โศกนาฏกรรมเรือหลวงสุโขทัย: วันที่ท้องทะเลกลืนกล้าหาญ
1. บทนำ: ทะเลที่ไม่อาจคาดเดา
ในค่ำคืนหนึ่งของเดือนธันวาคม ปี 2565 กลางทะเลอ่าวไทยซึ่งเคยเงียบสงบ กลับกลายเป็นสนามแห่งความโกลาหล เสียงลมคำราม คลื่นถาโถมสูงเกือบ 4 เมตร ฝนซัดกระหน่ำไม่ขาดสาย เรือรบหลวงของไทยลำหนึ่ง—เรือหลวงสุโขทัย—ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการปฏิบัติหน้าที่ของมัน
เรือหลวงสุโขทัย: ภูมิใจของราชนาวี
เรือหลวงสุโขทัย (HTMS Sukhothai) เป็นเรือรบประเภทคอร์เวตชั้นเรือปราบเรือดำน้ำ (Ratanakosin-class corvette) ที่เข้าประจำการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 สร้างขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และถูกส่งมอบให้ราชนาวีไทย เพื่อใช้ในภารกิจลาดตระเวนและคุ้มครองน่านน้ำไทย เป็นเรือที่มีบทบาททั้งทางยุทธการและภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลมาหลายสิบปี
ภารกิจสุดท้าย
วันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เรือหลวงสุโขทัยได้รับคำสั่งให้เดินทางจากสัตหีบไปยังจังหวัดสงขลา เพื่อร่วมในกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำเรือรวม 105 นาย
การเดินทางในช่วงฤดูมรสุมถือเป็นเรื่องปกติของกองทัพเรือ แต่ในคืนนั้น… ทุกอย่างเริ่มผิดปกติตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ
จุดเริ่มต้นของโศกนาฏกรรม
เวลาประมาณ 19.00 น. เรือเริ่มเจอกับลมแรงและคลื่นสูง น้ำทะเลสาดขึ้นมาบนดาดฟ้าและเข้ามายังห้องเครื่องยนต์ด้านล่าง ทำให้ระบบไฟฟ้าของเรือเริ่มขัดข้อง เครื่องสูบน้ำดับ ทำให้ไม่สามารถระบายน้ำออกได้
น้ำทะเลไหลเข้าอย่างรวดเร็ว ทำให้เรือเอียงข้างมากขึ้นทุกที ลมแรงและคลื่นยังคงกระหน่ำ ไม่ให้โอกาสใด ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์
ความพยายามช่วยเหลือ
เมื่อมีสัญญาณขอความช่วยเหลือ เรือหลวงอีกหลายลำ และเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพเรือถูกส่งออกไปในทันที ทั้งจากฐานทัพสัตหีบและสงขลา แต่คลื่นลมรุนแรงมากจนทำให้ไม่สามารถเข้าใกล้ตัวเรือได้
ลูกเรือบนเรือหลวงสุโขทัยต้องพยายามเอาชีวิตรอดด้วยตนเอง บางคนใส่ชูชีพ กระโดดลงทะเล บางคนเกาะแพยางท่ามกลางความมืด ทะเลที่ปั่นป่วน และอุณหภูมิน้ำที่เย็นยะเยือก
เรือเอียง… และจมลง
เวลาประมาณ 23.30 น. เรือหลวงสุโขทัยเอียงประมาณ 60 องศา ก่อนจะพลิกคว่ำและจมลงอย่างช้า ๆ บริเวณอ่าวไทย ห่างจากชายฝั่งปราณบุรีราว 20 ไมล์ทะเล (ประมาณ 32 กิโลเมตร)
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็วมาก จนหลายคนไม่สามารถหนีออกจากภายในเรือได้ทัน
การค้นหาและกู้ภัย
ทันทีที่สภาพอากาศดีขึ้น หน่วยกู้ภัยทางเรือ เรือดำน้ำ โดรนใต้น้ำ และอากาศยานถูกนำมาใช้ในการค้นหาผู้รอดชีวิตและกู้ศพผู้สูญหาย ปฏิบัติการดำเนินต่อเนื่องหลายวัน ท่ามกลางความหวังของครอบครัว และประชาชนไทยที่ติดตามข่าวด้วยใจจดจ่อ
ยอดผู้เสียชีวิต
ในท้ายที่สุด มีผู้รอดชีวิตจำนวน 76 นาย
พบร่างผู้เสียชีวิต 24 นาย
และสูญหายอีก 5 นาย (ณ เวลานั้น)
ทุกนายเป็นทหารของกองทัพเรือไทย พวกเขาเสียชีวิตในหน้าที่เพื่อชาติ ด้วยความกล้าหาญและเสียสละอย่างยิ่ง
เสียงจากครอบครัว
“ลูกชายหนูโทรมาบอกว่า ‘แม่ไม่ต้องห่วง ผมสู้ไหว’… แต่นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่ได้ยิน”
เสียงของแม่คนหนึ่งที่สูญเสียลูกชาย ยังดังก้องในใจของผู้คนทั่วประเทศ
หลายครอบครัวยังไม่ทันได้ร่ำลา คนรักยังรอข้อความสุดท้ายที่ไม่มีวันมาถึง ความเศร้าโศกปกคลุมทั่วทั้งสังคมไทย
คำถามที่ยังค้างคา
หลังโศกนาฏกรรม ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามคือ
- ทำไมเรือถึงออกเดินทางในสภาพอากาศเลวร้าย?
- ทำไมระบบช่วยชีวิตบนเรือถึงไม่เพียงพอ?
- ทำไมเรือรบถึงไม่มีการออกแบบให้ทนคลื่นระดับนี้?
- ใครควรรับผิดชอบ?
แม้ผู้บัญชาการกองทัพเรือจะออกมาแถลงรับผิดชอบ แต่คำตอบหลายอย่างยังไม่ชัดเจน
เกียรติยศที่ไม่มีวันจาง
ราชนาวีไทยได้จัดพิธีไว้อาลัยอย่างสมเกียรติให้แก่ผู้เสียชีวิตทุกนาย มีการมอบเหรียญกล้าหาญและเลื่อนยศหลังความตายให้ เพื่อเป็นเกียรติแก่ชีวิตที่อุทิศเพื่อชาติ
ชื่อของพวกเขาถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์…
ชื่อของเรือหลวงสุโขทัยจะไม่ถูกลืม
การกู้ซากเรือ
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ได้เริ่มปฏิบัติการกู้ซากเรือหลวงสุโขทัยจากก้นทะเล เพื่อหาสาเหตุของการจมอย่างละเอียด และนำกลับมาเป็นอนุสรณ์เตือนใจให้กับคนรุ่นหลังว่า… ทะเลนั้นไม่เคยปรานี และความประมาทเพียงนิดเดียวอาจแลกมาด้วยชีวิตนับสิบ
บทเรียนจากทะเล
เรือหลวงสุโขทัยคือเครื่องเตือนใจว่าแม้เทคโนโลยีจะก้าวไกลแค่ไหน… ธรรมชาติยังคงเป็นสิ่งที่ควรเคารพ
การตัดสินใจในช่วงเวลาคับขันอาจเปลี่ยนชะตากรรมของชีวิตนับร้อย และการเตรียมความพร้อมคือหนทางเดียวที่ลดการสูญเสีย
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
ช่องอานม้าแตก! ทหารไทยรุกยึดบังเกอร์ ปักธงชาติคืนพื้นที่
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
เลขเด่นงวดต้นปี: เจาะลึกคำชะโนดและสำนักดัง 2/1/69









