ประวัติและที่มาของ”ไฟ”และ “ไม้ขีดไฟ”
“ไฟ” เป็นสิ่งที่อยู่ควบคุ่กับมนุษย์มายาวนาน โดยมนุษย์เริ่มรู้จักใช้และควบคุมไฟตั้งแต่ราว 1.4 ล้านปีก่อน โดยใช้ในการปรุงอาหาร ป้องกันตัว และให้แสงสว่าง ซึ่งเป็นวิวัฒนาการสำคัญที่ช่วยให้มนุษย์อยู่รอดและตั้งถิ่นฐานได้ หลักฐานการใช้ไฟที่เก่าแก่ที่สุดพบในอิสราเอล ย้อนไปถึง 1 ล้านปีก่อน จากการตรวจสอบเครื่องมือหินที่ถูกเผาด้วยความร้อนสูง ส่วนวิธีการจุดไฟนั้น นักวิจัยสันนิษฐานว่าอาจเป็นการใช้หินไฟหรือการนำไฟจากธรรมชาติมาใช้ แล้วไม้ขีดไฟหล่ะ เกิดขึ้นเมื่อไหร่ มาดูประวัติกัน
“ไม้ขีดไฟ” เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ปฏิวัติวิธีการจุดไฟของมนุษย์ จากจุดเริ่มต้นที่ไม่สมบูรณ์แบบ สู่การพัฒนาที่คำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ จนกลายเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน
จุดเริ่มต้นในยุโรปประมาณ พ.ศ. 2370 โดย จอห์น วอล์คเกอร์ (อังกฤษ) นักเคมีชาวอังกฤษผู้นี้ได้ประดิษฐ์ไม้ขีดไฟชิ้นแรกขึ้น โดยทำจากเศษไม้จุ่มปลายในส่วนผสมของแอนติโมนีซัลไฟด์, โปตัสเซียมคลอเรต และกาวจากยางไม้ (gumarabic) เมื่อนำไม้ขีดขูดกับกระดาษทราย แรงเสียดทานจะทำให้เกิดความร้อนและไม้ขีดจะติดไฟได้ ไม้ขีดของวอล์คเกอร์เป็นแบบ "ขีดกับอะไรก็ได้" แต่ก็ยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะติดไฟทุกครั้งไป
ต่อมา พ.ศ. 2373 ชาร์ลส์ โซเรีย (ฝรั่งเศส) โซเรียได้พัฒนาไม้ขีดไฟโดยใช้ฟอสฟอรัสเหลืองที่ปลายไม้ขีด แม้จะทำให้ติดไฟง่ายขึ้น แต่ฟอสฟอรัสเหลือง (หรือฟอสฟอรัสขาว) กลับมีพิษร้ายแรง ทำให้คนงานในโรงงานผลิตไม้ขีดไฟล้มป่วยถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตด้วยโรค "phossy jaw" (ขากรรไกรเน่า) ในช่วงสิ้นศตวรรษที่ 19
การพัฒนาสู่ความปลอดภัยและประสิทธิภาพขอองไม้ขีดไฟ เริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2383 มีการค้นพบฟอสฟอรัสแดงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการผลิตไม้ขีดไฟที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ไม่เป็นพิษ ไม้ขีดไฟที่ใช้ฟอสฟอรัสแดงจำเป็นต้องจุดบนพื้นผิวเฉพาะที่เตรียมไว้เท่านั้น ผิวสำหรับขีดที่อยู่ข้างกล่องไม้ขีดจะมีฟอสฟอรัสแดงผสมกับยางไม้ (gumarbic) หรือกาวอื่นๆ ส่วนหัวไม้ขีดจะมีโปแตสเซียมคลอเรต เมื่อหัวไม้ขีดกระทบกับฟอสฟอรัสแดง จะเกิดปฏิกิริยาให้ความร้อนมากพอและไฟจะติดขึ้นได้
