ร้อนระอุเป็นประวัติการณ์! ไทยเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรง พร้อมสัญญาณภัยแล้งระลอกใหม่
ร้อนระอุเป็นประวัติการณ์! ไทยเผชิญคลื่นความร้อนรุนแรง พร้อมสัญญาณภัยแล้งระลอกใหม่
5 กรกฎาคม 2568 – ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์สภาพอากาศที่แปรปรวนอย่างรุนแรง โดยเฉพาะปรากฏการณ์คลื่นความร้อนที่ทุบสถิติในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ และยังมาพร้อมกับความกังวลเรื่องภัยแล้งระลอกใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างเลี่ยงไม่ได้
อุณหภูมิพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลของนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ระบุว่าฤดูร้อนปี 2568 นี้ ประเทศไทยเผชิญกับสภาพอากาศร้อนจัดเป็นลำดับที่ 3 ในรอบ 70 ปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา บางพื้นที่ในภาคเหนือ เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก เชียงใหม่ ลำปาง และอุตรดิตถ์ มีอุณหภูมิทะลุ 44 องศาเซลเซียส ขณะที่กรุงเทพมหานครมีอุณหภูมิเฉลี่ยในช่วงกลางวันประมาณ 35 องศาเซลเซียส การที่อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ เป็นผลโดยตรงจากภาวะโลกร้อนที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ โดยเฉพาะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
สัญญาณภัยแล้งระลอกใหม่
แม้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศว่าประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดูฝนตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 และมีแนวโน้มปริมาณฝนค่อนข้างมากในช่วงต้นฤดู แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเฝ้าระวังและเตือนถึงสถานการณ์ "ฝนทิ้งช่วง" โดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกลางกรกฎาคม ซึ่งอาจส่งผลให้พื้นที่เกษตรกรรมนอกเขตชลประทาน โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน เผชิญกับความเสี่ยงภัยแล้งซ้ำซากหากไม่มีการบริหารจัดการน้ำที่ดีพอ นอกจากนี้ นักวิชาการด้านภัยพิบัติยังเตือนให้มีการกักเก็บน้ำในเขื่อนให้มากที่สุด เนื่องจากประเทศไทยยังคงเสี่ยงต่อการเผชิญปรากฏการณ์เอลนีโญในช่วงต้นปี 2569 ซึ่งจะนำมาซึ่งภาวะภัยแล้งที่รุนแรงและปริมาณน้ำที่น้อยกว่าปกติ
ผลกระทบและแนวทางการรับมือ
สถานการณ์สภาพอากาศสุดขั้วนี้ส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งต่อภาคเกษตรกรรมที่ต้องรับมือกับภาวะน้ำน้อยและโรคพืชที่ระบาดง่ายขึ้น การท่องเที่ยวที่อาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนจากความร้อนจัด อย่างไรก็ตาม หน่วยงานภาครัฐได้มีการบูรณาการความร่วมมือเพื่อรับมือกับสถานการณ์ โดยมีการปรับแผนบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเตรียมความพร้อมในการแจ้งเตือนภัยพิบัติ นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยีและข้อมูล Big Data รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และคาดการณ์ปริมาณฝนในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อยกระดับความแม่นยำในการเตือนภัย
แม้ว่าดัชนีความเสี่ยงด้านสภาพอากาศ (Climate Risk Index 2025) จะแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีสัญญาณที่ดีขึ้น โดยหลุดจากอันดับประเทศที่มีความเสี่ยงสูงจากภาวะโลกร้อน (จากอันดับ 9 มาที่ 30) แต่ยังคงต้องเผชิญกับผลกระทบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง การเตรียมความพร้อม การปรับตัว และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับความท้าทายจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วในปัจจุบันและอนาคต.
ภาพประกอบปก บางส่วน https://www.igreenstory.co/wp-content/uploads/2023/07/2QUIRPIP4ZNW5LOQUAZXQFJBUY.jpg

















