เวลาของเราไม่เท่ากัน
ในสามัญสำนึกของคนเรา มักรู้สึกว่าเวลากำลังเดินไปข้างหน้าตลอดเวลา ผู้คนที่อยู่รอบตัวเราก็อายุมากขึ้นไปพร้อม ๆ กับเรา ลองจินตนาการ ถ้าหากเรามีฝาแฝดที่เกิดวันและเวลาเดียวกัน เราจะอวยพรวันเกิดพร้อม ๆ กันทุก ๆ ปี และเป็นเช่นนั้นเสมอ

แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ฝาแฝดคนหนึ่ง จะแก่ช้ากว่าอีกคนหนึ่ง
หรือพูดให้ลึกซึ้งลงไปอีก ก็คือ นาฬิกาของทั้งสองคนเดินไม่เท่ากัน
ย้อนหลังไปราวศตวรรษที่ 19 หลังจากที่ไอน์สไตน์ประกาศทฤษฎีสัมพัทธภาพ หนึ่งในเนื้อหานั้นได้ทำนายว่า แรงดึงดูดโน้มถ่วง และความเร่ง จะมีผลทำให้เวลาเดินช้าลง ตัวอย่างแรกเช่น นาฬิกาที่อยู่ใกล้กับระดับน้ำทะเลเฉลี่ย จะเดินช้ากว่านาฬิกาที่อยู่ในจุดที่สูงขึ้นไป เป็นเพราะความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานกับความถี่ของแสง (จำนวนของคลื่นแสงต่อวินาที) โดยที่ “ยิ่งแสงมีพลังงานสูง ก็ยิ่งมีความถี่มาก”

แต่ถ้าหากแสงเดินทางขึ้นสู่เบื้องบนในสนามแรงโน้มถ่วงของโลก แสงก็จะสูญเสียพลังงาน ความถี่ของแสงก็จะลดลง (ระยะเวลาระหว่างยอดคลื่นเพิ่มขึ้น) ทั้งนี้ แสงจะเดินทางด้วยความเร็วคงที่เสมอ ดังนั้น คนที่อยู่จุดที่สูง ๆ จึงรู้สึกว่าเวลาด้านล่างผ่านไปช้ากว่าปกติ
เรื่องนี้ได้มีการทดลอง โดยใช้นาฬิกาที่มีความเที่ยงตรงสูงวางไว้ที่ตำแหน่งด้านบนกับด้านล่างหอคอยสูง ผลปรากฏว่า นาฬิกาที่อยู่ด้านล่างเดินช้ากว่านาฬิกาที่อยู่ด้านบนจริง ๆ ดังนั้น ถ้าให้ฝาแฝดคนแรกอยู่บนที่สูง ส่วนอีกคนอยู่ในระดับน้ำทะเลเฉลี่ย ฝาแฝดคนแรกจะแก่เร็วกว่าคนที่สอง ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของอายุในกรณีนี้จะมีน้อยมาก
ในปัจจุบัน เทคโนโลยีการนำร่องสัญญาณด้วยดาวเทียม จะต้องคำนึงถึงความต่างของเวลาที่ระดับความสูงด้วย เพราะถ้าหากไม่มีการคำนวณ ระยะทางจะมีความผิดพลาดไปหลายกิโลเมตรเลยทีเดียว
กรณีถัดมา ถ้าหากฝาแฝดคนหนึ่ง เคลื่อนที่ไปกับยานอวกาศด้วยความเร็วเข้าใกล้แสง ส่วนอีกคนรออยู่บนโลก เมื่อเวลาผ่านไปจนแฝดคนที่หนึ่งโคจรรอบโลกครบ 1 รอบแล้วกลับมาพบกัน อะไรจะเกิดขึ้น?

เมื่ออิงตามหลักสัมพัทธภาพ (ภาคทั่วไป) หากวัตถุเคลื่อนที่เข้าใกล้ความเร็วแสง เวลาจะเดินช้าลง (เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วในระดับเดียวกัน)
หลักในการคำนวณง่าย ๆ อย่างแรก ให้นึกภาพในใจไว้ 2 กรณี
กรณีแรก คือ ถ้าหากเราเป็นคนที่รออยู่บนโลก จะใช้เวลาในการรอเท่ากับค่าค่าหนึ่ง
กรณีที่สอง คือ ถ้าหากเราเป็นคนที่โคจรไปกับยานอวกาศ จะใช้เวลาเดินทางอีกค่าหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับเวลาบนโลกที่ผ่านไป เวลาที่ผ่านไปของคนบนยานอวกาศจะเดินช้ากว่า ส่วนเวลาจะเดินช้ามากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับว่า เดินทางด้วยความเร็วมากเท่าใด โดยนำเวลาบนโลกที่ผ่านไป หารด้วยค่าตัวแปรเปรียบต่าง ระหว่างความเร็วที่เดินทางกับความเร็วแสง
การเปรียบเทียบเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ในลักษณะนี้ มีนักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายความสัมพันธ์ไว้ในรูปแบบของสมการ หรือที่รู้จักกันดีคือ การแปลงลอว์เรนซ์ (Lorentz transformation) โดยที่สมการนี้เขียนในรูปที่เข้าใจง่ายได้ว่า
γ (อ่านว่า แกมมา) เป็นค่าการแปลงลอร์เรนซ์ เป็นค่าความเปรียบต่าง
v คือความเร็วที่ใช้ในการเคลื่อนที่
c คือความเร็วของแสง
สิ่งที่น่าสนใจของสมการคือ ในชีวิตปกติ การเคลื่อนที่จะเป็นความเร็วที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับความเร็วแสง อัตราส่วน v/c จึงมีค่าน้อยมาก ค่าความเปรียบต่างของเวลาจึงมีค่าอยู่ประมาณค่าหนึ่ง เราอาจไม่พบความแตกต่างมากนัก

