เปิดสาหตุ ที่ทำให้ระบบสาธารณสุขไทยใกล้วิกฤต นำไปสู่ความล้มเหลวหรือ "พัง"
ปัจจุบันนี้การแพทย์และระบบสาธารณสุขของไทยเรา ขาดคุณภาพมาตรฐานที่ดี ไม่เท่าเทียมกับโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ เพราะขาดทั้งงบประมาณ บุคลากร อาคารสถานที่ ทำให้ผู้ป่วยขาดความรวดเร็ว สะดวกสบาย
ทั้งคุณภาพการบริการสาธารณสุขไทยตกต่ำภายหลังระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ การบริหารระบบสาธารณสุขไทยล้มเหลว สถานะสุขภาพของคนไทยเลวลง อัตราตายเพิ่มขึ้น อัตราการเกิดโรคต่าง ๆ ก็มากขึ้น
และยังจะไม่สามารถพัฒนาระบบการบริการสาธารณสุขให้ก้าวหน้าทัดเทียมการบริการของโรงพยาบาลเอกชนได้ กับมาตรฐานระดับโลกอย่างที่เคยเป็นมาในยุคก่อนระบบ 30 บาทได้เลย
ถึงตอนนี้ ก็เกิดวิกฤตบัตรทอง อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง เมื่อล่าสุดหมอวีระพันธ์ เตือน อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขไทยพัง ปชช.ยังไม่รู้ตัว รพ.รัฐ 218 แห่ง เงินบำรุงติดลบ งบที่เคยมีกำลังหายไปทีละปี
25 พ.ค.2568 นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย สว. ได้โพสต์ข้อลงในเฟซบุ๊ก Veerapun Suvannamai มีผู้แชร์ออกไปมากถึง 10,000 ครั้ง ความว่าเรื่องจริง! อีก 3 ปี ระบบสาธารณสุขจะพัง ในขณะที่ประชาชนยังไม่รู้ตัว!
มีเนื้อหาบางส่วน ประมาณว่า...
"โรงพยาบาลรัฐ ขาดทุนหนัก แต่คนไข้ไม่รู้
วันนี้ โรงพยาบาลรัฐทั่วประเทศกำลังขาดทุนอย่างหนักครับ
• มีถึง 218 แห่งที่เงินบำรุงติดลบ
• อีก 91 แห่งเหลือเงินไม่ถึง 5 ล้านบาท ซึ่งน้อยเกินจะเอาไว้รับมือวิกฤตอะไรได้
• ต้นทุนเฉลี่ยในการรักษาผู้ป่วยในอยู่ที่ 13,000 บาทต่อราย
• แต่ สปสช. จ่ายให้แค่ 7,100 บาท เท่านั้น (ข้อมูลปี 2568)
โรงพยาบาลไม่ได้กำไรจากใคร ไม่มีนักลงทุน ไม่มีผู้ถือหุ้น
รายได้ทั้งหมดก็ใช้เพื่อรักษาคนไข้"
...
"วันนี้คนในระบบเริ่มพูดกันตรง ๆ ว่า
ต้องกล้ายอมรับว่า “ระบบมีปัญหา” และรีบหาทางแก้ด้วยกัน
ข้อเสนอที่ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง:
• หยุดเพิ่มสิทธิประโยชน์แบบไม่ดูงบ
• ปรับอัตราค่ารักษาให้ตรงกับต้นทุนจริง
• ถ้ามีนโยบายใหม่ ต้องชัดเจนว่า ใครจะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
• ตั้งกองทุนช่วยโรงพยาบาลที่กำลังล้ม
• ใช้ทรัพยากรให้เหมาะกับระดับความรุนแรงของผู้ป่วย"
มาเปิดสาหตุหลักๆ ที่ทำใเห้ระบบสาธารณสุขของไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตหลายด้านที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวหรือ "พัง" ได้ในอนาคต หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง ....
1. บุคลากรทางการแพทย์ล้นภาระ
แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนมากทำงานหนักเกินกำลัง โดยเฉพาะในโรงพยาบาลรัฐ การลาออกและขาดแคลนบุคลากรเป็นปัญหารุนแรง ทำให้คุณภาพบริการลดลง
2. งบประมาณไม่เพียงพอ
งบประมาณของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ไม่สอดคล้องกับความต้องการและค่าใช้จ่ายจริง โรงพยาบาลบางแห่งมีหนี้สะสมสูง บางแห่งขาดทุนต่อเนื่อง
3. ระบบ “30 บาทรักษาทุกโรค” ถูกใช้งานเกินขีดจำกัด
แม้จะเป็นนโยบายที่ดีในแง่ความเท่าเทียม แต่ในทางปฏิบัติ ระบบรองรับไม่ไหวจากจำนวนผู้ใช้บริการมากขึ้น และการรักษาโรคซับซ้อนมากขึ้น
4. การบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ
มีปัญหาเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง การกระจายทรัพยากร และการบริหารองค์กรที่ขาดความโปร่งใส ความเหลื่อมล้ำระหว่างโรงพยาบาลในเมืองกับชนบท
5. การเมืองแทรกแซง
การแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงโดยพิจารณาตามสายสัมพันธ์ทางการเมือง มากกว่าความสามารถ ส่งผลให้ขาดวิสัยทัศน์ระยะยาว
6. ปัญหาเชิงโครงสร้าง
ระบบสาธารณสุขไทยยังยึดติดกับรูปแบบ “รักษาเมื่อเจ็บ” มากกว่า “ป้องกันก่อนป่วย” ขาดการส่งเสริมสุขภาพในระดับชุมชนอย่างทั่วถึงและจริงจัง
7. สังคมสูงวัย และโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น
จำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้บริการทางการแพทย์และต้นทุนสุขภาพสูงขึ้น โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ฯลฯ กลายเป็นภาระหนักสำหรับระบบ
หากไม่มีการปฏิรูปอย่างเป็นระบบ ทั้งด้านนโยบาย งบประมาณ และโครงสร้างองค์กร ระบบสาธารณสุขไทยอาจเข้าสู่ภาวะวิกฤตอย่างถาวรในอนาคตอันใกล้ ตามที่ นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย วิเคราะห์ไว้แน่นอน





