ทำไมบางคน ‘โดนของ’ แล้วชีวิตพังทั้งที่ไม่เคยไปทำร้ายใคร? วิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ยังไง?
ทำไมบางคน ‘โดนของ’ แล้วชีวิตพังทั้งที่ไม่เคยไปทำร้ายใคร? วิทยาศาสตร์อธิบายเรื่องนี้ยังไง?
เคยสังเกตมั้ย… คนบางคนอยู่ดี ๆ ก็ซวยทุกทาง ตกงาน เจ็บป่วย เสียของรัก หดหู่ คิดสั้น ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดกับใครเลย
หลายคนเชื่อว่า “อาจจะโดนของ หรือโดนคุณไสย”
แต่ความจริงในแง่วิทยาศาสตร์ มันเกิดขึ้นได้จริง ๆ แบบ ไม่ต้องมีมนต์ดำเลยก็ได้
มาดูว่าอะไรคือ “ของ” ที่ทำลายชีวิตเราแบบไม่รู้ตัว
1. “ของ” = พลังงานลบจากคนรอบตัว
ถ้าคุณอยู่กับคนที่พูดจาแย่ ด่าว่าซ้ำ ๆ คอยลดค่าคุณ - สมองจะเริ่มเชื่อว่า “เรามันแย่จริง ๆ”
ร่างกายจะผลิตสารเครียด (Cortisol) - กดภูมิคุ้มกัน -ทำให้เหนื่อย ป่วยง่าย เศร้า โดยไม่รู้ตัว
นี่แหละคือ "ของ" ที่แฝงมาในรูปคำพูด
2. “ของ” = ความเชื่อฝังหัวจากอดีต
> เด็กที่เคยโดนดูถูก เช่น “แกมันโง่” “โตไปก็ไม่มีวันรวยหรอก” - โตมาก็จะไม่กล้าเสี่ยง ไม่กล้าโต
จิตใต้สำนึกจะ “ล๊อก” ชีวิตไว้ให้ล้มเหลว
นี่แหละคือ "ของ" ที่พ่อแม่หรือครูอาจเผลอให้เราโดยไม่รู้ตัว
3. “ของ” = คำสาปจากตัวเราเอง
ทุกครั้งที่คุณพูดว่า “เราคงไม่มีทางมีความสุข” “ชีวิตเรามีแต่เรื่องซวย”
นั่นคือคำสาปจากปากเราเอง และจิตใต้สำนึกจะทำให้มันเป็นจริง
นักจิตวิทยาเรียกว่า “Self-fulfilling Prophecy”
คือคุณพูดอะไรมากพอ - สมองจะหาทางทำให้มันเกิดขึ้นจริง
แล้วจะแก้ยังไง?
1. หลีกเลี่ยงคนที่ทำให้คุณรู้สึกแย่
2. เปลี่ยนคำพูดที่ใช้กับตัวเอง – ให้เหมือนคนที่คุณรักที่สุด
3. เริ่มเชื่อว่าตัวเอง “คู่ควรกับสิ่งดี ๆ” แล้วพลังงานรอบตัวจะเปลี่ยนไปเอง
สรุป: "ของ" ที่ร้ายที่สุด... ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ
แต่มันคือความคิด ความเชื่อ และคำพูด ที่เราอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในหัวเราทุกวัน
ปลดของ = เริ่มรักตัวเอง + เปลี่ยนวงคนรอบตัว
ใครเคยรู้สึกว่าโดนของ ลองมาแชร์ประสบการณ์กันหน่อย
















