วิทยาศาสตร์ง่ายๆ รู้หรือไม่ รุ้งกินน้ำเกิดได้เฉพาะเมื่อมีเงื่อนไขเหล่านี้เท่านั้น
ความลับของรุ้งกินน้ำที่นักท่องเที่ยวและช่างภาพต้องรู้!
รุ้งกินน้ำคือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่สวยงามที่สุดอย่างหนึ่ง ที่หลายคนเฝ้ารอคอยเพื่อเก็บภาพสวยๆ แต่รู้หรือไม่ว่า รุ้งไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แบบที่ใครๆ คิด? วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึกทุกเงื่อนไขการเกิดรุ้ง ที่อาจทำให้คุณมองท้องฟ้าเปลี่ยนไปตลอดกาล!
1. ต้องมีแสงแดดที่ "พอดี" ไม่มากไม่น้อยเกินไป
เงื่อนไขแรกสุดคือ ดวงอาทิตย์ต้องอยู่เหนือขอบฟ้า และต้องไม่มีอะไรมาบังไม่ว่าจะเป็นเมฆหนา ภูเขา หรือแม้แต่ตึกสูง ในทางวิทยาศาสตร์แล้ว แสงอาทิตย์ต้องส่องผ่านละอองน้ำโดยตรง ถ้ามีสิ่งกีดขวางแม้เพียงเล็กน้อย รุ้งก็จะจางหายหรือไม่ปรากฏให้เห็นเลย
นักวิทยาศาสตร์พบว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุด สำหรับการมองเห็นรุ้งคือช่วงเช้าตรู่หรือเย็นใกล้ค่ำ เมื่อดวงอาทิตย์อยู่ต่ำกว่าขอบฟ้าประมาณ 42 องศา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงไม่เห็นรุ้งตอนเที่ยงวันที่แดดจัดๆ
2. มุมแห่งรุ้ง: กฎ 42 องศาที่ไม่เคยบอกใคร
รู้ไหมว่า มุมของดวงอาทิตย์ต้องพอดี ถึงจะเกิดรุ้ง? ถ้าคุณยืนอยู่ที่พื้นที่ราบเรียบ ดวงอาทิตย์ต้องอยู่ต่ำกว่า 42 องศาเท่านั้น ถึงจะมองเห็นรุ้งได้จากมุมมองของคุณ
ยิ่งดวงอาทิตย์อยู่ต่ำ รุ้งก็จะยิ่งสูงบนท้องฟ้า นี่คือเหตุผลที่นักท่องเที่ยวมักเห็นรุ้งสวยที่สุดในช่วงเวลา:
- 06.00-08.00 น. ในช่วงเช้า
- 16.00-18.00 น. ในช่วงเย็น
และนี่คือเคล็ดลับของช่างภาพมืออาชีพที่รอจังหวะเวลาเหล่านี้เพื่อถ่ายภาพรุ้งที่สมบูรณ์แบบ!
3. ละอองน้ำ: ตัวละครหลักที่หลายคนมองข้าม
ท้องฟ้าด้านตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ต้องเต็มไปด้วย ละอองน้ำจำนวนมาก ที่มีขนาดใกล้เคียงกัน นี่คือเหตุผลที่เรามักเห็นรุ้งหลังฝนตกใหม่ๆ หรือใกล้น้ำตกขนาดใหญ่
ละอองน้ำทำหน้าที่เหมือนปริซึมธรรมชาติ ที่แยกแสงขาวจากดวงอาทิตย์ออกเป็นเจ็ดสีที่เราเห็น แต่รู้หรือไม่ว่า ขนาดของละอองน้ำ ก็ส่งผลต่อความสว่างของรุ้งด้วย?
- ละอองน้ำขนาดเล็ก (0.1-0.5 มม.) ให้รุ้งสีสด
- ละอองน้ำขนาดใหญ่ (มากกว่า 0.5 มม.) ทำให้รุ้งจางลง
4. กฎทองของรุ้ง: หันหลังให้ดวงอาทิตย์เสมอ!
นี่คือเคล็ดลับสำคัญที่หลายคนไม่รู้: รุ้งจะปรากฏในตำแหน่งตรงข้ามกับดวงอาทิตย์เสมอ หมายความว่าถ้าคุณหันหลังให้ดวงอาทิตย์ รุ้งจะโผล่มาทางด้านหน้าของคุณพอดี!
นักฟิสิกส์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "มุมรุ้ง" ซึ่งเกิดจากการหักเหของแสงในน้ำที่ทำมุมประมาณ 42 องศา นี่คือเหตุผลที่:
- คุณไม่สามารถเห็นรุ้งได้เมื่อยืนหันเข้าหาดวงอาทิตย์
- รุ้งจะปรากฏเป็นวงกลมสมบูรณ์เมื่อมองจากที่สูง (เช่นในเครื่องบิน)
- รุ้งที่เราเห็นจากพื้นดินมักเป็นเพียงครึ่งวงกลม
5 ข้อเท็จจริงสุดว้าวเกี่ยวกับรุ้งที่คุณอาจไม่รู้!
- รุ้งที่สมบูรณ์จริงๆ เป็นวงกลมเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แค่ครึ่งวงกลม!
- บางครั้งอาจเห็นรุ้งซ้อนสองชั้น ที่เรียกว่า "รุ้งคู่" ซึ่งเกิดจากการสะท้อนแสงสองครั้งในละอองน้ำ
- สีของรุ้งที่เราเห็นอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดของละอองน้ำในอากาศ
- บนดาวเคราะห์อื่นก็มีรุ้งได้เช่นกัน ถ้ามีแสงอาทิตย์และละอองของเหลวในบรรยากาศ
- มนุษย์ไม่สามารถเห็นรุ้งสีม่วงสดได้ เพราะดวงตาของเราไม่ไวต่อสีม่วงเท่าสีอื่นๆ
แล้วจะหาดูรุ้งที่ไหนดี?
สถานที่ต่อไปนี้มีโอกาสเห็นรุ้งสูงมาก:
- น้ำตกขนาดใหญ่: เพราะมีละอองน้ำตลอดเวลา
- หลังฝนตกใหม่ๆ: โดยเฉพาะช่วงเย็นหรือเช้าตรู่
- พื้นที่สูง: เช่น ภูเขาหรือตึกสูง ช่วยเพิ่มโอกาสเห็นรุ้งวงกลมสมบูรณ์
คราวนี้เมื่อรู้เงื่อนไขการเกิดรุ้งทั้งหมดแล้ว ลองสังเกตท้องฟ้าและสภาพอากาศรอบตัวคุณดูนะครับ บางทีรุ้งสวยๆ อาจกำลังรอให้คุณค้นพบอยู่ใกล้ๆ นี้เอง!
















