"เกิดมาลุย" โคตรหนังบู๊ไทยในตำนาน! เล่นจริง เจ็บจริง ชาวต่างชาติยกนิ้ว ฮอลลีวูดยังต้องหลบ!
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคลิปมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกันครับ
คลิปนี้เอาใจคอหนังแอคชั่นแบบถึงใจถึงอารมณ์โดยเฉพาะ โดยเฉพาะสายหนังบู๊สายบ้าระห่ำที่ชอบฉากต่อสู้โหด ดิบ เถื่อน แบบไม่มี CGI ไม่มีสลิง และไม่มีคำว่า “เบา ๆ มือหน่อย” เพราะทุกฉาก...เล่นจริง! เจ็บจริง!
หนังที่ผมจะพูดถึงวันนี้ก็คือ “เกิดมาลุย” (Born to Fight)
หนังแอคชั่นไทยปี 2547 ที่แม้จะผ่านมาเกือบ 20 ปี แต่บอกเลยว่ายังโคตรสด! และที่สำคัญ ชาวต่างชาติทั่วโลกยอมรับกันเป็นเสียงเดียวว่า “นี่แหละหนังบู๊ของจริง!”
เกิดมาลุย: ต้นแบบของหนังบู๊แบบ “จัดเต็ม ไม่เน้นเอฟเฟกต์”
เรื่องนี้กำกับโดย อาจารย์พันนา ฤทธิไกร เจ้าพ่อคิวบู๊แห่งวงการหนังไทย และเป็นการแจ้งเกิดเต็มตัวของ “เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง” ในบทพระเอกบู๊แอคชั่นเป็นครั้งแรก
พล็อตโดยรวม:
นายตำรวจหนุ่ม “แดน” ต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังติดอาวุธสุดโหดที่บุกยึดหมู่บ้านแห่งหนึ่งพร้อมจับตัวประกันเป็นนักกีฬาไทยทีมชาติ ทั้งหมดต้องร่วมมือกันสู้เพื่อเอาชีวิตรอดและหยุดยั้งแผนวินาศกรรมของเหล่าวายร้ายให้ได้
แต่ไฮไลต์ของหนังไม่ได้อยู่ที่พล็อต
แต่อยู่ที่ “ฉากแอคชั่น” ทุกซีนที่โคตรเดือด โคตรจริง!
-
ไม่มีสลิง
-
ไม่มีสแตนอิน
-
ไม่มี CGI
-
มีแต่นักแสดงที่ “เล่นจริง เจ็บจริง หามเข้า รพ.จริง!”
ฉากต่อสู้โคตรดิบ ทีมงานไทยลุยไม่พัก!
นักกีฬาทีมชาติไทยหลายคนถูกดึงเข้าร่วมในหนัง ไม่ใช่แค่แสดง แต่คือใช้ทักษะกีฬาแปลงร่างเป็นอาวุธสู้กับผู้ร้าย เช่น สมรักษ์ คำสิงห์, พี่ตุ๊ก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ฯลฯ
เบื้องหลังก็ไม่ธรรมดา มีการระเบิดจริง เผาจริง ถล่มจริง
จนคนดูต้องถามว่า “เอ็งยังมีชีวิตอยู่หลังฉากนี้ไหมวะเนี่ย?”
ชาวต่างชาติยกนิ้วให้ ยอมรับกันแบบไม่อายปาก
แม้หนังจะไม่เปรี้ยงในไทยเท่า “องค์บาก” แต่สำหรับต่างประเทศ...บอกเลยว่า “Born to Fight” คือหนังแอคชั่นที่สร้างแรงกระเพื่อม!
“โอ้พระเจ้า! หนังมันสมจริงสุด ๆ ส่งรักจากอินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ!”
“ฉันคิดว่าไม่มีใครแซงแจ็คกี้ ชานได้ แต่หลังจากดูเรื่องนี้ ฉันยอมแล้ว!”
“การถ่ายทำแบบไม่มี CG หรือสลิงแบบนี้ สุดยอดมาก!”
“ทีมงานไทยต้องใช้ใจมากขนาดไหนถึงกล้าทำหนังแบบนี้?”
“ฉันหวังว่าไทยจะกลับมาทำหนังแนวนี้อีก บ้าดีเดือดมาก!”
อาจารย์พันนา ฤทธิไกร: ตำนานที่ต่างชาติยังกล่าวถึง
หลายคอมเมนต์พูดถึง อ.พันนา ว่าเขาคืออัจฉริยะด้านการออกแบบคิวบู๊ของเอเชีย ยกให้เทียบชั้นระดับเดียวกับ Jackie Chan เลยด้วยซ้ำ บางคนถึงขั้นบอกว่า...
“การจากไปของอาจารย์พันนา คือการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการหนังแอคชั่นไทย”
และใช่ครับ...มันทำให้หนังไทยสายบู๊เงียบเหงาลงไปอย่างเห็นได้ชัด
เดี่ยว ชูพงษ์: พระเอกที่เล่นด้วยหัวใจ แม้จะไม่ดังเท่าจา พนม
แม้ชื่อของ “เดี่ยว ชูพงษ์” อาจจะไม่แมสเท่าจา พนม แต่ในสายตาชาวต่างชาติ เขาคือ นักแสดงแอคชั่นตัวจริง
“เขาอาจไม่ได้ดังเท่า Tony Jaa แต่ความสามารถไม่ต่างกันเลย!”
หนังดีไม่แพ้ฮอลลีวูด แต่ใช้ใจล้วน ๆ ไม่พึ่งทุนใหญ่
ชาวต่างชาติหลายคนชมว่า “หนังไทยเรื่องนี้ดีกว่าหลายเรื่องในฮอลลีวูดซะอีก”
เพราะมันเต็มไปด้วยความตั้งใจ ความทุ่มเท และ “หัวใจของทีมงาน” ที่อยากให้คนดูได้เสพฉากแอคชั่นของจริง
ฉากที่ชอบที่สุดในหนัง
หลายคนพูดถึงฉากที่พระเอกปลุกขวัญกำลังใจให้ชาวบ้านลุกขึ้นสู้กับกลุ่มติดอาวุธ
และฉากเณรนั่งสมาธิกลางดงกระสุนที่ทั้งฮา ทั้งลุ้นจนเหงื่อแตก!
ฟังแล้วอยากดูซ้ำ
หนัง “เกิดมาลุย” คือหนังที่คนไทยหลายคนอาจลืมไปแล้ว
แต่ชาวต่างชาติยังคงพูดถึง...ยังจำฉาก...จำตัวละคร...จำความมันส์แบบ “เจ็บจริง ไม่เล่น”
นี่คือสิ่งที่พิสูจน์ว่า “หนังไทยไม่แพ้ใครในโลก ถ้าเรากล้าทำในแบบของเรา”
แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับ เคยดู "เกิดมาลุย" ไหม?
หรือถ้าดูแล้ว ฉากไหนที่คุณจำไม่ลืม?
ชอบความบู๊แบบไม่มีกราฟิก หรือแบบหล่อ ๆ CGI จัดเต็ม?
แวะมาคุยกันในคอมเมนต์ได้เลยครับ
สำหรับวันนี้ ผมขอตัวลาไปก่อนครับ
ใครยังไม่เคยดูเรื่องนี้ รีบหามาดูเลยครับ แล้วคุณจะรู้ว่า...
หนังไทย...เกิดมา “ลุย” จริง ๆ!
แล้วพบกันใหม่กระทู้หน้าสวัสดีครับ

















