หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ทำไมเวลาร้องไห้หนัก ๆ ตาถึงบวม ปากถึงเจ่อ? คำอธิบายจากร่างกายที่หลายคนไม่รู้

เนื้อหาโดย ninnoi

 

หลายคนคงเคยมีประสบการณ์ "ร้องไห้แบบหมดแรง" หรือ "ร้องไห้จนน้ำตาไหลไม่หยุด" ไม่ว่าจะเพราะเศร้า เสียใจ ผิดหวัง หรือแม้แต่ร้องเพราะซึ้งใจและมีความสุขมากเกินไป แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร หลังจากน้ำตาแห้งสนิท ก็จะพบกับผลข้างเคียงที่คล้ายกันเกือบทุกคน คือ ตาบวม และในบางคนถึงขั้นที่ ปากดูเจ่อ หรือใบหน้าดูพองบวม อย่างเห็นได้ชัด จนบางคนแซวว่า “ร้องไห้จนตาปูด ปากปลิ้น”

อาการนี้ไม่ใช่แค่เรื่องตลก แต่เป็น กลไกทางกายภาพ ที่เกิดขึ้นจริงจากกระบวนการในร่างกาย ทั้งระบบไหลเวียนเลือด การทำงานของน้ำตา และการตอบสนองของผิวหนัง

1. น้ำตาไม่ได้แค่ไหลออก แต่มันซึมเข้าเนื้อเยื่อด้วย

ในขณะที่ร้องไห้ โดยเฉพาะเวลาร้องไห้หนัก น้ำตาไม่ได้แค่ไหลผ่านแก้มเท่านั้น แต่ส่วนหนึ่งจะซึมเข้าไปในชั้นผิวหนังรอบดวงตา ซึ่งบริเวณนี้มีผิวบางมากและมีไขมันใต้ผิวเพียงเล็กน้อย จึงทำให้น้ำสะสมได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น และกลายเป็นอาการ ตาบวม

โดยเฉพาะคนที่ร้องไห้แล้ว นอนหลับทั้งน้ำตา ตื่นมาจะยิ่งเห็นชัดว่าบริเวณเปลือกตาและใต้ตาจะบวมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนเรานอนราบ ร่างกายจะระบายน้ำออกจากหน้าช้า

2. เส้นเลือดฝอยขยายตัวจากแรงดันอารมณ์และกล้ามเนื้อ

เวลาที่ร้องไห้ เรามักมีอารมณ์ร่วม เช่น ความเครียด เศร้า โกรธ หรือแม้แต่การกลั้นสะอื้น สิ่งเหล่านี้ทำให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าหดเกร็งและเกิดการบีบอัดของหลอดเลือด เส้นเลือดฝอยโดยเฉพาะบริเวณรอบตา แก้ม จมูก และริมฝีปาก จะขยายตัว หรือบางรายอาจมีเส้นเลือดฝอยแตกเล็กน้อย ทำให้เกิดอาการ บวม แดง หรือคล้ำ ได้

เส้นเลือดเหล่านี้เมื่อตอบสนองต่อแรงดัน ก็จะทำให้พื้นที่รอบดวงตาและปาก “พอง” ออกมาชั่วคราว และเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมบางคนถึงรู้สึกว่า “ปากเจ่อ” หรือ “หน้าดูบานขึ้น” หลังจากร้องไห้

3. ปฏิกิริยาอัตโนมัติของระบบประสาท

การร้องไห้เป็นผลของการทำงานร่วมกันของสมองและระบบประสาทอัตโนมัติ โดยเฉพาะระบบพาราซิมพาเทติก ซึ่งเมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะเครียดหรือเสียใจ จะกระตุ้นให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนบางชนิด เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) และอะดรีนาลีน (Adrenaline)

ฮอร์โมนเหล่านี้มีผลกระทบต่อระบบไหลเวียนเลือด ทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเพิ่มการไหลเวียนของของเหลว ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการบวมตามใบหน้า

4. พฤติกรรมประกอบระหว่างร้องไห้ก็ส่งผล

หลายคนเวลาเศร้าหรือร้องไห้แรง ๆ จะเผลอใช้มือขยี้ตา หรือปิดหน้าด้วยมือแน่น ๆ การทำแบบนี้จะเพิ่มแรงกดตรงบริเวณดวงตา แก้ม และจมูก ทำให้หลอดเลือดโป่งพอง และเลือดไหลช้า ส่งผลให้ใบหน้าบวมหลังจากนั้น

บางคนยังหายใจแรง สะอื้นแรง หรือกลั้นหายใจเป็นพัก ๆ ซึ่งก็มีผลต่อระบบการหมุนเวียนเลือดเช่นกัน โดยเฉพาะในบริเวณที่เลือดไหลเวียนช้าอย่างริมฝีปาก จึงทำให้ปากดูบวมและแดงคล้ำ

5. อาการข้างเคียงจากการ "ร้องไห้จนหมดแรง"

การร้องไห้ต่อเนื่องนาน ๆ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ น้ำตาที่หลั่งออกมาไม่ใช่แค่น้ำเปล่า แต่มีแร่ธาตุบางชนิดและเอนไซม์ รวมถึงสารต้านจุลชีพต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเมื่อสูญเสียออกไปพร้อมน้ำตา ร่างกายจะพยายามดึงน้ำจากส่วนอื่นมาทดแทน ทำให้เกิดอาการบวมน้ำในบางจุด เช่น ดวงตา ปาก หรือจมูก

ในบางรายอาจรู้สึกคัดจมูกหรือหายใจไม่สะดวกหลังร้องไห้ นั่นก็เป็นผลของการที่เยื่อบุในโพรงจมูกบวมและมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น รวมถึงมีเมือกไหลออกมามากกว่าปกติ

แล้วทำอย่างไรให้ใบหน้ากลับมาปกติหลังร้องไห้?

