้เก้าชิ้นที่มีเครื่องประดับไข่มุกจำนวนเท่ากันสำหรับระดับ 1, แปดชิ้นสำหรับระดับ 2, หกชิ้นสำหรับระดับ 3 และห้าชิ้นสำหรับระดับ 5
อย่างไรก็ตามในยุคปัจจุบัน "พส จีน"เริ่มนำมุกมาใช่แต่งหน้าให้ดูร่วมสมัย การลงมุกแบบเรียบง่ายจะดูหลากหลายกว่า ยกตัวอย่างเช่น นักแสดงสาว หนี่ หนี่ แต่งหน้าด้วยมุกเพื่อลงปกนิตยสาร โดยลงมุกเม็ดเดียวบริเวณคิ้ว ดวงตา แก้ม และคาง การลงสีมุกอย่างเข้มข้นรอบดวงตาก็เป็นที่นิยมและง่ายต่อการแต่งแต้มเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากนักแสดงสาว อู๋ ซวนอี้, หลิน หยุน และโจว เย่อ ซึ่งต่างก็ลงสีมุกรอบดวงตากันทั้งนั้น ดังนั้นไข่มุกอาจจะไม่ใช่เครื่องประดับอย่างเดียว แต่ใช้ในการแต่งหน้านอกจากความสวยงามแล้วยังเป็นเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง
*******
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เจาะเลขเด็ดปกสลาก งวด 2 ม.ค. 69 ต้อนรับปีใหม่ปีมะเมียทอง
"อาหารบ้าน ๆ ที่คนต่างชาติหลงรัก แต่คนไทยมองว่าเป็นอาหาร “ธรรมดา”" มันเป็นเพราะอะไรกันนะ
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคต
ลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ
จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสง
"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)
ภาพทดสอบโทรทัศน์ "PM5544" ในตำนาน ที่ถูกใช้งานแพร่หลายที่สุดในโลก ในยุคส่งสัญญาณแบบอนาล็อกนั่นเอง
จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสง
รีวิวหนังดัง SURROGATES คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
โฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!
ย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพัน
ต้อนรับเทศกาลฤดูหนาวกับเทศกาล"Yule"แห่งแสงสว่างและการเริ่มต้นใหม่
อุชิ โนะ โคคุ ไมริ:พิธีกรรมสาปแช่งที่แลกด้วยวิญญาณ
Tsukumogami: เมื่อของใช้เก่าเก็บ กลายร่างเป็นผีจอมป่วนแห่งญี่ปุ่น




