ไข้สมองอักเสบ ศัตรูเงียบที่อาจเปลี่ยนชีวิตในชั่วคืน
ในบรรดาโรคร้ายที่เราไม่ค่อยพูดถึงกันมากนัก “ไข้สมองอักเสบ” หรือ Encephalitis ถือเป็นหนึ่งในโรคที่น่ากลัวที่สุด เพราะมันไม่ได้มาแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่มาแบบรวดเร็ว ทันที และบางครั้งอาจเปลี่ยนชีวิตคนได้ตลอดกาล — แม้จะรอด
หลายคนคิดว่าเป็น “โรคไกลตัว” แต่ในความเป็นจริง ผู้ป่วยไข้สมองอักเสบหลายคนเริ่มจากแค่ “ไม่สบายเล็กน้อย” แล้วก็ “หมดสติ” โดยที่คนรอบข้างยังไม่ทันได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ไข้สมองอักเสบคืออะไร?
คือภาวะที่สมองเกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลัน อาจเกิดจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือแม้กระทั่งการตอบสนองเกินไปของระบบภูมิคุ้มกัน (autoimmune)
เมื่อสมองเกิดการอักเสบ สิ่งที่ตามมาคืออาการทางระบบประสาท เช่น ปวดหัวขั้นรุนแรง ชัก มึนงง พูดไม่รู้เรื่อง และในบางราย…หมดสติ
สาเหตุที่พบได้บ่อย
-
เชื้อไวรัส – เป็นสาเหตุหลัก โดยเฉพาะไวรัสเฮอร์ปีส์ (Herpes Simplex Virus: HSV) ซึ่งเป็นไวรัสเดียวกับที่ทำให้เป็นแผลที่ริมฝีปาก
-
ไวรัสญี่ปุ่น (Japanese Encephalitis) – พบในพื้นที่ชนบทของเอเชีย มียุงเป็นพาหะ มักระบาดช่วงหน้าฝน
-
ไวรัสจากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น โรคพิษสุนัขบ้า – หากไม่ได้รับวัคซีนเร็วพอ อาจลุกลามไปสู่สมองได้
-
ภูมิคุ้มกันผิดปกติ – ร่างกายโจมตีสมองตัวเองโดยไม่ได้มีเชื้อโรค เช่น Anti-NMDA receptor encephalitis
อาการเริ่มต้น ที่หลายคนมองข้าม
-
มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะรุนแรง
-
อาเจียน มึนงง ไม่รู้ทิศทาง
-
ซึมลงเรื่อย ๆ พูดไม่รู้เรื่อง
-
กล้ามเนื้อกระตุก หรือชัก
-
มีพฤติกรรมแปลกไป เช่น หัวเราะคนเดียว ดุร้ายแบบไม่มีสาเหตุ
คนไข้หลายคนไม่ได้เริ่มต้นด้วยอาการแรง ๆ แต่เริ่มจากดู “คล้ายไข้หวัด” นี่แหละ
ทำไมถึงอันตราย?
เพราะเมื่อสมองอักเสบ สมองจะบวม และอยู่ในกระโหลกที่แข็ง — ทำให้ไม่มีที่ขยายตัว
แรงดันในสมองเพิ่ม → เบียดเนื้อสมอง → เสี่ยงหมดสติ → โคม่า → เสียชีวิต
แม้รอดชีวิต บางคนก็อาจต้องอยู่กับผลข้างเคียงตลอดชีวิต เช่น
-
ความจำสั้น
-
บุคลิกภาพเปลี่ยน
-
พูดไม่ได้ เดินไม่ได้
-
ต้องกายภาพบำบัดนานหลายปี
การวินิจฉัยและการรักษา
เมื่อแพทย์สงสัยว่าเป็นไข้สมองอักเสบ จะทำการ:
-
ตรวจเลือด + เจาะน้ำไขสันหลัง เพื่อตรวจหาการติดเชื้อ
-
สแกนสมองด้วย CT หรือ MRI
-
ตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) หากสงสัยมีอาการชักร่วมด้วย
หากพบว่าเกิดจากไวรัส — แพทย์จะให้ยาต้านไวรัส เช่น Acyclovir (โดยไม่รอผล เพราะแข่งกับเวลา)
ถ้าเกิดจากแบคทีเรีย — ให้ยาปฏิชีวนะ
ถ้าเกิดจากภูมิคุ้มกัน — ใช้สเตียรอยด์หรือพลาสมาเฟอเรซิส
การรักษาต้องทำในโรงพยาบาล มีการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และในหลายเคส ต้องเข้าห้อง ICU
หนึ่งในเรื่องที่ไม่เคยลืมคือเสียงพ่อแม่ของเด็กหญิงวัย 7 ขวบที่เล่าให้ฟังว่า
“เธอเริ่มจากมีไข้ พอวันต่อมาบ่นว่าเวียนหัว กินข้าวไม่ได้ เรานึกว่าเป็นไข้ธรรมดา...จนเธอล้มแล้วชัก เรารีบพาส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าเป็น ‘ไข้สมองอักเสบ’ ถ้ามาอีกช้าแค่ 4 ชั่วโมง อาจไม่ทันแล้ว”
ลูกสาวของพวกเขารอดชีวิต แต่ต้องทำกายภาพบำบัดนานหลายเดือน และความจำบางช่วงก็ไม่กลับมาอีกเลย
ป้องกันได้ไหม?
-
วัคซีน: โดยเฉพาะวัคซีนป้องกันไวรัสญี่ปุ่น, วัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
-
ระวังยุง: ใช้ยากันยุง โดยเฉพาะในเขตชนบทหรือพื้นที่ชื้น
-
ล้างมือ – กินร้อน – ใช้ของส่วนตัว: เพราะไวรัสบางชนิดติดต่อผ่านละอองหรือสิ่งของ
-
ไม่มองข้ามไข้สูงนานหลายวัน + มีอาการทางระบบประสาท รีบพบแพทย์ทันที
ไข้สมองอักเสบ ไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่คิด
ในโลกที่เรารู้จักไวรัสมากขึ้นทุกวัน ไข้สมองอักเสบคืออีกหนึ่งโรคที่ไม่ควรมองข้าม
แม้จะไม่ใช่โรคระบาดรายวัน แต่มันคือตัวอย่างของ “โรคที่ไม่ให้โอกาสแก้ตัว”
ใครจะเป็น — ไม่มีใครบอกได้
ใครจะรอด — ขึ้นอยู่กับ “ใครจะถึงมือหมอก่อน”
ดูแลตัวเอง
รู้ทันสัญญาณเตือน
หากเจอเคสใกล้ตัว รีบส่งโรงพยาบาล ไม่รอดูอาการเองเด็ดขาด
เพราะสมองของคุณ ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน









