ปี 2568 อสังหาฯ ตกต่ำถึงครึ่งต่อครึ่ง

ในเดือนเมษายน 2568 อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เปิดตัวโครงการใหม่หดตัวอย่างแรงในรอบ 20 ปี โดยมีโครงการเปิดขายใหม่รวม 10 โครงการ ในขณะที่ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจำนวน 8 โครงการ ส่งผลให้จำนวนหน่วยขาย และมูลค่าโครงการลดลง แต่ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยยังคงเพิ่มขึ้น
การเปิดขายใหม่ต่ำสุดในเดือนเมษายนนี้ อาจเนื่องมาจากเป็นเดือนที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง และเพิ่งเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงทำให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดตัวใหม่ในเดือนนี้ โดยเฉพาะอาคารชุดที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากแผ่นดินไหว ในเดือนนี้จึงไม่มีการเปิดตัวอาคารชุดเลย ลักษณะการเปิดตัวในเดือนนี้เป็นการพัฒนาในกลุ่มที่อยู่อาศัยทั้งหมด 10 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายเปิดใหม่รวม 688 หน่วย และมีมูลค่าการพัฒนาโครงการรวม 12,506 ล้านบาทเท่านั้น
จำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้นใหม่ในเดือนนี้มีทั้งหมด 688 หน่วย ลดลงจากเดือนที่ผ่านมาจำนวน 2,836 หน่วย (เดือนมีนาคม 2568 มีจำนวน 3,524 หน่วย) หรือลดลง ประมาณ -80.5% ในเดือนนี้การเปิดตัวโครงการใหม่พบว่าร้อยละ 88 ยังคงเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่และบริษัทในเครือที่ครองส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด โดยเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบที่ระดับราคาปานกลางจนถึงระดับราคาแพงเป็นสำคัญ
ประเภทที่มีมูลค่าการพัฒนาสูงสุด คือ บ้านเดี่ยว 11,459 ล้านบาท (91.6%) รองลงมาคือ บ้านแฝด 780 ล้านบาท (6.2%) ส่วนอันดับ 3 คือ อาคารพาณิชย์ 158 ล้านบาท (1.3%) ของมูลค่าการพัฒนาทั้งหมดตามลำดับ ดังนั้นภาพรวมของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนนี้ส่วนใหญ่ หากเป็นบ้านเดี่ยว จะเน้นที่ระดับราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนบ้านแฝดและทาวน์เฮ้าส์ที่ราคา 5-10 ล้านบาท เป็นสำคัญ โดยจะเน้นกลุ่มเป้าหมายที่มีกำลังจ่ายสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ในเดือนเมษายนนี้จำนวนโครงการ หน่วยขาย มูลค่าโครงการลดลง แต่ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยยังคงเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากเป็นการผลิตแนวราบที่มีระดับราคาปานกลางค่อนข้างสูงถึงระดับราคาสูง เป็นสำคัญ ส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา ซึ่งราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยเพิ่มขึ้นประมาณ 205% เมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายเฉลี่ยของเดือนก่อน โดยราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยของเดือนนี้มีราคาเฉลี่ยที่ประมาณ 18.178 ล้านบาท แต่เดือนที่ผ่านมามีราคาขายเฉลี่ยที่ 5.961 ล้านบาท ซึ่งแสดงถึงแนวโน้มการพัฒนาที่อยู่อาศัยในเดือนนี้ที่เน้นกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง ที่ต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยจริงที่ต้องการบ้านแนวราบที่ตั้งอยู่ในเขตเมืองชั้นกลาง และเขตติดต่อเมือง ที่สามารถเดินทางเข้าสูงเขตกรุงเทพชั้นในได้สะดวกเป็นสำคัญ
