เครื่องยกกระชับใบหน้า แบบไหนเหมาะกับ “หน้ากลม–หน้าตอบ–หน้าเหลี่ยม” เลือกให้ตรงโครงหน้า ผลลัพธ์ดูละมุนกว่า

เครื่องยกกระชับใบหน้า แบบไหนเหมาะกับ “หน้ากลม–หน้าตอบ–หน้าเหลี่ยม” เลือกให้ตรงโครงหน้า ผลลัพธ์ดูละมุนกว่า

รูปหน้ามีผลต่อบุคลิกและความมั่นใจอย่างมาก เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หลายคนเริ่มเจอทั้งผิวหย่อน กล้ามเนื้ออ่อนแรง ไขมันสะสมเป็นจุด ๆ หรือโครงหน้าดูเปลี่ยน ไม่คมชัดเหมือนเดิม จึงมองหาวิธี “ยกกระชับใบหน้า” เพื่อคืนมิติให้กรอบหน้าดูชัดและสมส่วนขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเลือกเทคโนโลยีไม่ได้มีคำตอบเดียว สิ่งสำคัญคือ “เลือกให้เหมาะกับรูปหน้าเดิม” เพราะโครงหน้าที่ต่างกันตอบสนองต่อเทคนิคไม่เหมือนกัน—หน้ากลมอาจต้องเน้นลดวอลุ่มเฉพาะจุด หน้าตอบควรถนอมน้ำหนักแก้มไว้ ส่วนหน้าเหลี่ยมมักต้องการความละมุนที่แนวกราม ในบทความนี้พาไปรู้จักลักษณะโครงหน้าแต่ละแบบ พร้อมแนวทางยกกระชับที่ควรพิจารณา รวมทั้งการวางแผน การดูแลหลังทำ และคำถามที่พบบ่อย

 

ทำความเข้าใจโครงหน้าก่อนเลือกวิธี

การประเมินเบื้องต้นมักพิจารณาแนวกราม คาง โหนกแก้ม ความหนาบางของผิว และสัดส่วนใบหน้าโดยรวม เพราะสิ่งเหล่านี้มีผลโดยตรงต่อการเลือกเทคโนโลยีและระดับความลึกที่เหมาะสม บทความนี้โฟกัส 3 รูปหน้าที่พบได้บ่อย ได้แก่

• หน้ากลม (Round Face)

จุดเด่น: เส้นรอบใบหน้าคล้ายวงรี–วงกลม มุมกรามไม่เด่น แก้มค่อนข้างเต็ม

ปัญหาที่เจอบ่อย: ใบหน้าดูสั้น/ไม่มีมิติ กรอบหน้าไม่คม และมีโอกาสเห็นเหนียงเมื่อมีน้ำหนักเพิ่ม

• หน้าตอบ (Hollow Face)

จุดเด่น: โครงหน้าเรียวยาว โหนกแก้มชัด ใต้โหนกแก้มดูยุบ

ปัญหาที่เจอบ่อย: ใบหน้าดูซูบ ร่องใต้ตา/ร่องแก้มเด่น เมื่ออายุเพิ่มอาจเห็นความหย่อนและริ้วรอยง่าย

• หน้าเหลี่ยม (Square Face)

จุดเด่น: แนวกรามกว้างและคม โหนกแก้มชัด หน้าผาก–กรามมีสัดส่วนใกล้เคียง

ปัญหาที่เจอบ่อย: ลุคดูแข็ง แนวกรามช่วงล่างหย่อนง่ายเมื่ออายุเพิ่ม ทำให้กรอบหน้าไม่เรียบ

จับคู่เทคโนโลยียกกระชับกับโครงหน้า

หน้ากลม

เป้าหมายคือสร้างมิติให้ใบหน้าดูยาวขึ้น ลดวอลุ่มเฉพาะจุด และคมกรอบหน้า แนวทางที่มักพิจารณา:

• คลื่นอัลตราซาวนด์และคลื่นวิทยุที่ลงลึก เช่น Ultherapy Prime, Ultraformer MPT, Thermage FLX, Oligio, Super HIFU ช่วยกระตุ้นคอลลาเจนและประคองชั้นผิว–SMAS ให้กระชับขึ้น บางโปรแกรมสามารถจัดการไขมันหน้าแก้ม/ใต้คางได้ในระดับหนึ่ง (ขึ้นกับพารามิเตอร์และเทคนิค)

หน้าตอบ

โจทย์หลักคือยกโดยไม่ลดวอลุ่มเกินไป เพื่อรักษาความอิ่มฟูของแก้ม:

• เทคโนโลยีเน้นการกระตุ้นกล้ามเนื้อและคอลลาเจน เช่น Ultraformer 4D Lift, Fix Lift, EMFACE เหมาะกับผู้ที่ผิวบาง โครงหน้าซูบ ช่วยให้ผิวดูแน่นขึ้นโดยไม่ไปลดเนื้อแก้มจนยุบกว่าเดิม

หน้าเหลี่ยม

ต้องการความละมุนบริเวณแนวกราม ลดความแข็งของกรอบหน้า และกระชับช่วงล่างของใบหน้า:

• เทคโนโลยีคลื่นวิทยุ/อัลตราซาวด์เชิงลึก เช่น Thermage FLX, Super HIFU, Fix Lift, EMFACE เน้นยกผิวชั้นลึกและประคองกรอบหน้าให้เข้ารูปมากขึ้น

 

วางแผนให้เหมาะกับแต่ละคน

แม้จะใช้รูปหน้าเป็นฐานคิด แต่ผลลัพธ์ยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยร่วม ดังนี้

