หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ซีมอน โบลิบาร์: วีรบุรุษผู้ปลดปล่อยแห่งอเมริกาใต้ ชีวิตรัก โศกนาฏกรรม และการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ

เนื้อหาโดย Boss Panuwat

ซีมอน โบลิบาร์: วีรบุรุษผู้ปลดปล่อยแห่งอเมริกาใต้ ชีวิตรัก โศกนาฏกรรม และการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ

ซีมอน โบลิบาร์: วีรบุรุษผู้ปลดปล่อยแห่งอเมริกาใต้ ชีวิตรัก โศกนาฏกรรม และการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ

คุณเคยได้ยินเรื่องราวของ ซีมอน โบลิบาร์ ไหม? ชายผู้ได้ชื่อว่าเป็น "ผู้ปลดปล่อย" แห่งทวีปอเมริกาใต้ ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยเรื่องราวพลิกผัน ตั้งแต่เกิดมาในความมั่งคั่ง ไปจนถึงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพที่กินเวลานานเกือบสองทศวรรษ บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกชีวิตที่ไม่ธรรมดาของวีรบุรุษท่านนี้

จากเปลทองสู่การสูญเสียครั้งใหญ่

ซีมอน โบลิบาร์ ลืมตาดูโลกในฐานะบุตรชายของขุนนางเวเนซุเอลาผู้มั่งคั่งเชื้อสายสเปน ชีวิตของเขาเริ่มต้นอย่างหรูหราพร้อมด้วยฐานะและตำแหน่งทางสังคมที่ใครๆ ก็ใฝ่หา แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อพ่อของเขาจากไปตั้งแต่โบลิบาร์อายุเพียงสามขวบ และอีกหกปีต่อมา แม่ของเขาก็เสียชีวิตลง ทิ้งให้เขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุยังน้อย

หลังจากนั้น ลุงของโบลิบาร์ก็เข้ามาดูแลมรดกและจัดการหาครูสอนพิเศษมาให้ และหนึ่งในนั้นก็คือ ไซมอน โรดริเกซ ผู้ที่มีอิทธิพลอย่างลึกซึ้งและยาวนานต่อชีวิตของโบลิบาร์อย่างไม่น่าเชื่อ โรดริเกซเป็นลูกศิษย์ของนักปรัชญาชื่อดังอย่าง ฌ็อง-ฌาคส์ รุสโซ เขาได้เปิดโลกแห่งความคิดเสรีนิยมในศตวรรษที่ 18 ให้กับโบลิบาร์ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่หล่อหลอมความคิดและอุดมการณ์ของวีรบุรุษของเรา

เส้นทางสู่ยุโรปและรักแรกที่จบลงด้วยโศกนาฏกรรม

เมื่ออายุ 16 ปี โบลิบาร์ถูกส่งตัวไปยุโรปเพื่อศึกษาต่อ เขาใช้ชีวิตอยู่ที่สเปนเป็นเวลาสามปี และในปี 1801 ก็ได้แต่งงานกับลูกสาวของขุนนางสเปนคนหนึ่ง ทั้งคู่ตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่การากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา

แต่ความสุขช่างแสนสั้น! ภรรยาสาวของเขาเสียชีวิตด้วยไข้เหลืองไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากแต่งงานกัน โศกนาฏกรรมครั้งนี้สร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสให้กับโบลิบาร์ และเขาก็เชื่อว่าการจากไปของภรรยาอันเป็นที่รักนี่แหละ คือเหตุผลที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย

ในปี 1807 โบลิบาร์เดินทางกลับเวเนซุเอลา โดยแวะเยี่ยมชมเมืองต่างๆ ทางตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจเป็นการเปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับเขาเกี่ยวกับการปกครองตนเองและอิสรภาพ

เมื่อสเปนล่มจม สู่ประกายไฟแห่งการปฏิวัติ

เมื่อ นโปเลียน โบนาปาร์ต บุกยึดสเปน อาณานิคมของสเปนในอเมริกาใต้ที่กำลังร้อนรนอยู่แล้ว ก็ไม่รอช้าที่จะฉวยโอกาสนี้ลุกฮือขึ้นปฏิวัติ เวเนซุเอลา เป็นชาติแรกที่ประกาศอิสรภาพในปี 1811

แม้การปฏิวัติครั้งแรกจะไม่สำเร็จ แต่ตลอด 19 ปีต่อมา โบลิบาร์ยังคงเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยภาคเหนือของอเมริกาใต้ กองกำลังเล็กๆ ของเขาที่อุปกรณ์ไม่พร้อมรบนัก ต้องเผชิญทั้งชัยชนะอันน่าทึ่งและความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่ทำให้ท้อแท้ มีบางช่วงที่เขาเป็นวีรบุรุษผู้พิชิต แต่บางช่วงก็ต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยพลัดถิ่น