ส่วนของวัสดุของก้านไม้ขีด นอกจากไม้แล้ว ยังมีวัสดุอื่นๆ ที่สามารถใช้เป็นก้านไม้ขีดได้ เช่น ด้ายเคลือบขี้ผึ้ง และกระดาษแข็งเคลือบขี้ผึ้ง แต่ไม้ยังคงเป็นวัสดุที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทำก้านไม้ขีด ไม้ที่เหมาะสำหรับทำก้านไม้ขีดควรเป็นไม้สีขาว ไม่มีกลิ่น เนื้อไม้ไม่แข็งหรืออ่อนเกินไป ไม้ที่นิยมใช้ ได้แก่ ไม้มะยมป่า, ไม้มะกอก, ไม้อ้อยช้าง, ไม้ปออกแตก เป็นต้น ก่อนการจุ่มทำหัวไม้ขีด ปลายก้านไม้ขีดจะต้องถูกจุ่มในขี้ผึ้งพาราฟินก่อน พาราฟินทำหน้าที่เป็นตัวส่งผ่านเปลวไฟจากหัวไม้ขีดไปยังก้านไม้ขีด หากไม่มีพาราฟิน เมื่อไฟติดก็จะดับในทันที นอกจากนี้ หากเนื้อไม้แข็งเกินไป ก็จะไม่ดูดซึมพาราฟินได้ดี และหากไม้อ่อนเกินไป ก้านไม้ขีดก็จะไม่คงรูปเป็นก้านตรง
จะเห็นได้ว่า ไฟเป็นส่วนหนึ่งของมนุษย์มีคุณประโยชน์ และมีโทษเช่นกัน หากคุณประมาณใช้ไฟผิดวิธีอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี
************
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
ฝรั่งเศสเปิดตัวแล้ว! ยกระดับเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับ "กัมพูชา"..พร้อมสนับสนุนการฝึกฝนทางยุทธวิธี
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
ทางขึ้นพระวิหาร ที่โดน F16 ไทยบินทิ้งระเบิดตัดขาดเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์เขมรใช้เวลาซ่อม เสร็จเพียง 1 วันสามารถสัญจรได้
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
ไขข้อสงสัย! ลืมอุ่นอาหารจาก 7-11 เอากลับไปขอเวฟที่ร้านทีหลังได้หรือไม่? เปิดคำตอบจาก "น้องเปาเซเว่น"
เขมร ช่วยกันหามร่าง ผู้เสียชีวิตลงมา จากเขาพระวิหาร
ให้คนแต่งเป็นแพนด้าเพื่อดึงนักท่องเที่ยว
บทเรียนรักกลางสมุทร: อดีตลูกเรือสำราญเตือนสติ ทำไม "ความรักในที่ทำงาน" บนเรือถึงเป็นดราม่าที่หนีไม่พ้น
เจาะเทรนด์ปี 2026! นิสัยและไลฟ์สไตล์ผู้ชายแบบไหนที่ "ดึงดูดใจ" สาวๆ ยุคใหม่มากที่สุด
😉 ชวนลองเข้ามาดูเหตุการณ์ความบังเอิญแปลก ๆ ที่แทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย 😁
ทางขึ้นพระวิหาร ที่โดน F16 ไทยบินทิ้งระเบิดตัดขาดเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์เขมรใช้เวลาซ่อม เสร็จเพียง 1 วันสามารถสัญจรได้
ให้คนแต่งเป็นแพนด้าเพื่อดึงนักท่องเที่ยว
เคล็ดไม่ลับ นึ่งข้าวให้เหนียวนุ่ม
เรื่องของผู้ชายที่ควรรู้เกี่ยวกับการช่วยตัวเองบ่อยๆ ว่าจะทำให้ระดับฮอร์โมนเพศชายลดลงหรือไม่
“แอ่งดานาคิล” ราวกับอยู่บนต่างดาว สถานที่สุดโหดร้ายแห่งหนึ่งของโลก
ภาพของเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงหรือทีมทำความสะอาด ที่กำลังปฏิบัติงานบริเวณ "ดวงตา" ขององค์พระพุทธรูปอุชิคุ ไดบุตสึ
เผยโฉม "Dracula’s Chivito": จานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเท่าที่เคยพบ