แต่ถ้าหากความเร็วของการเคลื่อนที่มีค่าสูงมาก เช่น 80% ของความเร็วแสง อัตราส่วน v/c ก็จะมีค่ามากตาม ค่าความเปรียบต่างของเวลาระหว่าง 2 เหตุการณ์ก็จะเริ่มเห็นได้ชัดยิ่งขึ้น
กลับมาที่ฝาแฝด สมมติว่าฝาแฝดคนที่อยู่บนโลก มองเห็นยานอวกาศเคลื่อนที่เป็นเวลา 10 ปี กว่าที่จะกลับมาหาเขา แต่คนที่อยู่บนยาน จะพบว่าเวลาของตัวเองเดินช้ากว่า โดยเวลาที่ใช้เดินทางจะเท่ากับเวลาบนโลก หารด้วยค่าเปรียบต่างเวลาหรือแกมมา
ถ้าหากทั้งสองคนส่งข้อความอวยพรวันเกิดให้แก่กัน ก็จะได้รับข้อความไม่ตรงกันจำนวนครั้งไม่เท่ากัน โดยที่แฝดคนบนโลก อาจส่งข้อความไปทั้งหมด 10 ครั้ง แต่คนบนยาน อาจส่งข้อความมาไม่ถึง 10 ครั้ง เพราะเวลาผ่านไปช้ากว่านั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง ไม่มีวัตถุใดสามารถเดินทางเข้าใกล้ความเร็วแสงได้มากขนาดนั้น และการวัดอายุของมนุษย์ก็ไม่สามารถทำการทดลองที่ชี้ชัดได้ขนาดนั้นเช่นกัน แต่เรื่องนี้ก็ได้รับการพิสูจน์ โดยใช้นาฬิกาอะตอมที่มีค่าครึ่งชีวิตเท่ากัน เรือนหนึ่งโดยสารไปกับเครื่องบิน (ซึ่งถึงแม้จะเดินทางช้ากว่าแสงเป็นล้านเท่าก็ตาม) กับอีกเรือนตั้งอยู่บนพื้นโลก ผลปรากฏว่า เวลาของนาฬิกาที่เดินทาง เดินช้ากว่านาฬิกาที่อยู่บนพื้นโลกจริง ๆ

สัมพัทธภาพนั้นเป็นสาระทางวิทยาศาสตร์โดยแท้ แต่ก็ชี้ให้เห็นว่า มนุษย์ทุกคน ดูจะมีเวลาเป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่า อยู่ ณ ตำแหน่งไหน และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าไร ซึ่งก็หมายความว่า “เวลาของเราไม่เท่ากัน”
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
ทนายเจมส์เปิดคำตอบ! ใครคือคนแรกที่โทรหาเรื่องพินัยกรรม "นัทปง" หลังเสียชีวิตไม่ถึง 24 ชั่วโมง
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
อาสากู้ชีพเปิดใจนาทีแรก รับแจ้งเหตุ “นัทปง” ณัฐวุฒิ ปงลังกา เสียชีวิต เผยพบเพื่อนอยู่ร่วมที่เกิดเหตุ 2 ราย
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
"Dark Side" และ "Light Side" สองด้านในตัวตนที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณชาว 12 ราศี
ดาบตำรวจจราจร เมืองคอน!ทุ่มสุดตัวปีนหลังคาศูนย์จราจร จัดป้ายผ้าแพรพิธีเปิด ถูกลมพัดปลิว
อำเภอบางขันดุ!มือปืนควงเอ็ม 16 กราดยิงบ้านครูสาวอนุบาล โชคดีไร้คนเจ็บ
กัมพูชา ซัดไทย ไร้ความพร้อม ขาดศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์แนะ ไม่พร้อมอย่าจัด ให้ดูปี 2023 ที่กัมพูชาเป็นเจ้าภาพ ปีนั้นไร้ที่ติ นานาชาติล้วนชื่นชม
ทนายเจมส์เปิดคำตอบ! ใครคือคนแรกที่โทรหาเรื่องพินัยกรรม "นัทปง" หลังเสียชีวิตไม่ถึง 24 ชั่วโมง
หัวใจแตกสลายทั้งโซเชียล! "สาวญี่ปุ่น" สุดคิวท์ถูกแมวป่วนใต้กระโปรง แท้จริงคือคุณพ่อลูกสอง วัย 48
ณวัฒน์ใจป๋า! ควักเงินหลักล้านบาท ปั้น "กชเบล" ขึ้นแท่นผู้จัดซีรีส์แนวตั้ง เตรียมดึง "เฌอเอม-วีนา" เสริมทัพ
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง


