10 สูตรครีมบำรุงผิวที่โรงงานผลิตครีมส่วนใหญ่นิยมผลิต

อุตสาหกรรมสกินแคร์ในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2025 โดยเฉพาะกลุ่ม ครีมบำรุงผิว ที่ยังคงครองตลาดเป็นอันดับต้นๆ เพราะผู้บริโภคมองว่าครีมคือผลิตภัณฑ์หลักในการดูแลผิวประจำวัน ด้วยเหตุนี้ โรงงานผลิตครีม ในไทยส่วนใหญ่จึงพัฒนาสูตรครีมบำรุงผิวหลากหลายรูปแบบ เพื่อตอบโจทย์ทั้งแบรนด์ใหญ่และเจ้าของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 สูตรครีมบำรุงผิวยอดนิยม ที่ OEM ส่วนใหญ่เลือกผลิต โดยแต่ละสูตรมีคุณสมบัติ ส่วนผสม และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน หากคุณกำลังวางแผนสร้างแบรนด์สกินแคร์ บทความนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมและแนวโน้มของตลาดได้ชัดเจนขึ้น

1. ครีมบำรุงผิวเพื่อผิวขาวกระจ่างใส (Whitening Cream)

ครีมสูตรไวท์เทนนิ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดในตลาดสกินแคร์ไทยและเอเชีย เพราะผู้บริโภคจำนวนมากยังให้ความสำคัญกับผิวที่ดูสว่าง กระจ่างใส โรงงานผลิตครีม ส่วนใหญ่นิยมใช้สารสกัดอย่าง Niacinamide, Alpha Arbutin, Vitamin C, Licorice Extract รวมถึงสมุนไพรท้องถิ่น เช่น มะหาด หรือขมิ้นชัน เพื่อช่วยลดจุดด่างดำและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

แนวโน้มปี 2025 คือการใช้สารไวท์เทนนิ่งที่ปลอดภัยและผ่านการรับรอง เช่น Ascorbyl Glucoside (วิตามินซีเสถียร) หรือ Tranexamic Acid เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ทั้งยังสอดคล้องกับกระแส Clean Beauty ที่หลีกเลี่ยงสารอันตราย

2. ครีมลดริ้วรอยและกระชับผิว (Anti-Aging Cream)

อีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมสูงคือครีมลดริ้วรอย เพราะกลุ่มผู้บริโภควัยทำงานและวัยกลางคนมีความต้องการแก้ปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย และความหมองคล้ำ ส่วนผสมสำคัญที่นิยมใช้ ได้แก่ Retinol, Peptide, Collagen, Hyaluronic Acid ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูโครงสร้างผิว และเพิ่มความยืดหยุ่น

เทรนด์ใหม่คือการผสมผสานสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Resveratrol หรือ Astaxanthin ที่มีคุณสมบัติสูงกว่าวิตามินซีทั่วไป เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความแตกต่างและเจาะตลาดพรีเมียมได้ชัดเจนขึ้น

3. ครีมกันแดดบำรุงผิว (Day Cream with SPF)

ด้วยสภาพอากาศร้อนชื้นของไทย ครีมกันแดดบำรุงผิวกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ OEM ผลิตเป็นอันดับต้นๆ สูตรนี้ผสมผสานทั้งสารกันแดดเคมีและฟิสิคัล เช่น Zinc Oxide, Titanium Dioxide, Octocrylene พร้อมกับสารบำรุงอย่างวิตามินอีและสารสกัดชาเขียว

แนวโน้มล่าสุดคือการพัฒนาสูตร Hybrid Sunscreen ที่เนื้อบางเบา ซึมง่าย ไม่ทิ้งคราบขาว และยังมี Active Ingredients เสริม เช่น Niacinamide หรือ Ceramide เพื่อบำรุงผิวควบคู่ไปกับการปกป้องแสงแดด

4. ครีมกลางคืนฟื้นฟูผิว (Night Cream)

ครีมกลางคืนเป็นสูตรที่เน้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวในช่วงเวลาที่เรานอนหลับ เพราะเป็นช่วงที่ผิวมีการสร้างเซลล์ใหม่มากที่สุด โรงงานผลิตครีมจึงนิยมพัฒนาสูตรที่มีความเข้มข้นสูงและใช้สารออกฤทธิ์ที่ทำงานได้ดีกว่าในเวลากลางคืน เช่น Retinol, Peptide Complex, Ceramide และสารสกัดจากธรรมชาติอย่างใบบัวบกหรือคาโมมายล์