• โครงสร้างหน้าและคุณภาพผิว: ความหนาของผิว ปริมาณไขมันใต้ผิว จุดที่หย่อนจริง ๆ อยู่ชั้นไหน
• ระดับความเปลี่ยนแปลงที่คาดหวัง: ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงชัด หรือเนียนเป็นธรรมชาติ
• การเลือกเทคโนโลยีและความลึก: บางเคสควรลงถึงชั้น SMAS ขณะที่ผิวบางมากอาจต้องค่อยเป็นค่อยไป
• อายุและสุขภาพ: กลุ่มวัย 30–40 ปีอาจใช้พลังงานไม่ลึกมาก ในวัย 50+ มักต้องผสานหลายชั้นการรักษา
• การติดตามผล: นัดประเมินซ้ำ ปรับพารามิเตอร์หรือวางแผนบำรุงผิวต่อเนื่อง เพื่อยืดอายุผลลัพธ์

 

เครื่องยกกระชับช่วยอะไรได้บ้าง

• ประคองผิวที่หย่อนให้ตึงกระชับขึ้น
• ลดความหย่อนบริเวณแก้ม ใต้คาง และแนวกรอบหน้า
• เสริมความคมชัดของกรอบหน้าโดยไม่พึ่งการผ่าตัด
• ช่วยจัดการเหนียง/คางสองชั้นระดับหนึ่ง (ขึ้นกับเทคนิค)
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน–อีลาสติน
• ช่วยให้ริ้วรอย–ร่องลึกลดความเด่น
• ผิวดูละเอียดและยืดหยุ่นขึ้น ดูอิ่มฟู สุขภาพดี
• ปรับสัดส่วนใบหน้าให้กลมกลืนมากขึ้น

 

ข้อดีของเครื่องยกกระชับ

• ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ค่อนข้างเร็ว
• ยกกระชับปรับรูปหน้าให้ดูสมส่วนขึ้นโดยคงลักษณะเฉพาะบุคคล
• มีตัวเลือกหลากหลายทั้งระดับพลังงานและงบประมาณ
• ทำเฉพาะจุดได้ เช่น หางตา มุมปาก คาง หรือกรอบหน้า
• ผสานกับหัตถการอื่นได้ หากแพทย์เห็นว่าเหมาะสม

 

ดูแลตัวเองหลังทำอย่างไรให้คุ้มค่า

• หลีกเลี่ยงแดดจัด และทากันแดด SPF 50 PA++++ เป็นประจำ
• งดออกกำลังกายหนัก 2–3 วันแรก และงดซาวน่า อบไอน้ำชั่วคราว
• งดแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ช่วงแรก
• เลี่ยงการถูหน้าแรง ๆ หรือนอนทับใบหน้าโดยตรง
• งดนวดหน้า ทรีตเมนต์แรง ๆ 1–2 สัปดาห์
• เลือกสกินแคร์อ่อนโยน เพิ่มความชุ่มชื้น ดื่มน้ำให้พอ และนอนให้พอ

 

คำถามพบบ่อย

• ต้องทำกี่ครั้งถึงเห็นผล และควรทำบ่อยแค่ไหน?

หลายเทคโนโลยีเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรก และมักชัดขึ้นภายใน 1–3 เดือน ระยะคงอยู่โดยประมาณขึ้นกับชนิดเครื่อง การดูแล และสภาพผิว ส่วนโปรแกรมที่ออกแบบเป็นคอร์สอาจแนะนำทำหลายครั้งช่วงแรกแล้วนัดทบทวนรายปี ทั้งนี้แพทย์จะวางแพลนให้เหมาะกับงบประมาณและสภาพผิวของแต่ละคน

• เหตุใดโครงหน้าคล้ายกัน ผลลัพธ์ยังต่างกัน?

เพราะความหนาผิว ปริมาณไขมันชั้นลึก โทนกล้ามเนื้อ อายุ คอลลาเจนเดิม ไลฟ์สไตล์ รวมถึงเทคนิคและความแม่นยำในการประเมิน ล้วนมีผลต่อการตอบสนองของผิว

• ยกเฉพาะจุด vs ยกทั่วหน้า เลือกแบบไหนดี?

ถ้ามีปัญหาเฉพาะจุด เช่น เหนียงเล็กน้อย หางตาตก การทำเฉพาะบริเวณอาจเพียงพอ แต่หากความหย่อนกระจายหลายส่วน กรอบหน้าไม่ชัดทั่วด้าน การทำแบบองค์รวมจะช่วยให้ภาพรวมกลมกลืน

 

สรุปเลือกตามโครงหน้า แล้วปรับแผนให้เข้ากับผิวของคุณ

• หน้ากลม: เน้นลดวอลุ่มเฉพาะจุดและยกชั้นลึกให้กรอบหน้าคม
• หน้าตอบ: ยกอย่างระวัง ไม่ลดเนื้อแก้มเกินไป โฟกัสความแน่นของผิว
• หน้าเหลี่ยม: ลดความแข็งของแนวกรามและประคองช่วงล่างให้ละมุน

 

ท้ายที่สุด การวางแผนร่วมกับแพทย์ พร้อมประเมินอายุ ความหนาผิว ระดับความหย่อน และเวลาพักฟื้น จะช่วยให้ผลลัพธ์ดูสมดุล เข้ากับเอกลักษณ์ใบหน้าของคุณได้อย่างพอดี และอยู่ในกรอบตามความเหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน หากกำลังมองหาวิธีที่ใช่ ลองเริ่มจากการประเมินโครงหน้าให้ชัด แล้วค่อยเลือกเทคโนโลยีที่สอดคล้องมากกว่าการมองแค่ความนิยม เพียงเท่านี้ การยกกระชับครั้งต่อไปก็มีแนวโน้มจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พอดีและมั่นใจยิ่งขึ้น