เบื้องหลังกว่าจะมาเป็นขันทีในวังหลวงจีน

ขันทีมีบทบาทสำคัญในวังหลวงจีนมาหลายยุคสมัย ทำหน้าที่รับใช้ใกล้ชิดฮ่องเต้ ฮองเฮา และเหล่าสนมกำนัล ในวังส่วนในที่ต้องระมัดระวังเรื่องการสืบเชื้อสาย การมีขันทีซึ่งเป็นชายที่ถูกตอนแล้วจึงเป็นการป้องกันปัญหาการมีทายาทที่ไม่ใช่เชื้อสายฮ่องเต้

ที่มาของขันทีหลากหลาย ตั้งแต่เชลยศึก ผู้ถูกเกณฑ์ ไปจนถึงผู้สมัครใจในบางยุคสมัย เมื่อเข้าวัง ขันทีมีหน้าที่หลากหลาย และด้วยความใกล้ชิด ทำให้พวกเขามีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองในหลายครั้ง

ขั้นตอนการเป็นขันทีมีการบันทึกอย่างละเอียดในสมัยราชวงศ์ชิง ผู้ที่ต้องการเป็นขันทีต้องจ่ายเงินเข้ารับการผ่าตัดใน "คลินิกผลิตขันที" โดยจะถูกให้แช่น้ำเย็นจัดเพื่อทำให้ชา จากนั้นจะมีการห่อและตัด "แพ็คเกจ" ทั้งหมดออกอย่างรวดเร็วด้วยมีดคม หลังผ่าตัดจะมีการสอดแท่งไม้หรือขนนกเข้าไปในท่อปัสสาวะเพื่อให้เปิดอยู่ขณะแผลสมาน ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องเดินทันทีหลังผ่าตัด และงดน้ำ 3 วันเพื่อรอการสมานแผล การพักฟื้นกินเวลานาน 100 วัน โดยห้ามใส่เสื้อผ้าท่อนล่าง สถิติการเสียชีวิตจากการผ่าตัดในยุคนั้นค่อนข้างต่ำ

"แพ็คเกจ" ที่ถูกตัดออกจะถูกเก็บรักษาไว้ เรียกว่า "ของรัก" มีความสำคัญในการแสดงตนเมื่อเลื่อนตำแหน่ง และใช้ใส่ลงในโรงศพเมื่อเสียชีวิตตามความเชื่อเรื่องร่างกายครบ 32 ทำให้เกิดธุรกิจการเรียกค่าไถ่ "ของรัก" ในบางคลินิก

ร่างกายของขันทีจะเปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่ถูกตอน หากถูกตอนตั้งแต่เด็กจะมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ รูปร่างสูงใหญ่ แขนขายาว แต่มีอาการขาโก่งหรือหลังค่อม ขาดฮอร์โมนเพศชายทำให้สะสมไขมันง่าย ผิวพรรณเหี่ยวย่น เสียงไม่แตกทุ้ม และอาจควบคุมการขับถ่ายปัสสาวะได้ไม่ดี ทำให้มีกลิ่นปัสสาวะติดตัว

ระบบขันทีดำรงอยู่คู่ราชวงศ์ชิงจนกระทั่งสิ้นสุดการปกครองในที่สุด เรื่องราวของขันทีสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของบุคคลกลุ่มนี้ในประวัติศาสตร์จีน รวมถึงขั้นตอนที่ทรหดและความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายที่พวกเขาต้องเผชิญ