นักวิทยาศาสตร์เตือน ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นแบบ ‘หายนะ’ ถึงแม้จะคุมโลกร้อนไว้ได้ไม่เกิน 1.5°C แล้วเราจะเอายังไงกันดี?
นักวิทยาศาสตร์เตือน ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นแบบ ‘หายนะ’ ถึงแม้จะคุมโลกร้อนไว้ได้ไม่เกิน 1.5°C แล้วเราจะเอายังไงกันดี?
ภาพ:AI
ช่วงนี้หลายคนคงได้ยินเรื่อง “1.5 องศาเซลเซียส” ที่เป็นเป้าหมายของข้อตกลงปารีส (Paris Agreement) ว่าเราควรพยายามไม่ให้โลกร้อนเกินจากระดับก่อนยุคอุตสาหกรรมเกิน 1.5°C เพราะถ้าเกินจากนี้จะเกิดผลกระทบร้ายแรงทั้งต่อระบบนิเวศและชีวิตมนุษย์
แต่ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์จากหลายประเทศได้ออกมาเตือนว่า แม้ว่าเราจะสามารถควบคุมไม่ให้โลกร้อนเกิน 1.5°C ได้จริง ระดับน้ำทะเลก็ยังคงมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาจถึงขั้น “หายนะ” ในอนาคตระยะยาว
จากรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications Earth & Environment พบว่า ธารน้ำแข็งในกรีนแลนด์และแอนตาร์กติกายังคงละลายต่อไปอีกหลายศตวรรษข้างหน้า เพราะระบบภูมิอากาศของโลกมี “แรงเฉื่อย” (Inertia) ที่ทำให้แม้จะหยุดปล่อยคาร์บอนในวันนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้วก็ยังคงดำเนินต่อไป
ผลคือ ระดับน้ำทะเลอาจสูงขึ้นได้มากกว่า 1 เมตรใน 2300 และพื้นที่อย่างบางส่วนของกรุงเทพฯ หรือเมืองชายฝั่งทั่วโลกหลายแห่งก็อาจกลายเป็นพื้นที่จมน้ำอย่างถาวร
ภาพ:Ai
แล้วเราควรทำอย่างไร?
1. แม้จะน่าหดหู่ แต่นักวิทยาศาสตร์ยังย้ำว่า “ยิ่งเราลดคาร์บอนได้เร็วเท่าไร ผลกระทบก็จะรุนแรงน้อยลงเท่านั้น”
2. ต้องเตรียมปรับตัว เช่น วางแผนผังเมืองใหม่ สร้างโครงสร้างป้องกันน้ำทะเล และให้ความสำคัญกับธรรมชาติ เช่น ป่าชายเลน
3. รณรงค์ให้รัฐบาลทั่วโลกเอาจริงกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และไม่ผัดวันประกันพรุ่ง
ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องของคนรุ่นต่อไปอีกแล้ว แต่มันคือปัญหาที่เราอาจต้องเผชิญในช่วงชีวิตนี้เอง
#ภาวะโลกร้อน #น้ำทะเลสูงขึ้น #climatechange #โลกร้อน #ลดคาร์บอน #วิกฤตสิ่งแวดล้อม
แหล่งที่มา:
Nature Communications Earth & Environment (2024)
รายงานจาก Climate Crisis Advisory Group
สรุปข่าวจาก The Guardian และ Reuters
