หากคุณเพิ่งผ่านช่วงเวลาเศร้าและใบหน้ายังบวมอยู่ ต่อไปนี้คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดอาการบวมและช่วยให้คุณกลับมา “ดูดี” ได้เร็วขึ้น

1. ประคบเย็น: ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือเจลเย็นประคบรอบดวงตาและใบหน้า จะช่วยให้หลอดเลือดหดตัว ลดอาการบวม

2. ดื่มน้ำเปล่า: การดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายระบายโซเดียมและของเสียออก ลดการกักเก็บน้ำใต้ผิว

3. นอนพักในท่าศีรษะสูง: เพื่อให้ของเหลวระบายจากใบหน้ากลับเข้าสู่ระบบไหลเวียน

4. หลีกเลี่ยงการขยี้ตา: การถูหรือกดแรง ๆ จะทำให้เลือดไหลมามากขึ้น ทำให้บวมกว่าเดิม

5. ใช้ครีมหรือเจลลดบวมรอบดวงตา: โดยเฉพาะเจลที่มีคาเฟอีน หรือว่านหางจระเข้ จะช่วยได้มาก

อาการ "ตาบวม ปากเจ่อ" หลังร้องไห้ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เพราะเรา "หน้าบวมง่าย" หรือ "ร้องไห้ไม่สวย" แต่มันคือกลไกตามธรรมชาติที่เกิดจากการทำงานของหลายระบบในร่างกาย เพื่อรองรับการหลั่งน้ำตาและอารมณ์

ในแง่หนึ่ง มันก็สะท้อนว่าร่างกายของเราซื่อตรงกับความรู้สึกมากแค่ไหน ร้องไห้คือการระบายอารมณ์ที่ดี หากวันหนึ่งคุณต้องเสียน้ำตา อย่ากลัวเลยว่าจะดูแย่หรือบวมไปทั้งหน้า เพราะมันคือหลักฐานของความเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ

และเมื่อตื่นขึ้นจากความเศร้าแล้ว แค่ดื่มน้ำ ล้างหน้า ยิ้มเบา ๆ ให้กับตัวเอง คุณก็จะกลับมาสวย สดใสได้เหมือนเดิมแน่นอนค่ะ

เนื้อหาโดย: ninnoi
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ninnoi's profile


โพสท์โดย: ninnoi
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: ninnoi, ชาเย็นหวานๆชื่นใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคตสูตรคำนวณงวด 2/1/69อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก"สาละ" ดอกไม้ในตำนานเกี่ยวกับพุทธประวัติของพระมหาศาสดาของศาสนาพุทธ (สาละในหลวงพระบาง)รีวิวหนังดัง SURROGATES คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่งสอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกรายย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพันทำไมคนค้าขายสินค้าที่ผิดศีลธรรมจึงร่ำรวย?จักรวาลร่วมฉลองส่งท้ายปี! NASA อวดโฉม "ต้นคริสต์มาสยักษ์" แห่งห้วงอวกาศลึก 2,500 ปีแสงเจาะลึกลำดับเหตุการณ์โศกนาฏกรรมซาวน่าญี่ปุ่น เมื่อพื้นที่ส่วนตัวกลายเป็นกับดักมรณะลุกขึ้นไได้...ก็ชนะ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกรายโฆษก "ฮุนเซน" โม้หนัก!! เคยผ่านการรบมาแล้วนับ 100 ครั้ง!!อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคตด่วน! แก๊งสแกมเมอร์จีน–กัมพูชาแตกฮือ ปอยเปตอลหม่าน หลังทหารกัมพูชายึดอาคารใช้เป็นฐานทหาร ตกเป็นเป้าการสู้รบชายแดนย้อนชะตากรรม "ขันทีหัวใจพระโพธิสัตว์" ยอมแก้ราชโองการเพียงหนึ่งคำ เพื่อรักษาชีวิตคนนับพัน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ปวดท้องน้อยหน่วง ๆ บ่อยครั้ง อาการแบบนี้เกิดจากอะไรได้บ้างแก้วมังกร ผลไม้บ้านๆ แต่ประโยชน์แน่น ช่วยลำไส้ ผิวใส หัวใจแข็งแรงอกหักนานเกิน 6 เดือน มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจทำไมคนยุคนี้ถึงชอบดูคลิป “ชีวิตช้า ๆ” (Slow Living) มากขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่