แนวโน้มในปี 2025 คือการสร้างสูตร Night Cream แบบ Multi-Tasking ที่รวมคุณสมบัติหลายด้าน เช่น ฟื้นฟูผิว ลดริ้วรอย เพิ่มความชุ่มชื้น และลดรอยสิวในกระปุกเดียว เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายและผลลัพธ์ชัดเจน

5. ครีมบำรุงผิวสำหรับผิวแพ้ง่าย (Sensitive Skin Cream)

ตลาดผิวแพ้ง่ายเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากมลภาวะและไลฟ์สไตล์ที่ทำให้ผิวอ่อนแอมากขึ้น โรงงาน OEM นิยมผลิตครีมสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ และพาราเบน พร้อมใส่สารปลอบประโลม เช่น Allantoin, Panthenol, Beta-Glucan, Centella Asiatica

จุดสำคัญคือการทดสอบ Hypoallergenic และ Dermatologically Tested เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค ปัจจุบันยังมีการพัฒนา Microbiome Skincare ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์บนผิว เพื่อลดการระคายเคืองและเสริมเกราะป้องกันผิว

6. ครีมเติมความชุ่มชื้นสูง (Moisturizing Cream)

แม้จะเป็นสูตรพื้นฐานที่สุด แต่ครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ก็ยังเป็นที่นิยมตลอดกาล เพราะผู้บริโภคทุกเพศทุกวัยต้องการความชุ่มชื้นที่เหมาะสม ส่วนผสมที่ใช้บ่อย ได้แก่ Hyaluronic Acid, Glycerin, Ceramide, Squalane ซึ่งช่วยกักเก็บน้ำในผิวและฟื้นฟูปราการผิว

ในปี 2025 เทรนด์คือการทำ Moisturizer แบบ Smart Hydration ที่ปรับการปล่อยความชุ่มชื้นตามสภาพอากาศและสภาพผิว รวมถึงการผสมสาร Anti-pollution เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่

7. ครีมบำรุงผิวสูตรสมุนไพรไทย (Herbal Cream)

สมุนไพรไทยถือเป็นจุดแข็งที่ทำให้โรงงานผลิตครีมในประเทศไทยแตกต่างจากประเทศอื่น เพราะมีวัตถุดิบธรรมชาติที่ใช้สืบต่อกันมานานและได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น ขมิ้นชัน, ว่านหางจระเข้, มะหาด, มังคุด, ใบบัวบก เป็นต้น การนำสมุนไพรเหล่านี้มาใช้ในสูตรครีมบำรุงผิวไม่เพียงช่วยสร้างความโดดเด่น แต่ยังสอดคล้องกับเทรนด์ Natural & Clean Beauty ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ

ตัวอย่างเช่น ครีมขมิ้นที่ช่วยลดการอักเสบและปรับสีผิวให้กระจ่างใส ครีมว่านหางจระเข้ที่ช่วยปลอบประโลมผิวหลังโดนแดด หรือครีมใบบัวบกที่ช่วยฟื้นฟูแผลเป็นและรอยสิว การพัฒนาสูตรสมุนไพรไทยยังสามารถผสมผสานกับสารสกัดสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างความแตกต่างในตลาดได้

ในปี 2025 ความนิยมของ Herbal Skincare ยังคงเติบโต โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ปลอดภัย และมีเรื่องราวเชื่อมโยงกับท้องถิ่น (Local Storytelling) ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าด้านการตลาดให้กับแบรนด์ใหม่ๆ

8. ครีมลดสิวและรอยสิว (Acne Treatment Cream)

สิวและรอยสิวยังคงเป็นปัญหาหลักของผู้บริโภคในทุกช่วงวัย ทำให้ครีมลดสิวและรอยสิวเป็นหนึ่งในสูตรที่โรงงานผลิตครีมได้รับคำสั่งผลิตมากที่สุด ส่วนผสมที่นิยม เช่น Salicylic Acid (BHA), Niacinamide, Zinc PCA, Tea Tree Oil รวมถึงสารสกัดสมุนไพรอย่างใบบัวบกหรือชาเขียว

แนวโน้มล่าสุดคือการพัฒนา Acne Care แบบครบวงจร ที่ไม่เพียงลดการอุดตันและยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย แต่ยังเน้นการฟื้นฟูเกราะผิว ลดการอักเสบ และป้องกันรอยดำหลังสิวหาย เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น โรงงาน OEM หลายแห่งจึงเริ่มใช้สารสกัดใหม่ๆ เช่น CICA Complex, Bakuchiol, Probiotics ที่มีความอ่อนโยนและตอบโจทย์ผิวแพ้ง่ายด้วย

ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ยังมีความต้องการสูงในตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์มอย่าง Shopee และ TikTok Shop ที่ผู้บริโภคมักค้นหาครีมลดสิวที่เห็นผลจริงและมีรีวิวเชิงบวก

9. ครีมผิวใสสูตรวิตามินเข้มข้น (Vitamin C / Niacinamide Cream)

ครีมที่มีวิตามินเข้มข้นเป็นอีกหนึ่งสูตรยอดนิยมของโรงงาน OEM เพราะตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และเสริมความแข็งแรงให้ผิว ส่วนผสมหลักที่ใช้ ได้แก่ Vitamin C derivatives (Ascorbyl Glucoside, Magnesium Ascorbyl Phosphate), Niacinamide, และสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น วิตามินอีหรือเรสเวอราทรอล

ความท้าทายคือการทำให้สารเหล่านี้มีความเสถียรในสูตร โรงงานผลิตครีมจึงพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ เช่น การห่อหุ้มในไลโปโซม (Encapsulation) หรือใช้บรรจุภัณฑ์แบบ Airless Pump เพื่อคงคุณภาพและยืดอายุการใช้งาน แนวโน้มปี 2025 ยังรวมถึงการพัฒนา Multi-vitamin Cream ที่รวมวิตามินหลายชนิดเพื่อเสริมประสิทธิภาพแบบครบด้าน

10. ครีม All-in-One / Multi-Function

สำหรับผู้บริโภครุ่นใหม่ที่นิยมความสะดวกและการดูแลผิวที่ง่ายขึ้น ครีมแบบ All-in-One ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สูตรนี้รวมคุณสมบัติหลายอย่างไว้ในหนึ่งเดียว เช่น ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับผิวให้กระจ่างใส ลดริ้วรอย และปกป้องผิวจากมลภาวะ ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการดูแลผิว

โรงงานผลิตครีมหลายแห่งพัฒนาสูตร All-in-One ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบัน เช่น Day & Night Cream ที่ใช้ได้ทั้งเช้าและก่อนนอน หรือครีมที่รวมกันแดด + บำรุง + กันมลพิษไว้ในกระปุกเดียว แนวโน้มนี้ช่วยตอบโจทย์ตลาด Urban Lifestyle และ Gen Z ที่มองหาความคุ้มค่าและความสะดวก

แนวโน้มตลาดครีมบำรุงผิว 2025

นอกจาก 10 สูตรยอดนิยมแล้ว ตลาดครีมบำรุงผิวยังมีแนวโน้มใหม่ที่น่าจับตามองในปี 2025 ได้แก่

• Clean Beauty & Vegan Skincare — ผู้บริโภคสนใจผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารก่อระคายและไม่ทดลองกับสัตว์
• Personalized Skincare — การปรับสูตรตามสภาพผิวและ DNA ของแต่ละบุคคล
• Eco-friendly Packaging — บรรจุภัณฑ์ที่รีไซเคิลได้หรือย่อยสลายได้
• Skincare for Men — ตลาดผู้ชายเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะครีมบำรุงผิวหน้าสูตรเฉพาะ
• Skincare with Story — แบรนด์ที่เล่าเรื่องราววัตถุดิบท้องถิ่นหรือความยั่งยืนจะได้รับความสนใจมากขึ้น

สรุป

ทั้ง 10 สูตรครีมบำรุงผิวยอดนิยมนี้สะท้อนให้เห็นว่า โรงงานผลิตครีม ในไทยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างหลากหลายและทันสมัย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่ม ตั้งแต่ครีมผิวขาว ครีมลดริ้วรอย ครีมกันแดด ไปจนถึงครีมสูตรสมุนไพรและ All-in-One

สำหรับเจ้าของแบรนด์ การเลือกทำงานร่วมกับโรงงานที่มีประสบการณ์และเข้าใจแนวโน้มตลาด จะช่วยให้คุณสร้างผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นและแข่งขันได้ในระยะยาว หากคุณกำลังมองหา โรงงานผลิตครีม ที่ไว้ใจได้ อย่าลืมพิจารณามาตรฐานการผลิต นวัตกรรมที่ใช้ และบริการครบวงจรที่จะช่วยให้แบรนด์ของคุณเติบโตอย่างมั่นคง