รีวิวหนังสือ ความลับของหุ้นเติบโต
พูดถึงการลงทุนหุ้น มีหุ้นประเภทหนึ่งที่เราควรสนใจ นั่นคือ หุ้นเติบโต เพราะถ้าเราเข้าถูกจังหวะ เกาะกระแสการเติบโต การลงทุนของเราก็ไม่ต้องรีบซื้อรีบขาย ส่วนการลงทุนหุ้นประเภทอื่น แม้ผลตอบแทนจะดี แต่เราต้องไวมากๆคือถือนานไม่ได้ ยิ่งถ้าเราทำงานประจำจะไม่มีเวลามานั่งติดตามเลย
นายแว่นลงทุน (คณิต นิมมาลัยรัตน์) เจ้าของเพจนายแว่นลงทุนที่มีประสบการณ์ลงทุนหุ้นแบยเต็มเวลาจะมาถ่ายทอดแนวคิดการลงทุนหุ้นเติบโตแบบเข้าใจง่าย
ความรู้ความประทับใจในมุมมองครีเอเตอร์
อัตราส่วน PSR (Price per Sale ratio) หาได้จาก
PSR = Market Cap / Revenue
นี่คือการนําเอาขนาดของกิจการมาหารด้วยรายได้ที่กิจการทําได้ ยกตัวอย่างเช่น ผมเคยลงทุนหุ้นเดินเรือตัวหนึ่ง ตอนนั้นมี ขนาดกิจการราว 1,200 ล้าน และมียอดขาย 12,000 ล้านบาท นํามาหารจะได้เท่ากับ 1200/12000 = 0.1 เท่า! ซึ่งถือว่าต่ำมาก ในนิยามของหุ้นเติบโต หากค่าค่านี้ต่ำกว่า 3 เท่า ถือว่าน่าสนใจ ติดตามว่าทําไมหุ้นตัวนี้ราคาถึงได้ถูกแสนถูก มีอะไรที่เราต้องระวังหรือไม่
คุณสมบัติของหุ้นเติบโตได้แก่ รายได้โต กำไรโต ปันผลโต เราสามารถมองหาหุ้นเติบโตได้ตามสิ่งที่มากระทบในชีวิตประจำวัน มองหาหุ้นเติบโตที่ยังต่ำกว่ามูลค่าในอนาคตเท่านั้น หลีกเลี่ยงหุ้นที่กำไรหดตัว ลงทุนในหุ้นที่กำไรโตระเบิดเท่านั้น
กําไรบรรทัดสุดท้าย หรือ Net Margin เป็นอะไรที่สร้างความ สนใจได้เสมอสําหรับนักลงทุนทั่ว ๆ ไป เพราะมันเหมือนสิ่งที่ “โผล่พ้นน้ำ” ออกมาแล้ว และนั่นจะทําให้ราคาหุ้น “วิ่ง” อย่างไม่ต้องสงสัย
อะไรที่ทําให้หุ้นเติบโตได้บ้าง สิ่งนี้หลายคนคิดและอยากรู้ ซึ่งแนวคิดจริง ๆ มันค่อนข้างเรียบง่าย ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับตัวเลขทางการเงิน แต่อย่างไรเรามาพิจารณากันดังต่อไปนี้
- รายได้โต แล้วกําไรโตตามรายได้หรือไม่ การพิจารณาว่ารายได้โตอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ สิ่งที่เราต้องดูเป็นจุดสังเกตก็คือกําไรโตตามรายได้หรือไม่อย่างไร
2.มีการเติบโตอย่างเร่งตัว (แบบรวดเร็ว) ด้วยสาเหตุที่ฉพาะเจาะจงหรือไม่ การเติบโตครั้งนี้มีสาเหตุจากอะไร มีความเฉพาะเจาะจงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งคําว่า “เฉพาะเจาะจง หมายความว่า การเติบโตครั้งนี้อาจจะยั่งยืน ยกตัวอย่างเช่น หุ้น อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีเทรนด์การเติบโตตามปริมาณการใช้ชิปประมวลผล แบบเป็นเทรนด์ใหญ่ สําหรับหุ้นส่งออกอาหาร คงต้องมีการเติบโต ในแง่มุมของการเปิดประเทศ การเปิดของร้านอาหาร แบบนี้เป็นต้น
