ของปลอมในห้าง ของจริงถูกเหยียบย่ำ เมื่อการซื้อคือการทำร้ายโดยไม่รู้ตัว
เมื่อ “ของปลอม” เย้ยกฎหมายกลางห้าง – มากกว่าการเสียเงินคือการทำลายจิตวิญญาณของของแท้
ในยุคที่การจับจ่ายเป็นเรื่องง่ายดายแค่ปลายนิ้ว หรือเพียงเดินเข้าห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง เรากลับพบว่าของปลอมระบาดหนักขึ้นอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่ได้แอบขายในมุมลับซอยลึกอีกต่อไป แต่วางขายอย่างเปิดเผย ในร้านที่มีไฟสว่าง โลโก้หรู และป้ายราคาที่ดูชวนเชื่อ
สิ่งที่น่าตกใจกว่าคือ... หลายคน “รู้ทั้งรู้” ว่าสินค้านั้นไม่แท้ แต่ก็ยังซื้อ เพราะเหตุผลที่ดูเหมือนเข้าใจได้ง่าย เช่น “ราคาถูกดี” หรือ “ยังไงคนอื่นก็ดูไม่ออก” แต่เบื้องหลังของสินค้าปลอม มันไม่เคยเป็นแค่เรื่อง “ของเหมือน” หรือ “ราคาย่อมเยา” เท่านั้น
ของปลอมในห้าง = ความชาชินที่กัดกินความถูกต้องอย่างเงียบงัน
เมื่อเราพบว่าห้างดัง ๆ หรือศูนย์การค้าระดับประเทศมีพื้นที่ให้กับร้านที่จำหน่ายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า น้ำหอม หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เรากำลังเผชิญกับปัญหาที่ลึกกว่าการ “โกงผู้บริโภค” เพราะมันสะท้อนว่า...
-
ผู้ประกอบการจำนวนหนึ่ง ไม่กลัวกฎหมาย เพราะกฎหมายไม่มีฟัน
-
ผู้บริโภคบางส่วน เฉยชาและเลือกเพิกเฉย ต่อความถูกต้อง
-
เจ้าของแบรนด์หรือผู้ผลิตของแท้ ถูกทำลายความรู้สึกและแรงจูงใจ ทั้งในด้านรายได้และศักดิ์ศรี
ของปลอมไม่ใช่เรื่องเล็ก: เจ็บได้มากกว่าที่คิด
การซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อาจดูเป็นการ “ประหยัด” ในระยะสั้น แต่ผลกระทบในระยะยาวลึกซึ้งกว่ามาก
-
คุณภาพต่ำ เสี่ยงต่อการใช้งานและสุขภาพ เช่น น้ำหอมปลอมที่ปนเปื้อนสารเคมี, เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไร้ระบบความปลอดภัย
-
ไม่มีการรับประกันหรือความคุ้มครอง หากเสียหาย คุณไม่สามารถเรียกร้องสิทธิใด ๆ ได้
-
อุดหนุนกลุ่มทุนมืดหรือขบวนการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งบางครั้งเชื่อมโยงกับแรงงานผิดกฎหมายหรือการฟอกเงิน
-
ทำลายตลาดของผู้ผลิตของแท้โดยตรง โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่สร้างสินค้าด้วยฝีมือและหัวใจ แต่ต้องแข่งขันกับของเลียนแบบที่ตัดราคา
ความรู้สึกของเจ้าของของแท้: สิ่งที่ถูกขโมยไม่ใช่แค่ “ลิขสิทธิ์” แต่คือ “ศักดิ์ศรี”
ลองจินตนาการว่า คุณคือเจ้าของแบรนด์เล็ก ๆ ที่ปั้นสินค้าด้วยมือ คิด ออกแบบ ผลิต จ่ายค่าแรง และเสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่แล้วจู่ ๆ คุณกลับเห็นสินค้าที่ “เหมือนของคุณเป๊ะ” วางขายอยู่ในห้าง ในราคาต่ำกว่าครึ่ง โดยที่คุณไม่สามารถทำอะไรได้
คุณไม่ได้แค่เสียยอดขาย... คุณกำลังโดนขโมยตัวตน
ของปลอมอาจ “หน้าตาเหมือน” แต่ไม่มีวันที่จะ “มีคุณค่าเหมือน” เพราะคุณค่าของสินค้าที่แท้จริง มันสะสมมาจากแรงกาย แรงใจ และประสบการณ์ที่ไม่สามารถปลอมได้
ห้าง–แพลตฟอร์ม–ผู้บริโภค: ทุกคนมีบทบาทในการหยุดวงจรของปลอม
การหยุดยั้งการแพร่ระบาดของสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจหรือหน่วยงานรัฐเพียงฝ่ายเดียว แต่มันคือ “ความรับผิดชอบร่วมกัน” ของทุกภาคส่วน
-
ห้างควรมีมาตรการคัดกรองผู้เช่าเข้มข้น อย่าอ้างแค่ “เป็นเรื่องของผู้ค้า” เพราะพื้นที่เช่าเป็นพื้นที่สาธารณะของความน่าเชื่อถือ
-
แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องมีระบบตรวจจับและลบสินค้าปลอมอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงทำเพื่อภาพลักษณ์เฉพาะช่วงข่าวแรง
-
ผู้บริโภคต้องกล้าตั้งคำถามและกล้าปฏิเสธของปลอม อย่าใช้คำว่า “ก๊อบเกรด A” มาเบี่ยงเบนความผิด เพราะของปลอมก็คือของปลอม
ซื้อของแท้ไม่ใช่แค่เรื่องของแบรนด์ แต่คือการเคารพในแรงงานมนุษย์
สุดท้ายนี้ สิ่งที่ของปลอมขโมยไปมากกว่ายอดขาย ก็คือ แรงบันดาลใจของผู้สร้าง
อย่าให้สังคมกลายเป็นพื้นที่ที่คนโกงสามารถยืนได้ด้วยเสียงปรบมือของคนที่ “รู้ทั้งรู้ แต่ก็ซื้อ”
เพราะทุกครั้งที่คุณจ่ายเงินให้ของปลอม คุณไม่ได้แค่สนับสนุนสินค้าผิดกฎหมาย... คุณกำลังทำร้ายคนที่สร้างของแท้ด้วยหัวใจ และทำให้ความดี “กลายเป็นของล้าสมัย”
ของปลอมจะอยู่ไม่ได้ ถ้าคนจริง ไม่ซื้อ.






