ในช่วงที่เรืองอำนาจสูงสุด ระหว่างปี 1825 ถึง 1828 เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีหรือผู้พิทักษ์ของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ แกรนโคลอมเบีย (ซึ่งปัจจุบันคือเวเนซุเอลา โคลอมเบีย ปานามา และเอกวาดอร์) รวมถึงเปรู และประเทศโบลิเวียที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ ซึ่งชื่อของประเทศโบลิเวียนี้ก็ถูกตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขานั่นเอง

การต่อต้านและวาระสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณแห่งความแตกแยกและการต่อต้านก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่เสมอ แม้เขาจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในการปลดปล่อยหลายประเทศ แต่การบริหารจัดการความขัดแย้งภายในและการรวมชาติเป็นหนึ่งเดียวกลับไม่ใช่เรื่องง่าย

ด้วยความขมขื่นและสุขภาพที่ทรุดโทรม โบลิบาร์เสียชีวิตลงที่คฤหาสน์ของเพื่อนในโคลอมเบีย เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 1830 เพียงเจ็ดเดือนหลังจากที่เขาสละตำแหน่งต่างๆ

ซีมอน โบลิบาร์ เป็นนักรักชาติอย่างแท้จริง เขาอุทิศตนเพื่ออุดมการณ์แห่งอิสรภาพและความเสมอภาค หลายปีก่อนที่การเลิกทาสจะถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการในเวเนซุเอลา โบลิบาร์ได้ปลดปล่อยทาสของตนเองแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอันแรงกล้าในหลักการแห่งมนุษยธรรมของเขา

เรื่องราวชีวิตของโบลิบาร์เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังแห่งความมุ่งมั่นและผลกระทบที่บุคคลคนหนึ่งสามารถสร้างได้ต่อประวัติศาสตร์ เขาทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้เบื้องหลัง นั่นคือประเทศเอกราชหลายแห่งในอเมริกาใต้ และเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและเสรีภาพ

แม้ว่าเขาจะเสียชีวิตลงด้วยความผิดหวังและเจ็บป่วย แต่ชื่อของซีมอน โบลิบาร์ยังคงก้องกังวานในฐานะวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่จุดประกายแห่งอิสรภาพและเปลี่ยนโฉมหน้าของทวีปอเมริกาใต้ไปตลอดกาล.

เนื้อหาโดย: Boss Panuwat
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Boss Panuwat's profile


โพสท์โดย: Boss Panuwat
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ติ๊กต๊อกเกอร์ชื่อดังของไทย ถูกแก๊งค์เหงียนตัดมือขาดเลขเด็ด "แม่จำเนียรล็อตเตอรี่" มาแล้ว! งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 68..คอหวยส่องด่วน!เปิดเผยรายชื่อ พระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟที่ยังไม่ลาสิกขาอีลอน มัสก์ ประกาศตั้ง “America Party” เขย่าการเมืองสหรัฐฯบริษัทที่ใหญ่ที่สุด มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยเลขเด็ด "ทักษามหารานี" งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 68..อยากรวย รีบส่องเลย!ไทยเปิดดีลนำเข้าหมูสหรัฐ คนไทยได้อะไร? ใครได้–ใครเสียอำเภอเดียวของจังหวัดในภาคกลาง ที่มีพื้นที่อยู่ติดกับต่างประเทศวัดเขาบังเหยชุมพลสีมาราม เทพสถิตชัยภูมิ“ถึงเวลาแล้วหรือยัง... ที่คนไทยรุ่นใหม่ควรได้เรียน ‘วิชาวิพากษ์’ บนโลกออนไลน์” (กรณีศึกษา: เสียงพากย์ Superman – จากคำติ สู่การด่าจิกหัว)ทะเลทรายเพียงแห่งเดียวในโลก ที่มีนกเพนกวินอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ"กินโกโก้" มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
โพลนิด้าล่าสุด ชี้คนส่วนใหญ่ไม่โอเค "แพทองธาร" – เสียงหนุน "ประยุทธ์" กลับมาแรงเกินคาด!เปิดเผยรายชื่อ พระผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟที่ยังไม่ลาสิกขา"กินโกโก้" มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายญี่ปุ่นมีจริง บริการ “เช่าคนชรา” จะเหงา จะขาดคุณตาคุณยาย ก็จ้างได้!“ถึงเวลาแล้วหรือยัง... ที่คนไทยรุ่นใหม่ควรได้เรียน ‘วิชาวิพากษ์’ บนโลกออนไลน์” (กรณีศึกษา: เสียงพากย์ Superman – จากคำติ สู่การด่าจิกหัว)
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
"กินโกโก้" มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเมื่อผ้าเหลืองถูกทำให้เปื้อน เราจะยังกราบพระด้วยใจบริสุทธิ์ได้อยู่อีกไหม?อำเภอเดียวของจังหวัดในภาคกลาง ที่มีพื้นที่อยู่ติดกับต่างประเทศทะเลทรายเพียงแห่งเดียวในโลก ที่มีนกเพนกวินอาศัยอยู่ตามธรรมชาติ
ตั้งกระทู้ใหม่