ซึ่งการเติบโตที่มีสาเหตุเฉพาะเจาะจงนั้น นักลงทุนอาจต้อง ใช้ประสบการณ์ในการวิเคราะห์เสียหน่อย ซึ่งมันมองออกยากสําหรับคนทั่วไป ไม่เช่นนั้นหุ้นคงจะขึ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
- การเติบโตผ่านจุดคุ้มทุนแล้วหรือไม่ เรื่องนี้สําคัญมากๆ จุดคุ้มทุน หรือ Break Even Point เป็นอะไรที่เมื่อผ่านไปแล้วกําไรจะเติบโตรวดเร็วมาก แต่สําหรับผม ผมชอบซื้อหุ้นที่ยังไม่ผ่านจุดคุ้มทุน แต่ใกล้จะผ่านจุดคุ้มทุน เพราะถ้ากิจการใด “คุ้มทุน” ไปแล้ว ราคาหุ้นมันมักจะพุ่งขึ้นแรงมาก ด้วย ความที่ผมไม่ค่อยชอบไล่ราคาหุ้นที่ราคาขึ้นไปสูงมาก ๆ ทําให้ผมมักจะหลีกเลี่ยงหุ้นที่ผ่านจุดคุ้มทุนไปแล้ว แต่กลับเลือกที่จะลงทุนก่อนหน้านั่นเอง
- พีอีเติบโตตามการเติบโตของกําไรไปแล้วหรือยัง ข้อสุดท้ายนี้อาจเป็นแนวคิดเชิงเทคนิคนิดหน่อย ที่จริง คนที่คิดเรื่องนี้ก็เป็นนักลงทุนระดับโลก คือ ปีเตอร์ ลินซ์ นั่นเอง โดยแนวคิดของเขาจะใช้ PEG หรือ PE per Growth โดยมีสูตร คํานวณง่าย ๆ ต่อไปนี้
PEG = PE (Price per Earning)/Growth Rate
ยกตัวอย่างเช่น หุ้นตัวหนึ่งมีขนาดกิจการ 1,000 ล้าน ทํากําไร ได้ 100 ล้าน มีพีอี 10 เท่า และมีอัตราการเติบโต 10 เปอร์เซ็นต์ แบบนี้ PEG = 10/10 = 1 เท่า ถ้าพี่อีในกระดานหุ้นต่ํากว่า 1 เท่า แสดงว่าหุ้นตัวนี้ยังมีอัปไซส์ให้เติบโตในแง่ของราคาหุ้น
ขั้นตอนการลงทุนทำกำไรหุ้น
- วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ขั้นตอนนี้เป็นส่วนที่สําคัญอย่างมาก เพราะหากเราลงทุน โดยไม่รู้พื้นฐานหุ้น เราจะเจ็บตัวภายหลังได้ แม้เราจะได้กําไรใน ระยะแรก ๆ แต่ด้วยความไม่รู้ของเรา ทําให้เราพานคิดไปว่าเราเก่ง จริง ซึ่งถ้าไม่จริง ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวทีเดียว และจะติดเป็นนิสัยที่ไม่ดีในการลงทุน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน มักจะมองหาแหล่งที่มาของ รายได้และวิธีการทํากําไรของกิจการ ควรมองหาว่า ทําไมกําไรของ กิจการในอนาคตจะโตระเบิด แบบว่าโตเยอะมาก ๆ ให้ออก
- วางแผนชื้อหุ้น ขั้นตอนนี้ก็สําคัญเช่นกัน หลายคนมองข้ามโดยซื้อแบบสะเปะสะปะ ไม่มีทิศทาง สําหรับผม ผมมักจะซื้อไม้แรกด้วยเงินก้อนราว 7 50 - 70 เปอร์เซ็นต์ของเงินที่คิดจะลงทุน ขึ้นอยู่กับความมั่นใจ ถ้าหุ้นขึ้นแสดงว่าเราคิดถูก ผมก็จะซื้อไปอีก 1 - 5 ไม้จนครบ ตามที่อยากได้ ซึ่งเราต้องคิดเองว่าจะซื้อยังไงตามความเหมาะสมของเรา
- หุ้นขึ้นแสดงว่าเราคิดถูก สัญญาณที่ผมจะจับทิศทางของราคาหุ้นก็คือ ถ้าหุ้นขยับปรับ ตัวขึ้น แสดงว่าเราคิดถูกต้อง (ซึ่งอาจไม่แน่เสมอไปนะครับ) แต่ ถ้าราคาขยับขึ้น ผมมักจะซื้อต่อแบบทยอยซื้อ ถ้ายิ่งซื้อหุ้นยิ่งขึ้น ผมจะชอบมาก ถือว่าเราทําถูกมาถูกทางแล้ว
- ทนรวย สําหรับขั้นตอนนี้ผมคิดว่าเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด การทนรวย คือ เราสามารถอดทนจนหุ้นขึ้นไปเรื่อย ๆ และไม่รีบขายหมูก่อนเวลา อันควร ซึ่งผมยอมรับแบบไม่อายเลยว่า ผมขายหมูบ่อยมาก (ถึงได้ บอกว่าทนรวยทํายากมาก) และนั่นทําให้ผมต้องฝึกฝนตัวเองทุกครั้ง และคิดให้ดีก่อนคิดจะขายหุ้น
- ขายทํากําไร.....เมื่อหุ้นขึ้นมาถึงจุดที่เราประเมินราคาไว้แล้วหรือจุดที่เราทํา Valuation มูลค่าของหุ้นไว้ ผมมักจะทยอยขายเป็นไม้ๆ แบ่งขาย ทํากําไร จนหมดมือในที่สุด การขายก็เป็นอะไรที่ไม่ง่าย เพราะเรา อาจขายหมู (ซึ่งเป็นบ่อยมาก) ผมคิดว่าตรงนี้จะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละท่านเป็นหลัก
ถ้าพิจารณาความยั่งยืนของเงินปันผล ผมเข้าใจว่า หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลน่าจะเชื่อได้ว่าเราจะได้เงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ แต่ด้วยพีอีของหุ้นกลุ่มนี้ที่ค่อนข้างแพง หมายความว่า หุ้นกลุ่มนี้ตลาด มองว่าเป็นหุ้นเติบโต จึงให้ค่าพี่ไว้สูง คําแนะนําก็คือ ควรเลือกหุ้น ที่มี % Payout Ratio หรือเปอร์เซ็นต์การปันผลเมื่อเทียบกับกําไร สูง ๆ เพราะกิจการแบบนี้เราพอให้พีอีสูงๆได้
อ่านดูอาจจะยากสําหรับใครหลายคน ถ้าต้องเอาเงินมาซื้อหุ้น และต้องเก็บเงินให้ได้ปีละ 1 แสน แต่สําหรับหลายคนอาจไม่ใช่เรื่องยาก และคิดว่าเป็นไปได้ ทําได้จริง! ส่วนวิธีการ ผมเองลอง สรุปดังต่อไปนี้
เก็บเงินให้ได้ปีละ 1 แสนบาท เอาไปซื้อหุ้น OH หรือบริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จํากัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกิจการอสังหาริมทรัพย์และ ถือหุ้นกิจการอื่น ได้แก่ HMPRO, LHBANK และทําธุรกิจเซอร์วิส อพาร์ตเมนต์ โรงแรม เป็นต้น
หุ้นตัวนี้ให้ปันผลงามราว 5-8 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ซึ่งในเงื่อนไข นี้เราต้องนําเงินปันผลไปซื้อหุ้นเพิ่ม (ทบต้น) ไม่ให้เอาไปกินไปใช้ ตลอดระยะเวลาการลงทุน คือ 4 ปี
ผลลัพธ์ในปีที่ 4 เมื่อเราทําแบบนี้ เราจะมีหุ้นรวม 169,431 หุ้น และมีขนาดพอร์ต ณ ปีนั้น ๆ ราว 4.26 แสนบาท และเราจะได้ เงินปันผลปีละ 33,884 บาท หรือเดือนละ 2,823 บาท! ใกล้เคียง กับเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้
อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็ยังไม่สามารถการันตีผลตอบแทนได้แบบ เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะตลาดหุ้นนั้นไม่นิ่ง มีความผันผวน ปีที่แย่ เงินปันผลอาจลดลง เช่น มีวิกฤติโควิด แต่ผมเชื่อว่า เมื่อวิกฤติ ผ่านพ้นไป กิจการกลับมาฟื้นตัวได้ โอกาสที่จะกลับมาปั่นผลแจ่ม ๆ ก็เป็นไปได้ ลองนําไปปรับใช้กันดู
โดยส่วนตัวครีเอเตอร์มองว่าเนื้อหายังไม่มากพอจะทำความเข้าใจถึงกับจะลงทุนหุ้นจริง ยังต้องศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับหุ้นอีกมาก เพื่อจะหาหุ้นเติบโต จึงไม่เหมาะกับมือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับหุ้นเลย
แต่ถ้าได้อ่านแล้ว เนื้อหาเรียบง่ายจะทำให้เราอ่านเพลินและเข้าใจแก่นของหุ้นเติบโตมากขึ้น แม้เนื้อหาจะมีการยกตัวอย่างสมัยที่โควิด 19 ยังระบาดในไทยเมื่อปี ค.ศ.2020 ก็ตาม
บริบทของหุ้นที่ผู้เขียนนำเสนอผ่านหนังสือจึงเน้นไปที่บริบทช่วงปี 2020 ผู้อ่านต้องพิจารณาเรียนรู้และปรับใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบันเอง ความเสี่ยงของการลงทุนหุ้นคือการที่มันไม่เติบโตอย่างใจเราหวัง มันอาจจะโตช้าหรือไม่โตเลยก็ได้
รู้จัก M777 ปืนใหญ่สนามตัวโหด เบา คล่อง ยิงแม่นระดับนำวิถี ตัวเปลี่ยนเกมสงครามยุคใหม่
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
จรวดจีนฟัดจรวดจีน เปิดคลังอาวุธลับสมรภูมิสระแก้ว เมื่อไทย-เขมรต่างงัดไม้เด็ด "สายเลือดมังกร" มาดวลกัน
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ
วิเคราะห์สถิติหวยปีใหม่ 2 มกราคม: เจาะลึกเลขเด่นรับโชควันศุกร์ 2569
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
คุกกี้เสี่ยงทาย... ทายนิสัยความขี้อ้อนของคนเกิดทั้ง 7 วัน
"กล้วยหอม" จากผลไม้พื้นบ้านสู่สินค้าเปลี่ยนโลก
ชาวเน็ตฮือฮา! คุณป้าขายข้าวปั้น แท้จริงแล้วเมื่อ 11 ปีก่อน คือ นางเอก A\/ ระดับตำนาน
10 ประเด็นร้อนฉ่าที่คนไทยให้ความสนใจสูงสุดในปี 2568
เตือนแล้วนะ! 3 ผลไม้ที่ "เซลล์มะเร็ง" โปรดปราน หมอยังไม่กล้าแตะ แต่หลายคนกินทุกวันโดยไม่รู้ตัว
หมอปลาย พรายกระซิบ รีเทิร์นแบบฮาๆ! ทำนายพลาดทัวร์ลงหนัก ขอโทษยกมือไหว้ วอนชาวเน็ตให้โอกาสแก้ตัว ไม่งั้นเลิกดูดวงไปจับผีเต็มตัวซะเลย!
ไทยยันคำเดิม “เขมรต้องหยุดยิงก่อน” เสธ.ทบ. ลั่นกู้คืนพื้นที่ได้ 90% แล้ว เหลืออีกนิดเดียวยึดคืนได้ทุกพื้นที่
พุทธศิลป์แนวใหม่หรือวัตถุนิยม? กระแสวิจารณ์ "หัวใจพระพุทธเจ้า" ทรงอนาโตมี
📜 ภาพเก่าประวัติศาสตร์ “พระตะบอง” จากแผ่นดินสยาม สู่ความทรงจำ