เมื่อพิจารณาถึงผู้ประกอบการที่เปิดตัวโครงการใหม่ในเดือนนี้ จะพบว่าเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (มหาชน) มีจำนวน 4 บริษัท คือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตามลำดับ นอกจากนี้ก็ยังมีบริษัททั่วไปอีกจำนวนหนึ่ง หากเปรียบเทียบการพัฒนาระหว่างบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทในเครือ และบริษัททั่วไป
ในด้านทำเลที่ตั้ง พบว่าในเดือนนี้ ไม่มีโครงการที่เปิดตัวใหม่และตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพชั้นในเลย โดยตั้งอยู่ในส่วนต่อขยายเมือง (Intermediate area) จำนวน 8 โครงการ เช่น ย่านบางซื่อ วิภาวดี ดอนเมือง แบริ่ง ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า ประชาอุทิศ และพุทธมณฑลสาย 1 เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีอีก 2 โครงการที่อยู่ในพื้นที่รอบนอกเมือง ซึ่งเป็นย่านชุมชนที่อยู่อาศัยที่เดินทางเข้าเมืองได้สะดวก และใกล้ตลาดไท เช่น ย่านรังสิต-นครนายก เป็นต้น
หากพิจารณาจำนวนอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทที่เปิดตัวในเดือนเมษายนของปีนี้เปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมา จะพบว่า ในปีนี้มีจำนวนโครงการเปิดใหม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา 9 โครงการ มีจำนวนหน่วยขายลดลง 3,412 หน่วย หรือลดลง -83.2% (ปีที่ผ่านมามีจำนวน 4,100 หน่วย) และมีมูลค่าลดลง 9,865 ล้านบาท หรือลดลง -44.1% (ปีที่ผ่านมามีมูลค่า 22,371 ล้านบาท)
เมื่อเปรียบเทียบจำนวนโครงการที่เปิดใหม่รวม 4 เดือนแรกของปี 2568 มีจำนวนโครงการเปิดใหม่รวม 65 โครงการ น้อยกว่า 4 เดือนแรกของปี 2567 จำนวน 55 โครงการ หรือลดลง -45.8% (4 เดือนแรกของปี 67 มีจำนวนรวม 120 โครงการ) มูลค่าโครงการ 4 เดือนแรกของปี 2568 มีมูลค่าการโครงการรวม 62,827 ล้านบาท ลดลง 61,017 ล้านบาท หรือลดลง -49.3% (4 เดือนแรกของปี 67 มีมูลค่ารวม 123,844 ล้านบาท) และจำนวนหน่วยขายรวมของ 4 เดือนแรกปี 2568 มีจำนวน 10,580 หน่วย ลดลง 10,087 หน่วย หรือลดลง -48.8% (4 เดือนแรกของปี 67 มีจำนวนรวม 20,667 หน่วย) ตามลำดับ
คาดว่าในปี 2568 ทั้งปีจะมีมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งหมด 248,795 ล้านบาท รวมจำนวน 43,623 หน่วย ซึ่งถือว่าลดลงกว่าปี 2567 เป็นอันมาก โดยในปี 2567 เปิดตัวมูลค่ารวม 413,773 ล้านบาท หรือเท่ากับมูลค่าลดลงเหลือเพียง 59% ของปีก่อน ส่วนจำนวนหน่วยในปี 2567 มีเปิดถึง 61,453 หน่วย ลดลงเหลือ 71% ของปีก่อนเท่านั้น แสดงว่าเศรษฐกิจของชาติถดถอยเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทยคาดว่าจะมีโครงการที่อยู่อาศัยที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (ที่เปิดขายในราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท) ออกมานับหมื่นๆ หน่วย ซึ่งอาจทำให้จำนวนหน่วยขายที่เปิดใหม่ในปี 2568 ลดลงกว่าปี 2567 เล็กน้อย หรืออาจไม่ลดลงเลย แต่ราคาเฉลี่ยต่อหน่วยน่าจะลดลงเพราะเฉลี่ยกับสินค้าราคาถูกนั่นเอง
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
เขมรยึดทรัพย์โรงงานจีน เพื่อนำเงินมาชดใช้ค่าจ้างคนงาน 600 คน
กลุ่มแรงงานแถลงประณามบริษัทสั่งปิดงาน ทำผิดอนุสัญญา ต้องสั่งแก้เปิดงานทันที เรียกร้องบริษัทเปิดผลประกอบการกำไร5พันล้าน ย้ำต้องแจกโบนัสตามสิทธิ เพราะทำงานหนัก
“ศุภจี” เฮ! ARASCO ซาอุฯ สั่งซื้อมันสำปะหลังอัดเม็ดเพิ่ม 3 หมื่นตัน ปีหน้าลุ้นพุ่งแตะ 1 แสนตัน
เขมรพังเรื่อยๆ ไทยปิดด่าน ทำเอาชาวเขมรโมโห เผานาทิ้ง เนื่องจากขายข้าวไม่ได้
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย



