เมื่อฉันใช้เงินซื้อความสุข...จนชีวิตติดลบ (เรื่องเล่าจากคนเคยหลงทาง)
ฉันเคยเชื่อว่า "เงินซื้อความสุขได้"
และยิ่งมีความทุกข์มากเท่าไร ฉันก็ยิ่งใช้เงินมากเท่านั้น
ซื้อเสื้อผ้าใหม่ทั้งที่ตู้ก็เต็ม
สั่งอาหารแพงๆ ทั้งที่กินไม่หมด
กดบัตรเครดิตซื้อมือถือรุ่นใหม่ ทั้งที่เครื่องเดิมก็ยังดีอยู่
ทำไมฉันถึงทำแบบนั้น?
เพราะมันทำให้รู้สึกมีค่าในช่วงเวลาสั้นๆ
ในวันที่หัวใจว่างเปล่า การได้กดซื้อของออนไลน์ หรือได้ของใหม่ มันเหมือนกับการปลอบตัวเองว่า
“เห็นไหม...เราก็มีความสุขได้เหมือนกัน”
แต่ความสุขเหล่านั้นอยู่กับฉันไม่นาน
สิ้นเดือนมา ฉันเริ่มปาดเหงื่อ
เมื่อยอดบัตรเครดิตที่ต้องจ่าย เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ตอนแรกแค่จ่ายขั้นต่ำ
ต่อมาก็หมุนบัตรใบอื่นมาจ่าย
จากความสุข กลายเป็นความเครียด
จากของที่เคยซื้อด้วยรอยยิ้ม กลายเป็นของที่มองแล้วรู้สึกผิด
ฉันเริ่มกลัวโทรศัพท์
เพราะอาจมีสายจากเจ้าหน้าที่บัตรเครดิต
โทรมาทวงยอดค่าใช้จ่ายที่ฉันรูดใช้ไป
ฉันเริ่มนอนไม่หลับ
เพราะคิดวนอยู่ว่าเงินเดือนเดือนนี้จะพอจ่ายอะไรได้บ้าง
และฉันเริ่มเข้าใจว่า
การใช้เงินซื้อความสุขแบบไม่คิด คือการแลกอนาคตกับวินาทีเดียวของความรู้สึกดี
วันหนึ่งฉันตัดสินใจหยุดวงจรนั้น
ฉันขายของที่ไม่จำเป็น ปิดบัตรเครดิตทีละใบ หยุดซื้อทุกอย่างที่ไม่จำเป็น
ยอมรับว่าไม่ง่ายเลย...น้ำตาก็มี เหงาก็เป็น
แต่ฉันเริ่มรู้สึกว่า “หัวใจ” ฉันเบาขึ้น
เมื่อไม่ต้องแบกความสุขปลอมๆ ที่ต้องจ่ายแพงเกินจริง
วันนี้ ฉันยังไม่ใช่คนที่มั่นคั่ง
แต่ฉันมีความสุขที่ไม่ต้องหนีตัวเอง
ฉันเรียนรู้แล้วว่า
ความสุขที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องซื้อมาด้วยเงินเสมอไป
แต่ต้องเริ่มจากรู้ว่า “เรากำลังขาดอะไร” และเติมให้ถูกทาง
และถ้าคุณกำลังติดอยู่ในวงจรเดียวกับฉันเมื่อก่อนลองหยุด...แล้วถามตัวเองดูว่า
สิ่งที่คุณซื้อ มันเติมเต็มใจ หรือแค่หลอกให้เรารู้สึกดีชั่วคราว?
เพราะบางที “ความสุข” ที่เราคิดว่าซื้อได้
มันอาจเป็น “หนี้” ที่กำลังรอจะทวงคืนอยู่ก็ได้
อ้างอิงจาก: Google










